“แพร์ ชนิตา” ชนะเลิศ สวมมงกุฎในนรก งัดแชตแฉ “แม่ - ฟิล์ม” โกหกเรื่องไม่รู้ว่าลูกชายมีลูก เพิ่งมารู้ตอนเป็นข่าว ทั้งที่แชตมาด่า “อีอัปมงคล” ตั้งแต่เดือน เม.ย. ด้าน “พี่สาวฟิล์ม” เข้าข้างน้องสะใภ้ ยอมรับฟิล์มตีลูกจริง ทนไม่ไหวฟิล์มด่าปู่ย่าไม่นับญาติ
ออกมาให้สัมภาษณ์หนังคนละม้วน สำหรับกรณีที่ “แพร์ ชนิตา” ออกมาแฉว่า “ฟิล์ม ณัฐกวี” นักแสดงวัยรุ่นละครเรื่อง “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” ทำร้ายตนและทุบตีลูกวัย 3 เดือน จนน่วมไปทั้งตัว ทนไม่ไหวจะแจ้งความ แต่อีกฝ่ายก้มกราบเท้าขอโทษแม่ตน ขอโอกาส และจะไม่ทำอีก ด้านพ่อฟิล์มตอนแรกเข้าข้างลูกบอกไม่มีทางทำแบบนี้ แต่พอรู้ความจริงเลือกเข้าข้างลูกสะใภ้ ในเวลาต่อมาหนุ่มฟิล์มได้ออกมาเปิดใจพร้อมคุณแม่ ยันตนไม่ได้ทุบตีลูกวัย 3 เดือนแต่ยอมรับทุบตีลูกตอนอายุ 1 ขวบ แต่แค่สั่งสอน ด้านแม่ฟิล์มก็ร่ำไห้น้ำตานอง สะเทือนใจลูกคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย ย้ำตนไม่เคยรู้ฟิล์มมีลูกมีเมียมาก่อน
ล่าสุด แพร์ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้งผ่านรายการ “แฉ” ช่อง GMM25 ชั้น 11 ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพลส โดยงัดหลักฐานข้อความไลน์บทสนทนาระหว่างเจ้าตัวกับแม่ฟิล์ม โดยยืนยันว่า อีกฝ่ายรู้เรื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. แถมมีหลักฐานเด็ด พี่สาวฟิล์มเป็นคนส่งข้อความมาบอกว่าน้องชายสารภาพทำร้ายร่างกายลูกจริงอีกด้วย
“ที่เขาแถลงก็ได้ฟังอยู่นะ แต่ที่รู้สึกว่าฟังแล้วเป็นเรื่องจริง ก็คือ เขายอมรับว่าเขาเป็นพ่อแล้วเราขายขนมจีบด้วยกัน แค่นั้น ส่วนเรื่องทำร้ายลูก ดูไลน์ค่ะ ที่เขาแชตมาขอเลิกกับเรา เขาก็บอกว่าฉันไม่อยากทำร้ายเธอด้วยความรุนแรงแบบนี้อีกแล้ว เขายอมรับว่าเขาเจ้าชู้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับพอร์ช เขายอมรับด้วยตัวเขาเองว่าเขาไม่อยากทำร้ายเราด้วยความรุนแรง แล้วที่เขาว่าเขาไม่เคยตามเทียวไล้เทียวขื่อเรา แต่เขาก็ยังไลน์มาตามทุกครั้ง ฉันอยากรู้เธอทำอะไร ฉันเหนื่อยก็อยากกอดเธอ อยากไปเที่ยวที่เธออยากไป ฉันรู้สึกเป็นเดอะฮักเลยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้”
“เขาก็ไลน์มาดรามาคิดถึงเรื่องเก่า ๆ เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอด้วย จิตใต้สำนึกฉันมันคิดถึงแต่เรื่องเธอ เหมือนเราเคยมีกันและกันเลิกไปมันเลยรู้สึกขัด ๆ ถ้าย้อนเวลาฉันจะย้อนไปวันที่ตัดสินใจกลับมาทำงานตรงนี้อีกมั้ย เขาจะเลือกไม่ทำแล้วจะขายขนมจีบด้วยกันต่อไปเรื่อย ๆ นี่เป็นข้อความที่คุยกันตอนที่เขาขอเลิกกับเราไปแล้วแต่เราก็ยังคุยกันอยู่”
