xs
xsm
sm
md
lg

“ชนินทร์” ถามกลับ “ลาบานูน” ต้องเคลียร์ “ธเนศ” ทำไม? ลั่นเรียก 50 ล้านสมเหตุสมผลแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชนินทร์” ผู้บริหารมิวสิคบั๊กส์ ซัดกลับ “ลาบานูน” บอกไม่จำเป็นต้องเคลียร์ “ธเนศ” พี่ชาย บอกอยากรู้ความจริงร้อยเปอร์เซ็นให้มาถาม ยันเงิน 50 ล้านไม่มากไม่น้อย ชี้ใช้ตรรกะเดียวที่แกรมมี่ฯ เรียกเก็บคนอื่น ลั่นหลักฐานพร้อม

ยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น สำหรับกรณีที่ “หนุ่ย ชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์” ผู้บริหาร “มิวสิคบั๊กส์” ออกมาฟ้องร้องแกรมมี่ วงลาบานูน และพวก เพื่อเรียกร้องค่าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนเงินสูงถึง 50 ล้านบาท พร้อมกันนี้เรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการของยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ด้านนักร้องนำอย่าง “เมธี อรุณ” สมาชิกวงลาบานูนออกมาเผยว่า อยากให้ “เอก ธเนศ" ซึ่งเป็นพี่ชายของ “หนุ่ย ชนินทร์" ไปพูดคุยเพื่อเคลียร์กับน้องชายในฐานะคนเซ็นอนุมัติสัญญา ก่อนบอกตรรกะมิวสิคบั๊กส์ฟ้อง 50 ล้านไม่สมเหตุสมผล

ล่าสุดทางด้าน “หนุ่ย ชนินทร์" ผู้บริหาร “มิวสิคบั๊กส์” ได้ออกมาเผยว่า ตนเองและพี่ชาย "เอก ธเนศ" ไม่จำเป็นต้องเคลียร์เรื่องคดีฟ้องร้อง ย้ำต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง บอกพี่ชายเซ็นอนุมัติสัญญาแค่เป็นการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงเท่านั้น ลั่นไม่ได้ให้นำไปใช้เพื่อแสดงสด ซัดกลับ "เมธี" หากไม่รู้จริงควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนออกมาพูด

"จะให้คุยอะไรสั้นๆ ง่ายๆ คือพี่เอกไม่เกี่ยวกับการมาฟ้องร้องตรงนี้ทั้งสิ้น แล้วที่บอกว่าให้ชนินทร์ไปเคลียร์กับพี่ชายก่อน อย่างนั้นพี่ขอถามกลับว่าทำไมแกรมมี่ไม่ไปบอกวงลาบานูนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่บอกความจริงทั้งหมดว่ามันเกิดเรื่องอะไร"

"ที่พี่ธเนศเซ็นหนังสือสัญญาฉบับดังกล่าวนั้น มันเป็นหนังสืออนุญาติให้จัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ของมิวสิคบั๊กส์จากบุคคลภายนอก ไม่ใช่หนังสืออนุญาติให้แกรมมี่เอาไปใช้ ถูกต้องที่พี่เอกเซ็น แต่มันเป็นการเซ็นที่ให้แกรมมี่ไปจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์จากบุคคลภายนอกอันนี้คือสิ่งที่พี่เอกเซ็น เพราะฉะนั้นจะให้พี่เอกมาเคลียร์อะไร ซึ่งตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพี่เอกเลย"

"อย่างที่บอกอยากจะมาเคลียร์กับเมธีว่า เรารู้จักกันมากี่ปี พี่ทำอะไรมีเหตุมีผล พี่มีหลักฐาน ลาบานูนรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ รู้แท้จริงร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า หรือรู้ว่าแค่สิ่งที่เขาอยากให้ลาบานูนรู้ หรือแค่พูดในสิ่งที่เขาอยากให้ลาบานูนพูด นี่คือสิ่งที่อยากจะถามต่อ และอยากฝากถามไปอีกฝั่งหนึ่งว่า ทำไมคุณถึงโยนให้ธเนศคุยกับชนินทร์ แล้วทำไมคุณถึงไม่คุยกับวงนักร้องของคุณบ้างเลยหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณกลัวว่าเขาจะรู้อะไร แทนที่คุณจะให้ธเนศคุยกับชนินทำไมคุณไม่คุยกับวงก่อนว่าเกิดเรื่องอะไร ก่อนที่พวกคุณจะมาพูดอย่างนี้"

