xs
xsm
sm
md
lg

“ฟลุค” ขนลุก เมืองไทยไร้ปัญหาสีเสื้อ นร.อาชีวะเลิกตีกันเพื่อพ่อหลวง ถามใครจะทำได้แบบนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ฟลุค จิระ” รับกอดคอ “แอปเปิล” ร้องไห้ในวันที่รู้ข่าวร้าย เปิดใจร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ทุกท่อนทุกประโยคกลั่นมาจากใจ ขอเก็บเป็นความทรงจำดี ๆ คนไทยปลอบใจกัน ไร้ปัญหาสีเสื้อ ไม่มีความแตกแยก บอกถ้าหากวันไหนทะเลาะกันขอให้คิดถึงวันนี้ ขนลุกแม้แต่นักเรียนอาชีวะยังเลิกตีกัน

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ ประชาชนคนไทยรวมพลังร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำหรับ “ฟลุค จิระ ด่านบวรเกียรติ” โดยเจ้าตัวเปิดใจขอเก็บภาพวันนี้เอาไว้เป็นความทรงจำ เพราะเป็นวันที่คนไทยไร้ปัญหาสีเสื้อ

“ก่อนหน้านี้ เคยมาถวายสักการะเองเมื่อคืนวันที่ 15 ต.ค. มากับแอปเปิล และเพื่อน ๆ ส่วนวันนี้ความรู้สึกก่อนและหลังถ่ายทำมันคนละแบบเลย ก่อนถ่ายทำรู้สึกว่าคนเยอะจังเลย แต่ก็ได้ร่วมจารึกประวัติศาสตร์ว่าคนไทยมารวมตัวเยอะขนาดนี้ เพื่อแสดงพลังเพื่อพ่อหลวง พอเริ่มได้ร้องเพลงสรรเสริญจริง ๆ เรารู้สึกได้ถึงความตั้งใจของคนรอบตัว ขนาดเวลาอยู่ในกองถ่ายที่มีคนเยอะ ๆ ยังมีคนเล่นอะไรกันบ้าง แต่ทุกคนที่มาวันนี้ตั้งใจ”

“ได้ฟังเสียงพี่อั้ม - พี่นัท พูดบนเวที ทุกคนก็ตั้งใจอยากให้ออกมาดี บางคนถือโทรศัพท์ขึ้นมา คนข้าง ๆ ก็บอกว่าคุณเอาลงหน่อย พูดให้กันแบบดี ๆ มันเห็นถึงความตั้งอกตั้งใจของประชาชน แต่ที่เห็นชัดเจนมาก คือ ความมีน้ำใจ ทุกคนไม่รีรอที่จะช่วยเหลือคนที่ป่วย คนใส่สูทแบกคุณป้าหนัก ๆ พอบอกว่ามีคนป่วยทุกคนก็เปิดทางแหวกเลย เราไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าคนไทยมีน้ำใจ แต่พออยู่บนท้องถนน มีรถพยาบาลเปิดไซเรนก็ไม่มีคนหลบทางให้ แต่วันนี้พอได้เห็นคนเจ็บทุกคนต่างพร้อมใจหลบให้ ทุกคนคอยช่วยเหลือกัน”

“ได้มาเห็นภาพวันนี้แล้วผมรู้สึกดีมาก ผมไม่ได้มาเก็บแค่บรรยากาศ แต่เป็นโมเมนต์ที่ควรเก็บไว้ในใจคนไทยทุกคน ว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งเราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม อยากให้คนไทยกลับมามองความรู้สึกวันนี้ ทุกคนใส่เสื้อสีดำ ไม่มีเสื้อสีไหน ไม่มีความแตกแยก ทุกคนมาแสดงใจว่ารักประเทศชาติ รักในหลวง อยากให้กลับมามองภาพนี้ แล้วความบาดหมางที่มีมันจะเบาบางลง อยากให้ทุกคนนึกวันนี้ นึกถึงภาพความลำบากที่เราทำร่วมกัน”

ตั้งใจร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทุกท่อนทุกประโยค
“ส่วนตัวผมเคยร้องเพลงเทิดพระเกียรติหนึ่งเพลง คือ เพลงพ่อของลูก ช่วงปี 2557 เป็นปีที่พระองค์ท่านทรงประชวร ได้มีการทำเพลงขึ้นมา ท่อนที่ผมได้ร้องคือได้ข่าวพ่อไม่สบาย ลูกไม่อาจหลับตา ซึ่งผมก็ร้องไม่ผ่านเสียที คิดว่าตัวเองร้องไม่เพราะ เราได้พยายามดีไซน์การร้องหลายแบบแต่ก็ไม่ผ่าน พี่บั๋ง (สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา) โปรดิวเซอร์ก็เรียกออกมาคุยกัน บอกว่า พี่ไม่ได้ต้องการให้เพลงออกมาเพราะ แต่พี่ต้องการให้เพลงออกมามีความหมาย ให้นึกถึงว่าทำไมพ่อป่วยแล้วเราถึงรู้สึกไม่ดี เพราะพ่อคนนี้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้าง ทำอะไรมาบ้าง นึกถึงว่าประเทศไทยเจริญมาขนาดไหนเพราะท่าน และท่านเหนื่อยขนาดไหนเพื่อเราทุกคน พอเราได้นึกย้อนกลับไปร้องครั้งเดียวผ่านเลย ร้องจากใจ เราถึงนำมาใช้ในวันนี้”