งัดหลักฐานมาแฉ “พี่สาวฟิล์ม” ส่งหลักฐานน้องชายสารภาพทำร้ายลูก
“ประเด็นที่เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายลูก ในส่วนนี้พี่สาวของเขาได้ติดต่อเรามาทางเฟซบุ๊ก พี่สาวกับพ่อของเขาเพิ่งทราบเรื่องว่ามีน้องพอร์ช ก็เข้ามาขอโทษแทนเขา ก็บอกว่าอาจจะไม่สามารถขอโทษแทนตัวผู้ชายได้นะ แต่ก็อยากจะขอโทษ แล้วเขาก็ได้คุยกับน้องชายเขาแล้ว เขาก็รับสารภาพว่าเขาทำจริง ๆ พี่สาวคุยกับเราบอกว่า ทางผู้ชาย โทร.มาหาเราทางเฟซบุ๊ก ว่าเราเสีย ๆ หาย ๆ ว่า ไม่ยอมฟังยอมเตี๊ยมกันมันก่อน แล้วเอ่ยชื่อเราว่าอีแพร์ อย่าไปคุยกับมันอีกนะ พี่สาวเขาก็มาบอกเรา หลังจากนั้น เขาก็ไปว่าพี่สาวเขาว่าโพสต์อย่างนั้นทำไม หลังจากที่พี่สาวเขาและพ่อเขาโพสต์ขอโทษแพร์จริง ๆ ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ทางผู้ชายก็ไปต่อว่าพี่สาวว่าเขาไม่โอเคที่โพสต์ไปแบบนั้น”
“พี่สาวเขาก็มาเล่าว่าน้องชายเขามาโวยวาย ว่า จะทำอะไรก็ทำเลยนะ กูไม่เคยเห็นมึงเป็นพี่อยู่แล้ว เงินสักบาทก็ไม่เคยช่วย พ่อปู่ย่าห่านั่นอ่ะไม่ใช่ญาติกู มีแต่อยากเห็นกูตกต่ำ นี่คือคำที่พี่สาวเขาบอกมา”
“แล้วก็จะมีไลน์ของพี่สาวเขาที่เขาคุยกับน้องเขาส่งมาให้แพร์ ซึ่งเขายอมรับว่ามันร้อง เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พี่สาวเขาก็ถามว่าจะทำยังไงต่อเขาก็บอกช่างมันเหอะปล่อยวางแล้ว คือ ตัวผู้ชายยอมรับกับตัวพี่สาวว่าเขาทำจริง ๆ พี่สาวเขาบอกว่าตอนแรกเหมือนตัวน้องชายเขาอ่อนลงเริ่มที่จะยอมรับ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปคุยกับใครถึงกลายเป็นว่าเขาเฟซบุ๊กมาด่าพี่เขา ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วออกมาแถลงข่าวไม่ยอมรับ”
“ทำไมเขาถึงเข้าข้างเรา เขาพูดกับเราเลยว่า น้องเขารักนะไม่ใช่ไม่รัก แต่เขาไม่อยากรักแบบพ่อแม่รังแกฉัน ทางพ่อก็รักแต่ด้วยความที่โตมาคนละครอบครัว เขาไม่ได้ใกล้ชิดผูกพันแต่เขาก็พยายามจะสอนตลอด เขาเลยรู้สึกว่าถ้าน้องเขาต้องเป็นดาราแล้วเป็นดาราที่นิสัยไม่ดีเขายอมให้น้องไม่เป็นดาราดีกว่า เขาอยากเอาน้องเขาออกมาเพื่อรับผิดชอบ ทำหน้าที่ที่ควรทำ ไม่ใช่ว่าออกมาปฏิเสธแล้วอยู่กับสังคม หน้าตาดีแบบนี้ เขาบอกว่าถ้ารักตัวผู้ชายจริง ๆ ต้องดึงเขาออกมา ไม่ใช่ถลำให้เขาทำผิดซ้ำไปอีก”
“เราก็เฉย ๆ ก่อนในตอนแรกเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง ก็รู้สึกว่าเขาก็พูดถูกในหลายเรื่อง ก็รู้สึกดีที่ยังมีความถูกต้องอยู่บนโลกใบนี้”
ยันแม่ฟิล์มรู้เรื่องตั้งแต่ตนท้องได้ 6 เดือน ไม่ใช่เพิ่งรู้พร้อมข่าว แถมยังถูกด่าแรงจิกเรียก อีอัปมงคล
“แพรไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เขาทราบตั้งแต่ที่แพร์ท้องได้ 6 เดือน เขาก็ทราบเรื่องแล้วไม่ใช่ว่าเพิ่งมาทราบก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็มีหลักฐานเป็นแชตที่คุยกัน แพร์เริ่มเปิดว่าแพร์มีลูกตอนเขาได้ 1 ขวบ ก็เอารูปลูกโพสต์เฟซบุ๊ด น้าเขาก็แชตมาว่าจริงรึเปล่า ใช่ลูกเธอกับหลานเขามั้ย อย่าลบเขาออกจากเฟซบุ๊กนะ ตัวผู้ชายไม่ยอม เหมือนพอเราเปิดเผยตัวก็ไลน์มาต่อว่าว่าเราทำให้ที่บ้านเขาทะเลาะกัน ถ้าเรื่องนี้ถึงหูยาย ยายจะไม่ส่งเงิน เธอไม่คิด ฉันเครียดมากแทนที่จะอยู่บ้านได้ต้องออกไปอยู่ที่อื่น เราก็บอกว่าเราผิดอะไร นี่คือ ลูกฉันแล้วฉันไม่ได้เปิดเผยว่าฉันมีลูกกับใคร คือเรากลายเป็นคนผิดที่ทำให้น้าๆ ญาติเขารู้ ตอนนั้นน้าเขาเองดีกับเรามาก ไม่โกรธไม่เกลียดเรา เพราะเขายังพิมพ์มาบอกว่าอย่าลบเขาออกนะ ยังคุยกับเขาได้อยู่นะ”
“ส่วนคุณแม่เขาที่บอกว่าเพิ่งทราบว่าเรามีลูก เราก็มีหลักฐานเป็นแชตจากเฟซบุ๊กเขาทักมาหาเรา เมื่อวันที่ 9 เม.ย. สืบเนื่องมาจากเราอินจากการดูละครสะท้อนสังคม จึงโพสต์เฟซบุ๊กว่า เด็กจะโตมายังไงก็แล้วแต่จุดเริ่มต้นมาจากพ่อแม่และการเลี้ยงดู จากนั้นแม่เขาก็ทักมาว่า จะพูดจะโพสต์อะไรให้มันเกรงใจบ้าง คนที่ต้องถูกสั่งสอนมาก ๆ ก็คือเธอ เป็นแม่คนต้องรับผิดชอบหลายอย่างจะสนใจใครทำไมว่าจะเอาลูกมั้ย”
“ที่เขาบอกว่า เขาคิดว่าน้องพอร์ชคือหลานเรา อันนี้คือประเด็นที่เขายอมรับด้วยตัวเขาเองว่า เราเป็นแม่คน นั่นแสดงว่าเขารู้แล้วว่าเรามีลูกแล้ว และเขาก็ด่าเราค่อนข้างแรง แล้วอะไรที่คุณแม่บอกว่าพอร์ชเป็นหลาน เขารู้มาตลอดตามหลักความจริงว่าพอร์ชคือลูกของเราคือหลานของเขา ถ้าหลักฐานเอกสารแน่ชัดเราไม่มี แต่ถ้าเป็นคำพูดตอนน้องเกิด เขาไม่ให้ลูกชายเซ็นรับรองบุตร เพราะกลัวเรื่องของเอกสารทะเบียนราษฎร์ คุณแม่จะให้สามีเขาเซ็นรับเป็นพ่อแทน แต่เราไม่ยอมด้วยความเป็นแม่ สุดท้ายเราได้ของทางผู้ชายให้เซ็นตามที่แถลงไปตอนแรก”
ถามรักลูกจริงเหรอ? ถึงให้เขียนในพาสปอร์ตว่าพ่อตายแล้ว! ลั่นไม่เคยกีดกันเจอลูก
“ที่เขาแถลงแล้วพูดว่าเขารักลูก ต้องบอกว่าจะมีช่วงหนึ่งที่แพรขอเอกสารเพื่อจะทำพาสปอร์ตให้น้อง เราก็ไปศึกษาว่าต้องใช้เอกสารบิดามั้ย ก็ไปบอกเขาว่ามันต้องใช้นะ เขาตอบกลับมาว่าไม่รู้ไม่ต้องใช้ก็ได้มั้ง ก็บอกไปว่าพ่อเด็กตายหรือว่าเลิกไปแล้วก็ได้ นี่เหรอคะที่บอกว่ารักลูก”