"เรื่องที่ฟ้องร้องพี่เอก ธเนศ ไม่เกี่ยวข้อง การฟ้องร้องตนในฐานะกรรมการ ตนจะไปเคลียร์กับพี่เอกทำไม เพราะพี่เอกไม่ได้มีตำแหน่งตรงนี้แล้ว เหมือนกับบริษัททั่วไป คนที่เคยอยู่แล้วเขาไม่ได้ทำตำแหน่งนี้แล้ว และก่อนทำอะไรต้องมาปรึกษามันไม่ใช่ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องตรงนี้แล้ว โอเคแน่นอนหลายคนบอกว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าเราแยกคำว่าพี่น้องมันไม่เกี่ยวข้องเลย มันเหมือนเป็นการทำงานของแต่ละคนมากกว่า และยืนยันว่าเราทั้งสองคนก็ไม่ได้ทะเลาะกัน หรือขัดผลประโยชน์กันเลย"

"และการที่ออกมาพูดในครั้งนี้ เพราะเวลาวงลาบานูนออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ไรจะพูดแต่พี่เอก ธเนศ ก็อยากฝากให้เมธีช่วยเข้าใจด้วย อย่างที่เมธีพูดถูกแล้วว่าพี่เอกเป็นคนนอก แล้วจะเอาพี่เอกมาเคลียร์เรื่องอะไร มันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องเคลียร์ พี่เอกเซ็นก็เซ็นในฐานะกรรมการ ณ ตอนนั้น แต่ว่าเป็นการเซ็นหนังสืออนุญาติให้จัดเก็บ ไม่ได้เซ็นให้แกรมมี่เอาไปใช้ ไม่มีสัญญาฉบับไหนที่บอกให้แกรมมี่เอาไปใช้ ไม่มีเลย ก็อยากฝากทุกคนว่า อยากให้เอาพี่เอกออกจากเรื่องตรงนี้ เพราะเราไม่ได้มีการทะเลาะ หรือขัดผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ถ้าเราคิดว่ามีมันจะเกิดเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย"

บอก “เอก ธเนศ" รับทราบเรื่องฟ้อง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) แต่ไม่ขอลงดีเทล

"เราเคยโทรไปหาพี่เอกบอกว่า จะฟ้องแกรมมี่นะ พี่เอกเขาก็บอกว่าให้หนุ่ยทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย อย่าไปทำด้วยความโกรธ หรือทำด้วยอารมณ์นะ ซึ่งพี่เอกเขาก็ไม่รู้ว่าเราจะฟ้องแกรมมี่เรื่องอะไร พี่เอกเขาไม่ต้องการรับรู้เรื่อง แล้วตนก็ไม่ได้คุยอะไรต่อ ซึ่งเราก็อยากให้พี่เขารู้เท่านั้นเอง และพี่เอกก็รู้เท่านั้นจริงๆ และวันที่พี่เอกไปออกงานแถลงข่าวที่แกรมมี่ เราก็รู้ 5 นาทีก่อนที่จะแถลง เราก็รู้สึกว่าเขาจะไปทำไม มันเกี่ยวอะไร ความรู้สึกแรกคือเล่นอะไรกันอยู่ คือพี่เอกไม่เกี่ยว ซึ่งเราทำทุกอย่างตรงไปตรงมา มันเลยทำให้คนงงว่าทำไมพี่น้องถึงไม่คุยกันก่อน"

"เพราะฉะนั้นวันนี้ตนขอยืนยันว่าพี่เอก ธเนศ ไม่เกี่ยวข้อง แล้ววันที่แถลงข่าวที่มิวสิคบั๊กส์ พี่เอกก็มาแล้วเขาก็บอกว่าไม่เกี่ยว มาเพื่อเป็นตัวกลางประนีประนอมได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้เถียงว่าไม่ได้เซ็น แต่เป็นการเซ็นอนุญาติจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าลาบานูนเข้าใจในสัญญาอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าใจเวลามาพูดอะไรที่มันไม่ถูกต้อง จะทำให้ตัวเองดูไม่ดีในขั้นตอนของศาลได้ แล้วที่พูดไปก็แย้งกันหมด เพราะพี่เอกเป็นคนนอก"

