“อ้น สราวุธ” แจกน้ำดื่ม - ผ้าเย็น ปชช. บอกทำความดีกราบเท้าพ่อหลวงทุกวัน อยากให้ 1 ปี มี 1 วันที่เงินไม่มีค่ามากกว่าจิตใจ อยากให้คนไทยแบ่งปันเพื่อพ่อหลวง ชี้ คำสอนของพระองค์จะดังก้องอยู่ในใจคนไทยทุกคน อย่าให้ต่างชาติมาดูถูก ด้าน “พีช พชร” พร้อมครอบครัวมาแจกขนม เผย ความรู้สึกปวดร้าว พร้อมสานต่อพระราชปณิธานเรื่องความสามัคคี
ช่วงบ่ายวันที่ 24 ต.ค. นักแสดงดัง “อ้น สราวุธ มาตรทอง” มาช่วยแจกน้ำดื่ม ผ้าเย็นให้แก่ประชาชนที่มาร่วมถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณท้องสนามหลวง เผย เป็นภาพที่ประทับใจ อยากเห็นคนไทยช่วยเหลือกันแบบนี้บ่อย ๆ แนะควรมีแบบนี้ปีละหนึ่งครั้งเพื่อพ่อหลวง วันที่ใจมีค่ามากกว่าเงินทอง
“วันนี้มากับเพื่อน ๆ นักแสดง มาช่วยแจกอาหารแจกขนม พอหมดแล้วก็เลยมาช่วยบูธอื่นต่อ เดินแจกน้ำแจกผ้าเย็นไหน ๆ เรามาแล้วไม่ได้แปลว่าเราทำสิ่งหนึ่งจบแล้วกลับ อะไรที่เราทำได้เราก็ทำตอนที่ทำอะไรก็ได้ แจกน้ำเสร็จผมก็รับขยะกลับ มันเป็นวันที่เราได้ช่วยเหลือกันจริง ๆ วันนี้ก็จะทำทุกอย่างที่จะทำไหว”
“เห็นคนไทยช่วยกันแบบนี้ มันเป็นภาพที่ประทับใจมาก อยากเห็นภาพนี้บ่อย ๆ ผมไม่ได้มาแบบนี้บ่อย แต่ผมอยากให้มีงานแบบนี้อยากให้มีแบบนี้ปีละหนึ่งครั้ง เป็นวันที่เงินจะไม่มีมาเกี่ยวข้องใด ๆ แต่เป็นวันที่ใจของเรามีค่ามากที่สุด เราหยิบยื่นน้ำใจให้กันแบบนี้เพื่อพ่อของเราไม่อยากให้มีแค่ครั้งนี้แล้วผ่านไป”
“อาชีพผมนักแสดง หรืออาชีพไหนก็แล้วแต่ ความจริงทุกคนเป็นลูกของพ่อหมด ทุกอาชีพมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบเราต้องทำให้ดีที่สุด เวลาแบบนี้ที่ทุกคนกำลังเศร้า แต่วันนี้ความรู้สึกของคนไทยทุกคนเราใกล้กันกว่าเดิม เพราะเรารู้ว่าเรารักพ่อเราเหมือนกัน นานแล้วที่เราไม่ได้รู้สึกร่วมกันแบบนี้ แม้เราจะทำงานในทีวี แต่ในเวลานี้เราก็มารวมใจกัน”
“ผมก็เป็นเหมือนคนทั่วไปเป็นประชาชนคนหนึ่ง เราทุกคนเท่ากันหมด ที่มีอะไรก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ในหลวงท่านสอนเราแบบนี้ ในเรื่องของความเมตตาและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พระองค์ท่านสอนเสมอตลอด 70 ปีที่พระองค์ครองราชย์ เกิดมาผมเห็นพระองค์ทำเพื่อเรามาตลอด ฉะนั้น การที่ใครสักคนจะยอมเหนื่อยมากทั้งชีวิตไม่มีวันหยุดเพื่อพวกเรา ผมว่าการที่เราจะมาแบ่งปันกันมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก”
เสียงสั่นเคยรับบทคนติดคุกในละครเทิดพระเกียรติ เป็นพระราชดำรัสเกี่ยวกับความยุติธรรม ตนกำเหรียญบาทไว้แน่นร้องไห้อยู่ในคุก บอกเอาความดีกราบเท้าพ่อทุกวัน
“ผมแอบอิจฉาคนเฒ่าคนแก่ คนต่างจังหวัดที่พระองค์เสด็จฯไปหาและได้ใกล้ชิด เขาได้รับเสด็จฯ มีครั้งหนึ่งในวันที่ 9 มิ.ย. วันนั้นผมอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อรอรับเสด็จฯพระองค์ท่าน แต่ในช่วงที่ทุกคนตั้งแถวรอพระองค์ ทุกคนรวมถึงผมก็อยากเห็นพระองค์ท่านให้เป็นบุญตา แต่เวลานั้นมีคนป่วยผมเลยไปช่วยคนป่วยให้เขาได้เข้าไปอยู่ในเต็นท์พยาบาล ผมเลยไม่ได้ไปรับเสด็จฯ ในขณะที่ผมไปช่วยคนป่วย ผมไม่ได้เห็นพระองค์ท่านแล้ว ผมกลับคิดในใจว่าพ่อคงดีใจมากกว่าถ้ารู้ว่าเราทำดีเพื่อพ่อมากกว่าที่เราเห็นคนเจ็บและลำบากมาแล้วละเลยเขาเพื่อที่จะมาเห็นพ่อ สมมติว่าถ้าผมเกิดมีโอกาสได้ใกล้พระองค์ท่านจริง แล้วพระองค์ท่านถามว่าทำไมไม่ไปช่วยคนเจ็บผมคงจะตอบพระองค์ไม่ถูก ผมคิดว่าวันนั้นผมได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ผมเอาความดีกราบเท้าพ่อทุกวันอยู่แล้ว”
