xs
xsm
sm
md
lg

ค่าเลาะหนังหน้าย้อนวัย 35 เหยียบ 2 ล้าน "สุรชัย" ลั่น ถึงหน้าเบี้ยวแต่ก็ไม่กลัวตาย!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุรชัย สมบัติเจริญ” ลั่นไม่กลัวตาย พร้อมขึ้นเขียง เลาะหนังหน้า ผ่าแหลกกว่า 10 รายการกระชากวัยย้อนเวลากลับไปอายุ 35 อีกครั้ง ยอมรับกระแสแอนตี้ แต่ยืนยันว่าศัลยกรรมเพื่อเพิ่มความมั่นใจ โต้ข่าวลือเสพติดมีดหมอ ทำใจถ้าเกิดหน้าเบี้ยวก็ยอมรับความจริง ขำๆ กับข่าวลืออยากมีเมียเด็ก

เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการศัลยกรรมของเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อนักร้องรุ่นพ่ออย่าง “สุรชัย สมบัติเจริญ” ออกมาให้สัมภาษณ์เตรียมความพร้อมก่อนขึ้นเขียงให้ “ดร.เซปิง ไชยสาส์น” เจ้าของฉายา “นางฟ้าศัลยกรรม” ทำการผ่าแหลกตั้งแต่เส้นผมยังเหนียงใต้คางกว่า 10 รายการโดยใช้เวลา 8-9 ชั่วโมงเต็มในวันที่ 12 กพ. นี้ เผยถึงความตื่นเต้นที่ตัวเองจะกลับมาหนุ่มอีกครั้ง

“ไม่ถึงกับศึกษาแบบจริงจังอะไรหรอกนะในเรื่องของศัลยกรรม แต่ก็มีแอบไปดูในคลิปบ้างโน้นนี่นั่น ส่วนใหญ่จะไปเจอทั้งที่ดีและก็ไม่ดี แต่เราก็ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่ดีๆ เนี่ย เขาเอาตรงไหนมาให้เราดู เพราะไอ้สิ่งที่ไม่ดีมันก็เห็นเยอะไง อย่างการทำจมูก หรือว่าฉีดสารอะไรเข้าไป ยัดซิลิโคนเข้าไป แบบนี้มันเป็นการทำร้ายตัวเองมากกว่า"

"แต่อย่าง ดร.เซปิง เขาอธิบายให้เราฟังว่าทำออกมาแล้วมันจะเป็นในรูปแบบไหน เพราะดูอย่างหลิวเต๋อหัว อดีตหน้าเป็นยังไง ปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม เหมือนสต๊าฟเอาไว้เลย ซึ่งผมก็อยากรู้ว่าผมถ้าทำแล้วมันจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่อยากทำแล้วให้มันออกมาผิดเพี้ยนจากบล็อกเดิมสักเท่าไร และอีกอย่างหนึ่งผมมีความเชื่อมั่นในกล้ามเนื้อของผม ไม่เฟอะฟะ หรือว่าต่อต้านกับการทำศัลยกรรม คือผมเป็นคนที่พอเป็นแผลอะไรมักจะหายหรือสมานเร็ว ไม่ใช่หายช้า”

“อย่างก่อนหน้าที่จะตัดสินใจทำในวันนี้ ก็เคยคิดว่าอยากทำศัลยกรรมนะ เพราะเวลาอยู่บ้านเราส่องกระจกดูเราก็จะจับที่โหนกแก้มขึ้น (จับโหนกแก้มยกขึ้น) มันก็จะทำให้ตาที่ตก ดูตึงขึ้น มันก็ดูดีขึ้น ดูอายุมันลดลง ประกอบกับช่วงระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เส้นผมที่หัวผมมันร่วงมากเลย ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุผลอะไร ผมก็ไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเป็นไปตามอายุ”