ยันเงิน 50 ล้านไม่มากไม่น้อย แถมใช้ตรรกะเดียวที่แกรมมี่ฯ เรียกเก็บคนอื่น

"เราไม่รู้ว่าค่าตัวของวงลาบานูนเท่าไหร่ หลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่ตนเองไม่รู้อะไรเลย เขาอาจจะได้ 3-4 แสนบาทก็ได้ ซึ่งตรงนี้เราไม่สามารถทราบเลย แต่เราทำตามสิ่งที่ควรจะเป็น สิ่งที่ถูกต้อง โดยอัตรานี้ก็มาจากของแกรมมี่เอง บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค พับลิชชิ่ง พิมพ์ลงในเว็บเขาว่า ใครที่เอาเพลงเขาไปเล่นคอนเสริต์ 20,000 บาท ต่อ 1 เพลง 1 รอบ คือค่าตัวของวงลาบานูนเราไม่ได้โฟกัสว่าเขาได้ค่าตัวเท่าไหร่ เราเอาตามที่แกรมมี่เขาบัญญัติเองเรื่องที่เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์คนอื่นเป็นหลัก ในเมื่อคุณบอกเองว่า 20,000 บาท ต่อ 1 เพลง 1 รอบ ซึ่งเล่นรอบหนึ่งก็ประมาณสิบเพลง มันก็เป็นเงิน200,000 บาท"

"มันก็มีที่มาที่ไปตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเรียกตามความชอบใจ ไม่ใช่คิดมามั่วๆ คิดมารอยๆ มันมีที่มาที่ไป ประเด็นคือในเมื่อคุณเอาเพลงของมิวสิคบั๊กส์ไปร้อง ทางเราก็เลยใช้ตามอัตราที่แกรมมี่กำหนด 20,000 บาท ต่อ 1 เพลง 1 รอบ คุณนำไปใช้ 10 เพลง จำนวน 250 ครั้ง มันก็จะได้ออกมาประมาณ 50 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทำอะไรลงไป เราทำตามหลักการ ในเมื่อคุณเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ ตรงนี้คุณก็ต้องจ่าย"

เผยรอเรื่องให้สัญญาหมดปี 60 ไม่ได้ บอกอีกฝ่ายไม่ทำตามข้อตกลงฐานละเมิดลิขสิทธิ์ ลั่นหากขอเพิ่มสัญญาต้องเข้ามาเจรจาต่อรองเอง

"คือมันมีการเข้าข่ายของการละเมิดลิขสิทธิ์ไปแล้ว ถ้าไปรอตอนนั้นทุกอย่างมันมีเวลากำหนด และในเมื่อรู้ว่ามันเข้าข่ายที่เป็นการละเมิดหากไปรอหมดสัญญาแล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร คือสัญญาที่บอกว่าโยกย้ายจากพี่เอกมาเป็นที่ชนินทร์ได้ด้วยหรอ คือตอนนั้นพี่เอกเป็นคนเซ็นในฐานะกรรมบริษัท ซึ่งพี่เอกหมดตำแหน่งไปแล้ว ตนก็เข้ามาดูแลแทนพี่ชาย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของบริษัทกับบริษัท พี่เอกเซ็นก็จริงแต่มันเป็นเรื่องของบริษัท ไม่เกี่ยวกับบุคคล เขาเซ็นในนามบริษัทเราก็เข้ามาทำงานตรงนี้ต่อได้ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันยิ่งคอนเฟิร์มว่าฝั่งนั้นไม่ได้บอกวงลาบานูนในเรื่องต่างๆ มันก็เลยเกิดคำถามว่าเมธีรู้อะไรเรื่องตรงนี้บ้าง ถ้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมธีไปรู้ให้ร้อยเปอร์เซ็นก่อนพูดไม่ดีกว่าหรอ รวมถึงถ้าเขาไม่บอกอะไรเมธีมาถามพี่ก็ได้ พี่สามารถอธิบายทุกอย่างให้ได้หมดว่ามันคืออะไร ถ้าฝั่งที่เป็นต้นสังกัดเขาไม่บอกมาถามพี่ได้เลย มาถามเมื่อไหร่ก็ได้ โทรมาถามตอนนี้ได้เลย มาถามดีกว่ามั้ยแทนที่จะไปพูดอะไรทั้งๆที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่"

