“แหวน ฐิติมา” ยังรู้สึกชาตรงแผลผ่าตัดและคงชาตลอดไป เผยโปรแกรมรักษามะเร็งเต้านมครบหมดแล้ว เหลือแค่นัดตรวจเช็กตามเวลาเท่านั้น ปลื้มเป็นวิทยากรให้กำลังใจคนท้อแท้ บอกหายห่วง “ปันปัน” ลูกสาว หลังไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 6 เดือน เลิกเป็นลูกแหง่ติดแม่
ฟันฝ่าอุปสรรคโรคร้ายมาได้แล้ว สำหรับ "แหวน ฐิติมา สุตสุนทร" ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวเผยว่าโปรแกรมรักษามะเร็งเต้านมตอนนี้เสร็จหมดแล้ว เหลือแค่นัดตรวจเช็กอาการทุก ๆ 3 เดือน บอกถ้าเกิดเป็นขึ้นมาอีกก็คงได้รู้แต่เนิ่น ๆ แต่ยังชาแผลที่ผ่าตัด ต้องคอยบริหารร่างกายและห้ามยกของหนัก
“อัปเดตอาการตอนนี้ก็คือรักษาเสร็จแล้ว เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ผ่าตัดตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. แล้วก็เว้นไปประมาณเดือนครึ่งก็มาให้เคมีบำบัดจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. คุณหมอก็ให้ยาต้านฮอร์โมนมาทาน แล้วก็เริ่มฉายแสงตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. จนมาเสร็จวันที่ 7 มี.ค. ปีนี้ค่ะ ตอนนี้ก็เสร็จแล้วค่ะ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแค่ตรวจเช็ก คุณหมอจะนัดทุก 3 เดือน พอครั้งนี้ก็จะเป็นการรักษาเคมีบำบัดครบ 1 ปีพอดี คุณหมอก็เลยนัดต้นเดือน ม.ค. ทีนี้ตรวจเยอะเลย”
“การตรวจตอนนี้ก็คือการชี้บ่งว่าผลจะเป็นยังไง นัดตรวจไปเรื่อย ๆ ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีกหรือเปล่า ถ้าเกิดขึ้นมามันก็อยู่ภายใน 3 เดือนหรือคุณหมออาจะยืดเป็น 6 เดือน ซึ่งถ้าเป็นอีกมันก็คงเป็นน้อยแล้ว คงจะรู้เร็ว ตอนนี้ถามว่าต่อมน้ำเหลืองที่ผ่าไปมันมีผลอะไรมั้ย มันก็ยังไม่มีนะคะ แต่แผลที่ผ่ามากกว่า คือ เราผ่าตรงใต้รักแร้ลงมา แล้วก็ผ่าเต้านมใหม่ ก็ต้องเอาเนื้อจากตรงที่ผ่าเนี่ยไปใส่ที่เต้านม มันก็เลยตัดเส้นประสาทไป แผลที่ผ่าก็ยังรู้สึกชาอยู่ ก็คงจะชาไปตลอดชีวิต อาจจะมีคัน ๆ แผลบ้างเล็กน้อยในบางวัน แล้วมันก็จะตึง ต้องบริหารแขนตลอดเวลา เพราะถ้าเราอยู่เฉย ๆ มันอาจจะเป็นพังผืดขึ้นมาได้ และเป็นผลจากการฉายแสงด้วย และห้ามยกของหนัก”
“ตอนนี้ก็เริ่มออกงานได้มากขึ้นค่ะ แต่ก็ต้องดูร่างกายเราเองด้วย และตอนนี้ก็เพิ่มหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือเป็นวิทยากรด้วย คือพูดให้ความรู้ แต่จริงๆ ก็เหมือนวิทยาทานด้วย เพราะแต่ละงานเราก็ไม่ได้อยากจะคิดค่าตัวอะไร เราอยากจะช่วยคนที่เขาอาจจะมีปัญหาหรือท้อแท้ใจ แต่เราผ่านจุดนั้นมาแล้วเราก็คิดว่าไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จนไปเจอกับคนที่เขาผ่านประสบการณ์เหมือนเรา หนักกว่าเรา ก็เป็นกำลังใจให้กับคนที่ฟังหรือว่าผู้ป่วยที่อาจจะทำใจไม่ได้หรือท้อแท้ใจ เราก็เป็นกำลังใจให้เขา มันก็เลยเหมือนเป็นงานวิทยาทานไปด้วยค่ะ”
เผยหายห่วง “ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ” เล็งวางแผนขอทุนเรียนต่อปริญญาโท
“น้องปันปันตอนนี้เรียนปีสุดท้ายแล้ว อยู่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอินเตอร์ค่ะ และเทอมหน้าปิดเทอมก็จะไปฝึกงานที่กระทรวงต่างประเทศ 2 อาทิตย์ พอเปิดเทอมก็จะไปฝึกงานที่ยูเอ็น องค์การสหประชาชาติอีก 3 เดือนค่ะ เรื่องเรียนต่อกำลังคิดกันอยู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจ ว่าจะให้น้องทำงานก่อน คือน้องเขาอยากไปขอทุนเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่การขอทุนจะต้องขอจากคนที่ผ่านงานมาแล้ว ถ้าจะไปก็ต้องเป็นทุนตัวเอง ก็ลองดูว่าอาจจะทำงานอีกสักแป๊บหนึ่งมั้ยแล้วค่อยขอทุนเพื่อจะไปเรียนต่อปริญญาโท หรือจะยังไงกำลังตกลงกันอยู่ค่ะ”
“พอมาถึงวันนี้เราก็หมดห่วงไปเยอะนะคะ หลังจากที่เขาได้ไปเรียนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกามาประมาณเกือบ 6 เดือน ทำให้รู้สึกว่าเขาโตขึ้นเยอะมาก หมดห่วงไปเยอะเลย เพราะเราก็ได้ตามไปเหมือนกันในช่วงก่อนที่เขาจะกลับ พอไปก็เห็นเขาโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น การพูดจาทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงจากเดิมจากที่เป็นลูกแหง่ของแม่ตลอดมา แต่กลับดูแลตัวเองได้ เขามีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย จากเดิมที่แม่ทำทุกอย่างให้ แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกของเขาเอง คงจะเป็นไปตามวัย แต่อาจจะช้านิดหนึ่ง เพราะน้องก็ 20 แล้ว อย่างตอนนี้ไปซื้อของกันเขาก็บอกไม่ให้เราถือของหนัก เดี๋ยวปันปันถือเอง เราก็รู้สึกดีที่เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นค่ะ”
ไม่ห่วงเรื่องหนุ่ม ๆ เข้าหาลูกสาว เพราะมีอะไรลูกสาวจะบอกตลอด
“ก็ไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและไม่ปิดบังอะไรพ่อแม่เลย ถ้ามีใครเข้ามาคุยเขาก็จะมาบอกพ่อแม่เกือบทุกอย่างเลย ฉะนั้น ถ้ามีอะไรเราก็ช่วยให้คำปรึกษาแนะนำได้ ซึ่งตามวัยแล้วก็ไม่น่าจะไปปิดบังหรือกีดกันอะไร เพราะเขาก็โตแล้ว เพียงแต่เราดีใจที่พอมีอะไรเขาก็มาปรึกษาเรา เราก็ให้คำปรึกษาที่ดีกับเขาได้ค่ะ”