“เขาบอกว่าอยากเจอลูกมาก แต่เหมือนเราขวางไม่ให้เจอ แพรไม่เคยเลยที่จะไม่ให้เขาเจอลูก เขารู้หมดว่าบ้านเราอยู่ไหน แล้วลูกจะอยู่ที่ไหน ชีวิตประจำวันเราไม่ได้ทำอะไรมาก ถ้าเขาคิดถึงลูกจริงๆ หรือรักลูกจริงๆ ไม่อยากที่จะมาเจอ เราไม่ใช่คุณแม่ใจยักษ์ใจมาร คุณแม่เขามีโอกาสได้เจอหลานแล้วตอนน้องเกือบ 1 ขวบ เราก็มีหลักฐานแน่นอนไม่ได้พูดลอย ๆ”
“เขาแถลงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาหมดเลย พูดหนังคนละม้วนกับเราเลย เราขอคุยด้วยหลักฐานดีกว่า ใครๆ ก็ออกมาพูดได้ว่า เธอทำร้ายลูก ฉันไม่ได้ทำร้ายลูก ถ้าไม่มีหลักฐานตรงนี้เอาตามหลักความจริงก็ได้ คิดว่าแพร์เป็นแม่ที่อยู่ดี ๆ จะตีลูกตัวเองให้เขียวเล่น ๆ แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ตั้งแต่ 3 เดือนด้วยนะ จะทำไปเพื่ออะไร”
อโหสิกรรม! ขอให้ออกไปจากชีวิต อนาคตขอให้ลูกตัดสินว่าอยากจะเจอพ่อหรือไม่
“ถามว่าทำไมเราเพิ่งออกมาพูดตอนนี้ เรากับเขาไม่ใช่เพิ่งเลิกกัน เราผ่านการเลิกผ่านการให้อภัยมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ครั้งนี้มันไม่ใช่ประเด็นหึงหวง เราทำแบบนี้เพราะอยากจะออกมาจากชีวิตเขาแล้ว ฉันอยากจะไปมีอนาคตกับของฉันแล้ว คุณก็ไปมีอนาคตของคุณ ถ้าเราอยากจะไปดึงเขากลับไปจะมาทำแบบนี้มั้ย เราไม่อยากจะดึงเขากลับมาเลย เรามีแต่อยากให้เขาไปจากชีวิตเรา แต่เขาก็ยังมาวนเวียนอยู่ในชีวิตเราก็ไม่อยากจะอยู่กับความซ้ำ ๆ ซาก ๆ แล้ว ครั้งนี้แพร์เรียกว่าอโหสิกรรมเลยดีกว่า แต่ถ้าเขายังยืนยันว่ารักลูกมาก ก็ให้เป็นสิทธิ์ของลูกตัดสินว่าอยากจะเจอพ่อเขามั้ย เราไม่ไปกีดกันเพราะเขาเป็นพ่อลูกกัน”
“เมื่อวานเขาขอโอกาส อโหสิกรรมให้ค่ะ อโหสิกรรมก็คือการให้อภัยแล้วนะ ให้อภัยคืออาจจะมีการวนเวียนกลับมา แต่อโหสิกรรมคือขาดเลย เรื่องฟ้องร้องไม่มีค่ะ ถ้าจะทำ ทำไปนานแล้ว ถ้าเขาจะหอบหลักฐานมาสู้ ก็จะสู้ไปกับลูกค่ะ ผิดว่าตามผิด เราว่าไปตามความจริง เราสู้ด้วยความจริงดีกว่า อย่าสู้ด้วยคำโกหกค่ะ มันเหนื่อย”
รับไม่ได้ลงรายละเอียดว่าตนเป็นครูฝึกสอน
“เราอาจจะไม่ได้แบบลงรายละเอียดว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ถามว่าเจอกันที่โรงเรียนมั้ย ใช่ค่ะ เราเจอกันวันแม่ 12 สิงหา ซึ่งเป็นช่วงตอนปลายจะจบเทอมต้น พอปิดเทอมเราถึงตัดสินใจที่จะคุยกับเขา คบกับเขา เพราะเขาก็พูดเองว่าเมื่อคุณออกไปข้างนอกก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปแล้วนะ ไม่ได้สอนเขาหรืออยู่ในโรงเรียนนั้นแล้ว เราจึงตัดสินใจที่จะคบกัน คือ เทอมสองเราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับเขาแล้ว ไปฝึกอีกสถาบัน ต่างเทอมก็ต่างที่”