"ส่วนเรื่องของสัญญามันเป็นลิขสิทธิ์ของเราว่า จะให้ใครดูแล ถ้าเขาอยากให้เราดูแลต่อเขาต้องเข้ามาคุย เหมือนที่ทำทุกครั้ง อย่างที่ผ่านมาสัญญาจะหมด เขาจะบอกว่า มิวสิคบั๊กส์สัญญาจะหมดแล้วนะต่อมั้ย คือสัญญาจัดเก็บมันหมดปี 60 ถ้าเขาอยากดูแลต่อ เขาต้องเป็นคนที่เข้ามาคุย ซึ่งในมุมของเราแน่นอน ก็อาจจะมีบริษัทอื่นเข้ามาเอา หรือพี่อาจจะให้บริษัท อาร์ เอส มาดูแลก็ได้"

โยนอีกฝ่ายเข้ามาเจรจาหาผลสรุปไม่ลงตัว บอกหากเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ไปเอาจากวงลาบานูนเอง

"เขาเคยเข้ามาคุยกับเรา ตกลงกันไม่ได้ในเรื่องของธุรกิจ เขาบอกว่าเดี๋ยวจะให้ลาบานูนมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์เอง ซึ่งตนก็บอกว่าทำอย่างนี้ได้ไง เพราะลาบานูนเป็นเด็กของคุณ จะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ งั้นคุณชนินทร์ก็ลองบอกมาสิว่าค่าลิขสิทธิ์มันเท่าไหร่ และดูว่าลาบานูนจ่ายได้เท่าไหร่ ซึ่งวันนั้นเราก็พูดคุยกันจบที่เรื่องตรงนี้ และเขาก็บอกว่าคุณชนินทร์จะรับได้เท่าไหร่ลองเรียกมา ตอนนั้นคุยอย่างนี้จบกันก็โอเค หลังจากนั้นเราก็ส่งหนังสือไป กลายเป็นหลังมือเลย เขาบอกว่าเราไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์คุณ พูดง่ายๆคือท้าต่อย เราก็รู้สึกว่าทำไมไม่เหมือนตอนที่มาคุยกันครั้งแรก แล้วที่เขาบอกว่ามาคุย 2-3 ครั้ง ไม่เคยนะครับ เขาบอกย้ำกับเรานะว่าคุณอยากได้เท่าไหร่บอกมา เขาจะดูว่าลาบานูนจ่ายได้แค่ไหน"

ปัดเกาะกระแสลาบานูนหวังดัง

"เกาะเพื่ออะไร อันนี้นานาจิตตังดีกว่า แน่นอนว่าคนเขาคิดได้อยู่แล้วเรื่องพวกนี้ แต่อย่างที่บอกว่า วงลาบานูนเมื่อก่อนดังได้กว่านี้นะ ที่พี่เคยบอกไปแล้ว ถ้าสมมติว่าไม่ได้อยู่ค่ายนั้น อยู่ค่ายอื่นถ้ามีสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็ต้องฟ้อง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่าที่เกิดเรื่องในช่วงนี้พอดี และที่ทราบข่าวเรื่องนี้เพราะเพลงเชือกวิเศษมันดัง พอดังก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาเพื่อติดต่องาน ซึ่งเราก็บอกว่าวงลาบานูนไม่ได้อยู่กับมิวสิคบั๊กส์แล้ว เขาไปอยู่ที่อื่น บางรายเขาไม่รู้ก็เลยโทรศัพท์มาที่นี้ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขึ้นตอนนี้ เพราะเราก็เพิ่งรู้ข่าวเรื่องที่เขาละเมิดลิขสิทธิ์ตรงนี้ และแน่นอนพอดังก็เลยรู้โดยธรรมชาติของคน คราวนี้พอรู้ถึงเลยเป็นเรื่องว่าเล่นกันอย่างนี้เลยหรอ ไม่ใช่ว่าเก็บเรื่องนี้มานาน พอดังแล้วค่อยมาฟ้อง มันไม่ใช่ทั้งสิ้น"