“และพอเราได้มาเจอกับ ดร. เราก็ได้คุยกันหลายรอบเหมือนกัน และก็ได้ถามโน้น ถามนี่ ถามถึงความมั่นใจ เอาภาพอาฟเตอร์ และบีฟอร์ที่เคยทำกับคนอื่นมาเป็นยังไง เอาเคสที่ทำเรื่องเกี่ยวกับเส้นผม หรือเคสที่ทำใต้ตา พอเราได้ดูแล้ว เราก็มีความมั่นใจในตัวของเขามากเลยนะ ผมว่าเขาสุดยอด เพราะจากรายละเอียด จากเคสต่างๆ เอามาให้ดู ก็โอเคนะ"

"แต่ที่เขาบอกว่าจะย้อนไปถึงอายุ 35 ผมว่ามันก็ย้อนเยอะเกินไป แต่คุณหมอที่เป็นคนทำให้เขาก็จะดูตามความใกล้เคียงว่าเราควรทำแค่ไหน ดูบุคลิกของเราว่าแค่ไหนถึงสมควร รวมไปถึงร่างกายของเราด้วยว่ารับได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าจะทำแล้วหน้าดูหลอกไปเลย หรือตื่นมาอีกทีเปลี่ยนไปเป็นคนละหน้า อันนั้นซิน่ากลัว”

“ส่วนในเรื่องของแฟนคลับ ผมก็ไม่กลัวนะว่าเขาจะแอนตี้ในเรื่องนี้ เพราะผมว่ามันอยู่ที่พฤติกรรมของความเป็นเรามากกว่า เหมือนเราเล็บยาวและก็ตัดเล็บสั้น เมื่อก่อนผมยาวก็ตัดเป็นผมสั้น หรือตอนนี้รอบตาเราอาจจะตกลงไปหน่อย เราก็อยากจะทำให้มันเฟรชขึ้นกว่าเดิมซะหน่อย และอีกอย่างยุคนี้แล้วด้วย ยุคที่เปิดรับในเรื่องแบบนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัว"

"สมมุติว่าถ้าไม่ออกมาไม่สมหวังดั่งใจที่ผมต้องการ ผมว่าหมอเขาก็ต้องรู้ว่าหน้าเราต้องทำประมาณนั้น แต่ส่วนแฟนๆ ที่ติดตามเรามาตั้งนานบางคนอาจจะพูดว่าแก่แล้วไม่รู้จักแก่หรือเปล่า (ยิ้ม) ซึ่งก็ไม่ได้เตรียมใจรับกับกระแสแบบนี้เลย เพราะถ้าเราไม่ได้ทำ เราก็ยังมีทั้งคนรักและก็ยังมีคนเกลียดเราเลย ใช่ม่ะ ผมไม่ได้แคร์อะไรกับเรื่องแบบนี้ เพราะสิ่งที่เราตัดสินใจมันเป็นวิถีของเรา ซึ่งค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน"

"หรืออย่างเวลาที่ผมเล่นละคร ต่อให้หล่อให้ตายห่ายังไง แต่ผมเล่นไม่ได้เรื่อง ก็ไม่มีผู้จัดคนไหนมาจ้างผมหรอก หรือเวลาที่ผมร้องเพลง ผมก็ไม่ได้เอาหน้าไปร้องเพลง แต่เราใช้เสียงในการร้องเพลง (หัวเราะ) เพราะถึงหน้าไม่หล่อ แต่ร้องเพลงก็ดังได้ สิ่งเหล่านี้เรามีประสบการณ์มาแล้ว และที่เราตัดสินใจทำ เพราะเราคิดว่าเสริมแต่งอีกนิดมันคงจะดี อีกอย่าง ดร. เขาก็คงดูแลผมเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าเขาดูแลผมไม่ดีล่ะ มีกี่สื่อที่มาในวันแถลงข่าวล่ะ เป็นพยานให้ ผมไม่มีอะไรจะเสีย เพราะจะแก่ลงไปอีก 5 ปี 10 ปี ยังไงผมก็เป็นสุรชัยเหมือนเดิม”

“อย่างสมมุติถ้ามันเบี้ยว หรือว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด ผมก็ทำใจยอมรับมันนะ เพราะคนที่แย่กว่าเราก็มีเยอะแยะ และผมก็เข้าใจว่าเราเองก็ต้องใช้หน้าตาในการหากิน แต่ผมเลือกที่จะมองในมุมดีๆ มองโลกในแง่บวก ผมไม่ได้มองให้มันติดลบ หรือให้ดูเลวร้าย หรือกลัวจนทำเราไม่กล้าทำ”