“เราเริ่มต้นความสัมพันธ์เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องเลย แต่ถ้าถามว่าเจอกัน จุดเริ่มต้น มันเจอกันที่โรงเรียน แต่เราคบกันหลังจากปิดเทอมแล้ว เขาจีบเรานับจากวันนั้น โดยใช้วิธีการเหมือนที่เขาแถลงค่ะ โดยปรึกษาว่าอยากจะเข้าวิศวะ แต่เขาเรียนศิลป์คำนวณเข้าวิศวะไม่ได้ เราก็เลยให้คำปรึกษาเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการไปเข้ามหาวิทยาลัยแค่นั้น แต่หลังจากนั้นก็มีการคุย มีการจีบพาไปโน่นไปนี่ พอสิงหาคมมันก็ปลายแล้ว ตุลาคมก็ปิดเทอม หลังจากนั้น เดือนสองเดือนเราก็ถึงค่อยเริ่มสานความสัมพันธ์”
บอกอยากเจอลูกไม่ยาก เพราะตนไม่ใช่เซเลบ
“ไม่เลยค่ะ (แม่บอกจะเป็นกาวใจให้กลับมาคุยกัน?) ไม่เลยค่ะ คือจริง ๆ เขามีเบอร์แม่เรานะ แม่เราไม่ได้บล็อกเบอร์เขา มีแต่เราที่บล็อกเบอร์เขา เพราะเราไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว แต่ถ้าเขาจะติดต่อในเรื่องของลูก อย่างที่บอกค่ะ เราไม่ใช่เซเลป เขารู้ชีวิตประจำวันและรู้ว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน ถ้าเขาอยากจะเจอน้องพอร์ชมันง่ายมากเลย ง่ายกว่าที่หนูอยากจะไปเจอเขาด้วยซ้ำ”
“ยืนยันคำเดิมค่ะ เราไม่มีอะไรต้องคุยหรือต้องเคลียร์กันแล้ว มันก็อยู่ที่เขาค่ะ หลักฐานทั้งหมดเป็นความจริง แพร์ไม่ได้มานั่งปั้นหรือมโนอะไรขึ้นมา ถามว่าอยากได้คำขอโทษหรืออยากให้เขาชดใช้อะไรมั้ยก็ไม่ค่ะ ไม่มีประโยชน์ต่อแพร์ คำขอโทษหรือสิ่งชดใช้อะไรไม่ได้ทำให้ชีวิตแพร์ดีขึ้นหรือแย่ลง”
ออกมาหักล้างเพราะไม่อยากให้สังคมตราหน้า
“ถามว่าจะจบยังไงก็จบแบบที่แพร์ออกมายืนยัน คือเมื่อวานที่เขาออกมาปฏิเสธโดยเขาทำให้แพร์โดนสังคมตราหน้าว่ากุเรื่อง สร้างเรื่องโกหก เพราะฉะนั้นแพร์ก็ออกมายืนยันว่าแพร์ไม่ได้โกหก แค่นั้นจบ แพร์ว่าสังคมตัดสินได้ค่ะ”
“ก็ขอให้เขาจบจริง ๆ นะคะ เพราะเราจบแล้ว เราจะจบได้ต่อเมื่อเราเป็นผู้บริสุทธิ์ หนูออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของหนู ที่หนูแถลงเพราะอยากให้ทุกคนรู้ความจริงเป็นยังไง ใครโกหก ใครไม่โกหก เรารู้อยู่แก่ใจ แต่คนภายนอกเขาไม่ได้อยู่ใต้เตียงเราเขาไม่รู้หรอก อยู่ที่เขาว่าจะจบมั้ยหรือจะทำอะไรอีก”