“ส่วนหนึ่งการทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นนักแสดง ผมมีความสุขมากที่ได้โอกาสได้เล่นละครเทิดพระเกียรติ มันไม่ใช่เรื่องธุรกิจแต่เป็นเรื่องหัวใจในการทำงานที่เราใช้ความสามารถ ละครเทิดพระเกียรติผมเล่นมาหลายเรื่องมาก แต่เรื่องที่จำได้ขึ้นใจมีสองเรื่องคือ ร.ศ.112 คนไทยรักแผ่นดิน เป็นเหตุการณ์ในช่วงสมัยที่คนไทยต้องตัดแข้งตัดขาแผ่นดินเพื่อรักษาประเทศให้คงอยู่ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งฉายในวันปิยมหาราช”
“อีกเรื่องหนึ่งคือ ละครเทิดพระเกียรติที่ถ่ายทำไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และมาฉายอีกครั้งเรื่องยุติธรรมในใจ เป็นเรื่องพระราชดำรัสในหลวงเกี่ยวกับความยุติธรรม ว่า คนเราควรจะใช้ชีวิตอย่างสัมมาอาชีพไม่เบียดเบียนผู้อื่น ในเรื่องผมเล่นเป็นคนจน ผมโดนใส่ความให้เป็นคนโกงบริษัทจนผมโดนจับ ตำรวจที่จับผมไปก็มองว่าผมเป็นคนไม่ดี และรังเกียจผมว่าผมเป็นโจร แต่สุดท้ายเขาได้ไปอ่านพระราชดำรัสในหลวง ว่า เป็นตำรวจ ข้าราชการ เป็นข้าของแผ่นดินต้องมีความยุติธรรมในจิตใจ เขาเลยรื้อคดีความทั้งหมดว่ามันจริงมั้ย”
“สุดท้ายเขาก็ช่วยผมออกจากคุกหลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจผม ผมได้เข้าไปถ่ายในคุก (เสียงสั่นเครือ) แล้วผมหยิบเหรียญบาทมีรูปในหลวงแล้วผมก็ร้องไห้อยู่ในคุก วันนั้นผมรู้สึกดีใจที่ได้ทำเพื่อพ่ออีกหนึ่งอย่าง พอทีมงานสั่งถ่ายทำผมก็เก็บเหรียญไว้แล้วเริ่มถ่ายทำ เรื่องนี้จะเอามาฉายอีกครั้งที่ช่อง 3”
“ผมอยากจะบอกน้อง ๆ นักแสดงทุกคน เวลาที่มีละครเทิดพระเกียรติติดต่อมาให้เล่นไปเลย เพราะทุกเรื่องบทละครดีมาก มันเป็นเกียรติเป็นศรีในชีวิตคุณมาก ๆ มันไม่ได้เป็นละครตบตีแย่งชิงผัวเมียตีรันฟันแทงอวดความร่ำรวย มันเป็นการสอนเราไปในตัวว่าเราจะดำรงชีวิตอย่างไรให้มีความสุข บนความสุขของผู้อื่นโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมทุนนิยมเราอยากได้อยากมีอยากเป็น มันอยู่ในจิตใจและสัญชาตญาณของเราไปแล้ว แต่การได้เล่นละครเทิดพระเกียรติ ที่เราได้ถ่ายทอดคำสอนพระราชดำรัสของพระองค์เป็นโอกาสที่เราได้ดึงตัวเองกลับมาอีกครั้ง ว่า การเป็นมนุษย์ที่ดีจะต้องต่อสู้กับอะไรบ้างเพื่อจะเป็นมนุษย์ที่ดี แน่นอนต้องคือการเลี้ยงชีพตนเอง ขณะเดียวกัน ต้องมีความเอื้อเฟื้อแบ่งปันให้กับคนอื่นที่เขาลำบากกว่านั่นจึงจะเป็นความหมายที่ดี”
“ผมว่าผมตั้งใจเข้าวงการบันเทิง เพื่อเป็นนักแสดงที่ดีอยู่แล้ว ตัวผมกราบในหลวงเสมอมาอยู่แล้ว ต่อแต่นี้ผมจะไม่ได้เห็นพระองค์อีกต่อไปแต่ผมจะทำดี ที่ผมพูดว่าผมกราบเท้าท่านเสมอ หลังจากนี้ ผมก็จะหลับตาและกราบเท้าพระองค์ท่านต่อไปแค่เพียงคิดถึงพ่อคิดถึงพระองค์ผมก็มีความสุข อย่างมาวันนี้ผมเหนื่อย ตัวเปียก ผมร้อน แต่ผมไม่สนใจผมคิดว่าพ่อคงมีความสุขและดูจากข้างบนโน้นและผมเองก็มีความสุข เห็นประชาชนคนไทยมีความสุขนี่คืออีกวันที่ดีของผม ผมคิดเพียงแค่นี้”