"และอย่างที่บอกคนเราสามารถเข้าใจผิดกันได้ ก็อยากเคลียร์ว่ามันไม่เกี่ยว และถ้าตอนนี้ลาบานูนอยู่ที่อื่น แล้วทำผิดแบบนี้เราก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องเหมือนกัน ซึ่งอย่างที่บอกลึกๆก็เชื่อว่าลาบานูนเป็นเด็กดี และเมธีเราก็ทำงานมากันตั้งแต่เด็กๆ และเราก็รู้ว่าลาบานูนรู้จักเราดีพอว่าเราเป็นคนอย่างไร อยู่มิวสิคบั๊กส์ 20 ปี ไม่เคยมีปัญหากันทั้งสิ้น เราก็ทำเพลง เป็นนักดนตรี ซึ่งเราก็ทำเพลงอยู่เบื้องหลัง อย่าไปคิดว่าอาศัยที่จะเกาะกระแสดัง และมิวสิคบั๊กส์เป็นค่ายทำดนตรีไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้นอยู่แล้ว"

หากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ติดต่อยินดีพร้อมเจรจาเสมอ

"อย่างที่บอกความตั้งใจเดิมมคือการเจรจา แต่ฝั่งเขาไม่อยากที่จะมาเจรจา เหมือนว่าเขาโยกโย้กับสัญญาฉบับนี้ แล้วพอเขาไม่คุยเราเลยก็ต้องฟ้องร้องอย่างที่ทนายบอก พอเรามองคนละแบบก็ต้องเพิ่งความยุติธรรมของศาล ฉะนั้นความตั้งใจแรกที่เราต้องมาคุยว่าเราจะสามารถทำอะไรกันได้บ้าง เหมือนที่เคยๆคุยแบบที่ผ่านๆมา ถ้ามองในแง่ธุระกิจก็พอเข้าใจได้ ว่าไม่คุยเพราะเหตุผลใด ตอนนี้คดีก็รอไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 4 เมษายน ก็อีกสามสัปดาห์ว่าจะเป็นอย่างไร"

"และถ้าภายใน 2-3 วันนี้ เขาอยากจะเข้ามาพูดคุยต่อหน้าสื่อ หรือที่ไหน เราไม่ได้มีปัญหา เราไม่ได้มีความลับ เราพูดตรงไปตรงมา แต่การมาพูดก็ต้องเปิดใจคุย ว่ามันมีการเข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่า รวมถึงตัวเมธีด้วยว่าเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นหรือเปล่า คือเรารู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเราก็มีหลักฐานที่โยงว่ามันเกิดอะไรขึ้น และขอย้ำอีกครั้งที่ฟ้องนั้น ฟ้องด้วยความเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ อยากให้คนที่ติดตามข่าวนี้ใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว เพราะไม่นั้นบางคนก็โอนเอนไปทางที่ตนเองชอบ"

บอกไม่ได้โอกาสแพ้ชนะ แต่ยืนยันหลักฐานพร้อม

"เราไม่รู้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง เราพูดเสมอว่าเรื่องฟ้องไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ได้ฟ้องด้วยความโกรธ เพราะฉะนั้นใครจะคิดอะไรเราทำใจได้ เราไม่โกรธตามที่เขาพูดด้วย อย่างประเด็นของพี่เอก ถ้าเขาไม่เข้าใจเขาก็คิดว่าพี่น้องไม่คุยกัน หรือเสียผลประโยชน์กันอย่างแน่นอน ถ้าใครจะคิดแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เรายังยิ้มได้ การที่เราฟ้องจะมีคนที่เห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย เราก็เตรียมที่จะรับมือเสมอ ซึ่งเราก็บอกไม่ได้ว่าเรามีโอกาสแพ้หรือชนะ อันนี้เราบอกไม่ได้จริงๆ เพราะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลท่าน อยู่ที่มุมมองของศาลว่าจะมีการพิจารณาอย่างไร และเราก็เชื่อว่าระบอบความยุติธรรมของบ้านเรามีความศักดิ์สิทธิ์พอ ที่สำคัญเราเป็นค่ายเล็ก เรามีหลักฐานที่ชัดเจน ทำให้เรามั่นใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ณ เวลานี้แพ้ชนะเราตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่มั่นใจอย่างเดียวคือเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง"

แมลงคิดล้มยักษ์! "มิวสิค บั๊กส์" ฟ้อง "แกรมมี่-ลาบานูน" 50 ล้านข้อหาละเมิดสิทธิ์

“ลาบานูน” โยน “ธเนศ” ต้องเคลียร์น้อง! ซัดตรรกะมิวสิคบั๊กส์ฟ้อง 50 ล้านไม่สมเหตุสมผล


กำลังโหลดความคิดเห็น