“ถ้าเขาออกมาอีกก็อยู่ที่ว่าเขาจะออกมาในรูปแบบไหน อย่างที่บอกไปว่าแพร์จะไม่ออกมาแล้วถ้าไม่กระทบแพร์กับลูก แต่ก่อนหน้าที่เขาออกมาคือมันกระทบมาบอกว่าเราพูดไม่จริง เราเลยต้องออกมาพูดอีก แต่ถ้าเขาจะออกมาพูดแล้วให้กระทบเราอีก เราก็ต้องออกมาต่อสู้ค่ะ อยากให้เป็นเคสสุดท้ายจริงๆ คือไม่รู้ว่ามันจะมีบ่วงกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีกมั้ย ขอให้แพร์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ แพร์ออกมาแล้วไม่ขอเดินกลับไปอีก”
บอกรักไม่ลงแล้ว ถ้าดีจริงคงไม่มีใครออกมาแฉ
“มันรักไม่ลงค่ะ มันไม่เหลือแล้ว พยายามจะให้ความเป็นพ่อของลูกนะคะ แต่มันก็อยู่ที่ตัวเขาว่าพยายามจะทำตัวเป็นพ่อของลูกหรือเปล่า ปากเขาบอกว่ารักลูก คิดถึงลูก อยากเจอลูก แต่มันก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่มีประโยชน์อะไร แพร์ยอมรับนะคะว่ามันเป็นความผิดพลาดของตัวเรา แต่คนทุกคนต้องมีความผิดพลาดเนอะ ไม่มีใครจะเพอร์เฟกต์ตลอด แต่แพร์ขอเอาความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียนในชีวิต ให้มันเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดของชีวิตแพร์เลยดีกว่า”
“แพร์ว่าในสังคมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน จะเกิดกับใครก็ไม่รู้ จะเป็นข่าวหรือไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง อยากบอกแค่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้ใช้สติมากกว่าอารมณ์ ถ้าเราเห็นว่าความถูกใจ พอใจ มาก่อนความถูกต้องเหมาะสม เมื่อนั้นชีวิตก็พัง แต่แพร์ไม่ได้ท้อกับชีวิตถึงกับต้องคิดสั้น คิดว่ามีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้วเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ แพร์คิดเสมอค่ะวันนี้ไม่ใช่วันที่แย่ที่สุดของแพร์หรอก มันต้องมีวันที่แย่กว่านี้อีก และต้องมีวันที่ดีกว่านี้อีกแน่นอน ถามว่าการออกมาพูดวันนี้จะทำให้เขาอยู่ในวงการต่อไปไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ตัวแพร์ทำนะ มันก็เป็นตัวเขาทำ ถ้าเขาเป็นคนดีก็ไม่มีใครออกมาแฉเขาได้ถูกมั้ยคะ”
มีหลักฐานทำร้ายร่างกายตน
“ในไลน์ที่เขาบอกว่าทำร้ายลูก เขาบอกว่ามันร้องเลยควบคุมตัวเองไม่ได้ ตีเพราะสั่งสอนก็มีเกิดขึ้น แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าตอนสามเดือน และที่เขาบอกไม่เคยทำร้ายร่างกายแพร์ ทำลายแต่ข้าวของใช่มั้ย ทำร้ายข้าวของก็ทำแต่แพร์ไม่มีหลักฐาน ส่วนทำร้ายร่างกายแพร์มีหลักฐานค่ะ แต่ไม่เห็นหน้าแพร์นะ หากไม่เชื่อเดี๋ยวแพร์จะเอาชุดนี้มาให้ดู ยังมีชุดนี้อยู่ ประมาณ 6 เดือนที่แล้วค่ะ ส่วนมากที่จะทะเลาะเชื่อมั้ยว่าจำไม่ได้ มันไม่น่าจำ แต่ถ้าพูดเรื่องหึงหวงบอกเลยว่าไม่ เพราะโทรศัพท์เขากับโทรศัพท์เราคนละโลกเลย ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกัน แต่ถ้าทะเลาะจะเป็นเพราะเขาชอบแกล้งให้เราโมโหหรือหงุดหงิด โดนทำร้าย 2 - 3 ครั้งค่ะ ด้วยเรื่องพวกนี้ จะไม่ใช่เรื่องหึงหวงเลย จะมีแต่เรื่องงี่เง่าที่ไม่น่าทะเลาะ”