“ส่วนคนที่บ้าน เขาก็โอเค จริงๆ นะ อย่างป้าที่บ้าน (ภรรยา) ก็จะขอควงแขนเข้าไปทำด้วย (หัวเราะ) แต่อย่างว่าค่าใช้จ่ายในคอร์สๆ หนึ่งมันเยอะ ตกประมาณล้านกว่าบาท เพราะเขาก็จะดูแลเราไปตลอด เราก็โอเค (กลัวไหมว่าจะมีสาวๆ เข้ามาเยอะ) ไม่หรอกครับ เพราะครอบครัวเราลูกเต้าก็โตกันหมดแล้วอย่างลูกสาวคนเล็กก็ยังแฮปปี้ด้วยกับสิ่งที่เราจะทำ"

"เขายังบอกเลยว่าสมัยนี้อะไรมันก็ต้องดูดี ไปไหนหรือว่าใครจะมาติดต่อการงานกับเรา ไม่มีใครเขาอยากจะจ้างศิลปินไปแล้วก็จะได้ดูอะไรที่มันเก่าๆ สมมุติว่าถ้ามันออกมาไม่ถูกใจผม หรือมันเบี้ยว มันดูเฟะ หรือมันดูน่าเกลียด แต่ถ้ามันมีคอนเสิร์ต ผมมั่นใจว่าคนก็อยากจะมาดูหน้าผมล่ะครับ ว่ามันดูแย่กว่าเก่าไหม”

“นี่คือการทำศัลยกรรมที่นานที่สุดที่เคยทำมาประมาณ 8-9 ชั่วโมง เพราะก่อนหน้านี้เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วผมเคยทำตามาแล้ว คือเมื่อสมัยก่อนที่ไปทำ เพราะเพื่อนผมไปทำมาแล้วของเขาดูโอเค ผมมีปัญหาเรื่องตา ตามันตกมันเป็นกรรมพันธุ์ และในส่วนของสภาพร่างกายของผมไม่ได้ดูเครียด เราต้องสนุกไปกับมัน แต่เราไม่ได้เสพติดศัลยกรรมหรือว่าลิซึมเข้าเส้นเลือดนะ มันเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ได้ทำ และถ้าผมปล่อยเวลาให้มันเนินนานถึงอายุ 70 ปี กล้ามเนื้อเรามันไม่ได้แล้วนะ กล้ามเนื้อมันจะหยุดนิ่ง เพราะตอนนี้อายุ 59 ปีกับอีก 6 เดือน”

“ผมไม่ได้ยึดติดกับความหนุ่ม หรือว่าอ่อนเยาว์หรอกนะ ไม่อยากให้มองตรงนั้น ไม่ได้อยู่ที่ความหนุ่มหรือว่าความแก่ แต่มันอยู่ที่ความสามารถมากกว่า อยู่ที่นิสัยมากกว่าที่จะเข้ากับมวลชนได้ไหม และมันก็มีหลายคนที่ไม่จำเป็นต้องหล่อ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขา แต่ที่การผมตัดสินใจก็เพื่อจะเสริมความมั่นใจให้เรามากยิ่งขึ้น"

"ถ้ามันดี ผมว่าทุกคนก็อยากจะทำ ก็อยากจะได้ดีเหมือนกัน เพราะเวลาแต่งหน้าก็ต้องติดสติกเกอร์ที่ขอบตาเหมือนกัน และเวลาที่กล้องโคสอัพเข้ามามันก็จะเห็นว่าตาเราตก และเดี๋ยวนี้เป็นเทคโนโลยีแบบ HD อีกด้วยมันยิ่งเห็นชัดเข้าไปอีก และที่สำคัญผมก็มีปัญหาเรื่องผมด้วยไง ผมเลยตัดสินใจให้ ดร. เขาดูแล”