คำสอนของพ่อหลวงจะดังก้องอยู่ในใจคนไทยทุกคน อย่าให้ต่างชาติมาดูถูก
“สำหรับคำสอนพระองค์ดังขึ้นอยู่แล้ว และดังมานานมากแล้ว มันเป็นวิธีการใช้ชีวิตของผมมานานแต่ผมคิดว่าวันที่พระองค์ไม่อยู่ มันคงทำให้พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสหลาย ๆ อย่าง คำพ่อสอนดังขึ้นในจิตใจของคนไทยหลาย ๆ คนที่อาจจะหลงลืมไปแล้วบ้าง เพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น เราลองมองหน้ากันตอนนี้สิ นี่คือ คนไทยในความรู้สึกผม อย่าให้ต่างชาติมาดูถูกเรา อย่าให้เรามาดูถูกกันเอง ลูกของพ่อควรเป็นคนอย่างไรผมว่าทุกคนรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว”
ด้านนักแสดงหนุ่ม “พีช พชร จิราธิวัฒน์” และครอบครัวได้มาร่วมถวายสักการะและถวายอาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมหาราชวัง ซึ่งก่อนหน้านั้นได้นำขนมไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่มาร่วมถวายอาลัยบริเวณประตูมณีนพรัตน์ตั้งแต่เวลา 9.00 น. โดยหนุ่มพีชเผยว่าตนรู้สึกเจ็บปวด และตั้งใจจะสานต่อพระราชปณิธานของพ่อหลวง
“มีโอกาสเข้ามาแสดงความอาลัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เป็นครั้งแรก พวกเราคนไทยต่างรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดเหมือนกัน แต่ในฐานะคนไทย จะสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์เรื่องความสามัคคี ที่เราต้องเรียนรู้ที่จะเสียสละส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หากเราได้มากก็ช่วยเหลือผู้อื่นให้มาก โดยไม่เพียงแค่กำลังทรัพย์ แต่พละกำลังและพลังความคิดก็นำมาช่วยเหลือสังคมได้ด้วย”
“เราเป็นนักแสดง สิ่งที่เราต้องทำคือต้องสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของทุกคน เช่น ทำหน้าที่โปรโมตวัฒนธรรมไทย สืบสานประเพณีไทยต่อไป อีกทั้งตอนนี้ได้ทำงานร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นที่ยากจน แต่พลังการกระทำเพียงคนเดียวคงไม่พอ พวกเราทุกคนต้องช่วยและผลักดันกันต่อไป”
ด้าน “แพร์ พิมพิศา” พี่สาวเผยว่า “วันนี้เราได้มาแจกขนมปังเพรสตี้และครัวซองต์ จำนวน 2,000 ชิ้น ที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ วัดพระแก้ว ตั้งแต่ 9.00 น. รู้สึกดีใจที่ได้ทำเรื่องดี ๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง การที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต ครอบครัวเราก็เสียใจไม่ต่างจากคนไทยทุกคน เพราะในหลวงมีพระกรุณาธิคุณต่อคนไทยอย่างหาที่สุดมิได้ และในหลวงจะเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสถิตอยู่ในใจพสกนิกรชาวไทยตลอดไป”
ขณะที่ “นางชนัดดา จิราธิวัฒน์” มารดาหนุ่มพีช กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกผูกพันกับพระองค์ท่านมาก เพราะตลอด 70 ปี พระองค์ท่านทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนคนไทย หากเราทำอะไร ช่วยเหลืออะไรได้ แม้เพียงเล็กน้อยก็อยากจะทำ จึงชวนกันมาแสดงความอาลัยแด่พระองค์ท่าน”