ต่อให้คิดสั้นก็ไม่เกี่ยวกับตน เหน็บปัญหาที่เจอไม่เท่ากับสิ่งที่ตนเจอมาตลอด
“มันก็ไม่เกี่ยวกับแพรแล้วเนอะ แต่ว่าถ้าถามความรู้สึกจริงๆ อยากฝากบอกเขาว่าปัญหาที่เขาเจอตอนนี้ไม่เท่าที่แพรเจอมาตลอดนะ สิ่งที่แพรเจอมาตลอดบวกกับสิ่งที่แพรต้องดำเนินชีวิตต่อไปมันหนักหนากว่าที่เขาเจออีก ถ้าเขาคิดได้แค่ว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มันก็ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วค่ะ ถ้ามนุษย์แม่คนไหนเคยเป็นมนุษย์แม่ หรือซิงเกิลมัม จะรู้เลยว่ามันต้องการกำลังใจ มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนน้ำตาไหล แต่เหนื่อยแค่ไหนพอเห็นหน้าลูก ความเหนื่อยมันหายไปหมดเลย ถ้าเขารักลูกเหมือนที่เขาพูดนะคะ เขาจะอยากมีกำลังใจ อยากมีชีวิตอยู่ต่อค่ะ โดยที่ไม่ต้องมีใครมาดึงมาเติมเขาเลย”
ยอมทิ้งอนาคตที่ดีมาเลี้ยงลูก
“ใช่ค่ะ เหมือนที่เขาบอกว่าเพศแม่หรือเพศหญิงยอมที่จะให้อนาคตตัวเองเป็นยังไงก็ได้เพื่อลูกเพื่อครอบครัว ก็อยากจะบอกเขาว่าเราก็เสียสละแล้วนะในจุด ๆ หนึ่ง มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเสียสละบ้าง มันไม่มีใครหรอกที่จะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ไปตลอดค่ะ”
อย่าบอกว่าจะเปิดตัวลูกถ้าเป็นดารา ขอให้ดูที่ปัจจุบันดีกว่า
“จุดนี้คือจริง คือเขาไม่สามารถที่จะหิ้วแพมเพิร์สห่อใหญ่ ๆ ได้ เพราะว่าคนจะสงสัยได้ว่าเขาซื้อแพมเพิร์สไปให้ใคร เราก็หิ้วเอง ไม่มีรถก็หิ้วนั่งมอเตอร์ไซค์ไป (เชื่อมั้ยที่เขาบอกว่าถ้าเขาดัง มีเงินจะยอมเปิดเผยครอบครัว?) เอาแค่ปัจจุบันนี้ดีกว่าค่ะ เขากล้าเผชิญความจริงหรือเปล่า ถ้าปัจจุบันคุณกล้าเผชิญความจริง อนาคตมันดีแน่นอน หนูไม่กล้าคาดหวังถึงอนาคตค่ะ”
เมินแม่ฝ่ายชายเครียดลูกจะฆ่าตัวตาย ลั่นแม่ตนบอกชนะแล้ว เหมือนสวมมงกุฎอยู่ในนรก
“ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกเนอะ แม่แพร์ก็รักแพร์ แม่แต่ละคนมีวิธีการจัดการ เลี้ยงดูหรือบ่มเพาะลูกไม่เหมือนกัน แม่แพร์ไม่ใช่ไม่เครียด แต่เขาก็อยากที่จะให้อภัย เขาพูดกับแพร์มาคำหนึ่งว่าเธอชนะแล้วเธอสวมมงกุฎอยู่ในนรกเธอโอเคมั้ย แพร์ก็เลยบอกว่าเมื่อก่อนแพร์ก็อยู่ในนรกมาตลอดนะแม่ แต่แพร์ไม่ได้สวมมงกุฎแค่นั่นเอง”