“ผมว่าการที่เราตัดสินใจทำศัลยกรรมในอายุขนาดนี้ ผมว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับอายุเลย เพราะไม่ได้อินไซด์หรือว่าเอาอะไรใส่เข้าไปในร่างกายเรา หรือว่าใส่ไปในเส้นเลือด แต่อาจจะมีการเอาไปใส่ในผิวชั้นในแต่ไม่เกินสักครึ่งเซนติเมตร ในการเลาะหนังอะไรประมาณนี้ คาดว่าน่าจะได้เห็นแบบอาฟเตอร์แล้วประมาณเดือนเมษา เพราะจะผ่าตัดจริงๆ ก็วันที่ 12 นี้ ขอเวลาพักฟื้นสักเดือนนึง"

พอทำเสร็จออกมาแล้ว กลัวคนจำไม่ได้ไหม?
"ไม่หรอกครับ มันก็ต้องมีริ้วรอยบ้าง คงไม่ทำให้มันผิดแบบ แต่แค่แปลกตาไป และไม่ต้องกลัวหรอกเพราะข่าวออกมาขนาดนี้ ใครๆ ก็อยากเห็นว่าหลังทำแล้วเป็นแบบไหน ถามว่าทำเสร็จแล้วและถูกจับจ้องไหม ผมก็ไม่ได้อายหรอกนะ เราก็อยากดูดี ผมยังบอก ดร. เลยว่าไม่อยากทำให้เยอะเกินไปเหมือนตุ๊ด ดร. ยังบอกว่าหน้าเป็นผู้ชายแล้วทำให้เหมือนเป็นหน้าผู้หญิงก็ได้นะ"

"ผมเลยบอกว่าไม่ต้องขนาดนั้นหรอก และผมว่าถ้า ดร. เขาทำหน้าผมให้สำเร็จนะ เราก็เหมือนได้ช่วยเพื่อนฝูงหรือแนะนำคนให้มาทำ อย่างคนที่วัยเท่าๆ กับผมที่ไม่ใช่เพื่อนผม ผมว่าก็ต้องมีคนสนใจบ้างล่ะ อีกอย่างมันก็ทำให้มองได้ว่าผู้ชายก็ทำได้ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างเดียวที่จะเสริมได้ ผู้ชายทำก็เพราะเพื่อความดูดี ไม่มีใครอยากจะหน้าโทรม หน้าห้อย หน้าย้อยหรอก”

ถามตรงๆ ผ่าตัดนานขนาดนี้กลัวตายมั้ย?
“ไม่หรอกครับ เป็นคนที่คิดแต่สิ่งดีๆ คิดว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แล้วเราเองก็มั่นใจในร่างกายของเราด้วย และมั่นใจในฝีมือของ ดร. เขาไม่ได้เอาอะไรใส่ไปในหน้าของเรา เพราะถ้าเขาเอาอะไรมาใส่เป็นสิ่งแปลกปลอม ผมก็ไม่เอาหรอกครับ กลัวจะมีผลข้างเคียง เพราะที่ผมทำจะเป็นการกระชับ การยกใบหน้า”

“ผมก็เข้าใจว่าคอร์สที่ผมทำมันก็ราคาสูงนะ แต่ถ้าคนมีโอกาสที่จะทำได้ ก็ไม่ต้องไปเดินทางไปถึงต่างประเทศหรอก เพราะเมืองไทยก็ทำได้ ใครอยากจะทำศัลยกรรมก็ค่อยๆ ปรึกษาหมอ ถ้าทำทีเดียวแล้วมันไม่มั่นใจ ก็ทำทีละนิด ใต้ตาดูก่อน และฝากไว้นิดนึงสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หรือน้ำเหลืองไม่ดีผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะศัลยกรรม มันอาจจะมีผลกระทบก็เป็นได้ เพราะมันก็ไม่ได้ทำได้ทุกคนกับเรื่องพวกนี้”


สุรชัย สมบัติเจริญ กับ “ดร.เซปิง ไชยสาส์น” เจ้าของฉายา “นางฟ้าศัลยกรรม”
สุรชัย สมบัติเจริญ และลูกสาวที่มาให้กำลังใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น