“ตอนร้องรอบแรกที่เป็นการซ้อมผมก็ไม่ไหวแล้ว น้ำตาไหล แต่รอบต่อมาเราก็ตั้งใจมาก คนข้าง ๆ จะทำอะไรเราก็ไม่สน พอรอบที่สามมันมาจากใจจริง ๆ ทุกท่อนทุกประโยค โดยไม่ได้สนใจว่ามีกล้องตัวไหนมาจับ ผมอยู่กับตัวเองและรับรู้ถึงความรู้สึกของคนรอบข้าง คุณป้าข้าง ๆ ร้องด้วยความเสียใจ ต้องหันไปปลอบ ซึ่งผมก็ร้องไห้ด้วย มันเป็นบรรยากาศที่คนไทยได้ปลอบใจซึ่งกันและกัน ทำให้ประชาชนได้เข้มแข็ง มันเหมือนชีวิตจริง ถ้าพ่อเราจากไปเราก็ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง และเราต้องทำให้พ่อเรามั่นใจว่าเราอยู่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องรวมพลังเพื่อเดินหน้าต่อไปอย่างเดียว โศกเศร้าได้ ไว้อาลัยได้ แต่ต้องกลับมาทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”

เผย “แอปเปิล สีสะเหงี่ยน สีหาราช” แฟนสาวเคยไม่เข้าใจทำไมคนไทยรักในหลวง แต่ค่อย ๆ ซึมซับความรักในหลวง จนในวันที่ 13 ต.ค. กอดคอร้องไห้ไปด้วยกัน
“แอปเปิลอยู่เมืองไทยมา 10 ปี ช่วงแรก ๆ เขาก็สงสัยไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนไทยรักในหลวง ในหลวงมีความสำคัญยังไงกับคนไทย ไม่เหมือนกับประเทศเขา ผมเลยบอกว่ามันบอกเป็นความรู้สึกไม่ได้เหมือนกัน เพราะพี่เกิดมาก็ถูกซึมซับโดยพลังของคนรอบข้าง พลังของความจงรักภักดีความรักที่มีต่อท่าน”

“ตอนเด็ก ๆ ผมจัดบอร์ดนิทรรศการ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าท่านทำอะไรมา ต้องไปเปิดหาข้อมูล แต่เดี๋ยวนี้เปิ้ลดูอินเทอร์เน็ต เปิ้ลก็รู้หมดแล้วว่าท่านทำอะไรมาบ้าง ยิ่งทุกวันนี้ยิ่งเต็มในฟีดของเฟซบุ๊ก ก็ค่อย ๆ บอกเปิ้ลจนเขาซึมซับไปเรื่อย ๆ จนวันที่ 13 ต.ค. เปิ้ลก็ร้องไห้ไปกับผม ทั้งที่เขาไม่ใช่คนบ้านเรา แต่พลังของคนที่มันอยู่ใกล้กันมันรู้สึกได้ ยิ่งคนไทยเองยิ่งรู้สึกต่อท่านแบบคณานับไม่ได้”

คำสอนของพระองค์ท่านมักพูดถึงคนหมู่มาก พูดถึงการให้ เศรษฐกิจพอเพียง แต่ที่เคยได้ยินเฉพาะกลุ่มในวัยทำงาน คือ เรื่องความอดทน ถ้ามีความอดทนในการทำงานยังไงก็ทำงานนั้นได้ แม้งานนั้นจะยากแค่ไหนก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับคนเพิ่งเรียนจบและเพิ่งเริ่มทำงาน สำหรับผม ผมทำบริษัทคลินิกที่มีพนักงานผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเยอะมาก ผมก็ยกพระราชดำรัสของท่านไปบอกพนักงาน”

“ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้เป็นวิกฤตที่มีความวิเศษ เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่แค่ทำให้คนไทยกลับมารักกันมากขึ้น มันมากจริง ๆ ผมไม่เคยเห็นภาพแบบนี้เลยที่คนมาสนามหลวงเพื่อมาช่วยเหลือกัน จนซัปพลายมากกว่าดีมานด์ คือ ให้มากกว่าได้รับ”

ขนลุก นักเรียนอาชีวะเลิกตีกัน จับมือลบข้อความที่ขีดเขียนบนกำแพง บอกจะมีใครเปลี่ยนใจคนได้แบบนี้บ้าง
“เมื่อวานผมดูข่าวประทับใจมาก กลุ่มนักเรียนอาชีวะที่เคยขีดเขียนบนฝาผนังเละแถวบางปู สมุทรปราการ ร่วมมือกันสองสถาบันเพื่อลบสิ่งที่ตัวเองเขียน มันขนลุกมาก เขาคิดใหม่ทำใหม่ ซึ่งมันจะมีใครทำให้เขาเปลี่ยนได้ขนาดนี้บ้าง”

“และอีกหนึ่งเรื่อง คือ เรื่องการกระแสที่คนทำดีอวดโซเชียล บางคนบอกว่าทำความดีอย่าไปอวดเลย แต่ผมว่าวัฒนธรรมแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน คนที่ไม่เคยทำเลยเขาได้ทำสักครั้งหนึ่งอาจจะได้รับรู้ความรู้สึก มีคนชื่นชม ถ้าเขารู้สึกดีเขาก็อยากทำอีก แม้กระทั่งคนแกล้งทำเป็นอยากทำเพื่อให้คนมาชมก็ดีแล้ว ดีกว่าเขาไม่ทำอะไรเลย ถ้าทุกคนหันมาทำดีหมดถึงจะอวดลงโซเชียลแต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ดี อย่าไปว่าเขาเลย เขาจะอวดว่าเก็บขยะแต่เก็บเพียงชิ้นสองชิ้นอย่างน้อยก็ยังได้เก็บ”


กำลังโหลดความคิดเห็น