MGR Online - นายกสมาคมศัลยกรรมฯ แจ้งความดำเนินคดีต่อ “ดร.เซปิง” ฐานนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กรณีโปรโมต “Face Off” กระชากวัยให้อดีตนักร้องดัง ยืนยันไม่ใช่คนในวงการแพทย์ แถมอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หวังผลทางธุรกิจ ระบุกรณี “สุรชัย” ไม่ใช่เฟซออฟ แค่ดึงหน้า-ปลูกผมเท่านั้น
วันนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่สำนักงานใหญ่สมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย (ส.บ.ท.) ถนนท่าดินแดง แขวงและเขตคลองสาน นพ.ชลธิศ ลินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นพ.ธนวรรฒน์ โชติมา นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย และนายบัญชา บุญพยุง ทนายความสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีโครงการ “Face Off ผ่าแหลก ศัลยกรรม 10 อย่างบนหน้ากระชากความแก่จาก 60 ให้เหลือ 35 Dr.Xeping” โดยออกมายืนยันว่า ดร.เซปิง ที่เป็นผู้สร้างกระแสข่าวนั้นไม่ใช่แพทย์ นอกจากนี้ยังได้เข้าการแจ้งความดำเนินคดีต่อ ดร.เซปิง ที่มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปโฆษณาตามโซเชียลมีเดียทำให้บุคลากรทางการแพทย์ศัลยกรรมไทยได้รับความเสียหาย
นพ.ชลธิศเปิดเผยว่า การเผยแพร่กระแสข่าวศัลยกรรมใบหน้าโดยใช้คำว่า Face Off นั้น ไม่ถูกต้อง ตามหลักวิชาการทางการแพทย์ศัลยกรรมไม่มีภาษาแบบนี้ เรื่องที่มีการอวดอ้างสรรพคุณด้วยคำว่า Face Off เป็นการใช้ภาษาภาพยนตร์เพื่อหวังผลทางธุรกิจ ยิ่งโอ้อวดว่าสามารถทำให้คนอายุ 60 ปี มีใบหน้าหนุ่มลงมา 30 ปี โดยที่ความหนุ่มจะอยู่ทนทาน ทำให้ประชาชนเกิดความคาดหวังในวิวัฒนาการทางการแพทย์ไว้สูง ตั้งแต่มีข่าวนี้ออกมา ยังไม่ปรากฏว่ามีแพทย์ศัลยกรรมตัวจริงคนใดออกมาพูด หรือแถลงข้อเท็จจริงแต่อย่างใด ดังนั้น คำว่า Face Off จึงออกมาจากบุคคลนอกวงการที่หวังเข้ามาทำธุรกิจศัลยกรรม และแพทย์ตัวจริงเสียงจริงก็ไม่สามารถโอ้อวดแบบนี้ได้ ล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วว่านักร้องชื่อดังคนนั้นแค่ดึงหน้าและปลูกผมเท่านั้น ถือเป็นการศัลยกรรมธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่การเปลี่ยนใบหน้าตามที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ
นพ.ชลธิศเปิดเผยต่อไปว่า ในฐานะนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ตนขอเรียกร้องให้บุคคลที่ออกมาสร้างกระแสดังกล่าวจงหยุดการกระทำ เพราะประชาชนเกิดความคาดหวังไว้สูงจนทำให้เกิดความสับสน โดยภายหลังแพร่ข่าวออกไปมีผู้โทรศัพท์ติดต่อมาสอบถามกับทางสมาคมจำนวนมาก จึงทำการตรวจสอบประวัติจากทางแพทยสภา ปรากฏว่า ดร.หญิงคนนี้ไม่ใช่แพทย์แต่อย่างใด และแพทยสภาก็ไม่สามารถเรียก ดร.คนนี้มาสอบสวนได้ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ใช่แพทย์ ตนจึงปรึกษา กับนายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย และทนายความ เพื่อหาทางหยุดยั้งการกระทำของผู้แอบอ้างคนนี้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ก.พ.เวลา 18.00 น. ได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา ให้ดำเนินการต่อ ดร.เซปิง ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนเอาไว้แล้ว
ขณะที่ นพ.ธนวรรฒน์เปิดเผยว่า มนุษย์เราพอแก่ตัวก็เกิดผิวหนังห้อย ย้อยและคล้อย แต่สามารถทำศัลยกรรมดึงขึ้นมาได้ ไม่ใช่การ Face Off ทั้งการดึงคิ้ว จมูก หางตา คาง ก็เก็บได้เสริมได้หลายกรรมวิธี เช่น เลเซอร์ และโบทอกซ์ แต่กระบวนการทั้งหมดใช้คำว่า Face Off ไม่ได้ ยิ่ง ดร.หญิงคนดังกล่าวใช้ชื่อโครงการ Face Off ไทยแลนด์ ยิ่งไปกันใหญ่ แถมยังเกิดความเสียหายไปมากกว่านั้น คือ มีการอ้างตัวเป็นแพทย์มือหนึ่ง คนที่ทั่วไปรู้จัก ตนอยู่วงการนี้มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยรู้จักคนคนนี้แต่อย่างใด เข้าใจว่าธุรกิจศัลยกรรมตอนนี้กำลังรุ่งโรจน์ติด 1 ใน 5 ของธุรกิจดาวรุ่งในปัจจุบัน จึงมีผู้พยายามเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้หลายรูปแบบ แต่การใช้วิธีชี้นำสังคมด้วยการอวดอ้างเกินจริงนั้นไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกัน นักร้องชื่อดังเองแทนที่จะไปปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมโดยตรงกลับพึ่งพาคนแบบนี้ ซึ่งมีทั้งการนำข้อมูลและผลงานของบุคคลอื่นไปใช้โฆษณาในการประชาสัมพันธ์ มีการตั้งตัวเป็นเสมือนแพทย์ศัลยกรรม ในส่วนนี้จะต้องรีบดำเนินการ เพื่อรักษาจรรยาบรรณแพทย์ให้คงความบริสุทธิ์ ลดความสับสน และสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนด้วย
ด้านนายบัญชาเปิดเผยภายหลังได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเกี่ยวกับการดำเนินคดีว่า ได้ตรวจพบข้อมูลที่เป็นหลักฐานสำคัญทั้งเรื่องการโอ้อวดสรรพคุณของ ดร.เซปิง โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นแพทย์ แถมนำชื่อของนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยไปแอบอ้าง อีกทั้งมีการนำผลงานของนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียหลายชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยาเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ อยู่ระหว่างรอพนักงานสอบสวนเรียกเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา นพ.ชลธิศ ลินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย พร้อมทนายความได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.จารึก ทองสีขาว พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ให้ดำเนินคดีต่อ ดร.เซปิง ไชยสาส์น ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความเอาไว้แล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานเพื่อเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าสอบปากคำ และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป