เป็นภาพที่คนไทยติดตามาเป็นระยะเวลานาน สำหรับภาพนักกีฬาทีมชาติไทย อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปชูเวลาได้รับชัยชนะหรือขึ้นรับเหรียญรางวัลในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะแข่งในประเทศหรือต่างประเทศ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สร้างความอิ่มเอมและซาบซึ้งใจให้กับคนไทยทั้งชาติ บ่อยครั้งที่ตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมาและอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพนี้
ในความรู้สึกของคนไทยที่รับรู้ สิ่งนี้คือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พ่อของแผ่นดิน ที่คนไทยเทิดทูนเหนือหัว แต่สำหรับนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยแล้วมีความหมายและมีความสำคัญลึกซึ้งมากกว่านั้น พระองค์เป็นทั้งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ที่ทำให้นักกีฬาสู้จนชนะ เคยมีนักกีฬาสู้คู่แข่งไม่ได้ จะแพ้อยู่รอมร่อ แต่พอโค้ชบอกว่าให้สู้เพื่อในหลวง เขาก็ฮึดสู้ใหม่จนสามารถเอาชนะได้ในที่สุด
หนึ่งในนั้นคือ “แต้ว พิมศิริ ศิริแก้ว” นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่สุดท้ายสามารถคว้าเหรียญเงิน โอลิมปิก 2012 มาครองได้สำเร็จ ทั้งที่ตอนแรกเจ้าตัวถอดใจคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เหรียญใดๆ แล้วเนื่องจากยกน้ำหนัก 103 กิโลกรัม ในท่าสแนตช์ไม่ผ่านทำให้คะแนนเป็นรองอยู่มาก แต่พอช่วงพักนายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ได้นำรูปของในหลวงมาให้ดู พร้อมบอกว่า เกมยังไม่จบอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ให้สู้ต่อ ทำเพื่อในหลวงและประชาชนชาวไทย เท่านั้นแหละจอมพลังสาวก็ฮึดสู้อีกครั้งจนคว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองได้ หรือกับการแข่งขันรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ของฟุตบอลชายทีมชาติไทย รอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ในหลวงทรงทอดพระเนตร และทรงรับสั่งให้ราชเลขาธิการโทรศัพท์ไปพระราชทานกำลังใจให้นักฟุตบอลไทย ทำให้นักเตะรวมพลังสู้จนคว้าแชมป์ที่รอคอย 12 ปีมาได้
ซึ่งคนที่จะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้ดีที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากโค้ชและนักกีฬาทีมชาติไทย วันนี้เรามีโอกาสเปิดใจ “โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย, “มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ” ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย, “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” นักฟุตบอลชายทีมชาติไทย, “สมจิตร จงจอหอ” อดีตนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ฮีโร่เหรียญทองกีฬาโอลิมปิก 2008 และ “เล็ก ชนาธิป ซ้อนขำ” นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิก 2012 ผู้ที่เป็นคนสู้อยู่ในสนามและสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นด้วยตัวเอง
“โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้สร้างความสุขให้คนไทยตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นผู้เล่น กระทั่งปัจจุบันผันตัวมาเป็นโค้ชทีมชาติ ซึ่งเมื่อถูกถามถึงการรับใช้ชาติ และการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงไปด้วยเวลาไปแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ว่ามีความหมายสำคัญอย่างไรต่อนักกีฬา โค้ชขวัญใจชาวไทยยิ้มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจว่า เป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
“ตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นผู้เล่นแล้วนะครับ เราจะมีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปด้วย รวมถึงธงประจำพระองค์ และธงชาติไทย ก่อนลงแข่งเราจะนำไปไว้ในห้องพักนักกีฬา เหมือนกับบอกว่าห้องนี้คือประเทศไทยนะ เป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจว่าเราทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เพื่อในหลวง แล้วในหลวงทรงทอดพระเนตรตลอดเวลา ก็เป็นสิ่งเตือนใจให้พวกเราว่าในหลวงทรงงานเยอะมาก เราแค่เศษเสี้ยว ฉะนั้นที่พวกเราคิดว่าการเตะฟุตบอลหนักแล้ว ฝึกหนัก แข่งหนักแล้ว แต่ในหลวงทรงงานหนักกว่าเราเยอะ ซึ่งการปลูกฝังเรื่องนี้ได้ผลดีมาก จริงๆ ทุกคนเล่นถวายหัวอยู่แล้วนะครับ(ยิ้ม) ทุกคนสู้เพื่อในหลวง”
“อย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมาพระองค์ท่านประชวร เราก็รู้ว่าพระองค์ท่านต้องการกำลังใจ เราเป็นพลเมือง เป็นประชาชนคนไทย เราอยากจะแสดงออกในเรื่องนี้ เราเป็นตัวแทนคนไทยเป็นนักกีฬาทีมชาติ เราไม่มีพระโอสถอะไรที่ดีไปกว่าชัยชนะ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราทำถวายพระองค์ท่านได้ในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย แล้วชัยชนะก็ยังทำให้แฟนบอลมีความสุขด้วย เมื่อประชาชนคนไทยมีความสุขพระองค์ท่านก็สบายใจ ผมก็จะปลูกฝังน้องๆ แบบนี้ทุกครั้งว่าวันนี้เราเล่นเพื่อในหลวงนะ”
สิ่งที่โค้ชซิโก้ปฏิบัติสม่ำเสมอคือการก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ในห้องพักนักกีฬาก่อนลงแข่งทุกครั้ง ในขณะเดียวกัน โค้ชได้เผยถึงความสำคัญของปลอกแขนกับธงที่กัปตันทีมต้องนำไปแลกเปลี่ยนกับคู่แข่งว่า เป็นเครื่องเตือนใจว่าพระองค์ท่านอยู่กับพวกเราตลอดในสนาม
“ผมขอพรให้น้องๆ นักเตะทุกคนโชว์ศักยภาพ โชว์ผลงานออกมาให้เต็มที่ และขอให้พระองค์ท่านเป็นกำลังใจให้กับพวกเราด้วย ทุกครั้งเราจะทำแบบนี้ จะเห็นได้ว่าปลอกแขนกับธงที่กัปตันทีมจะต้องแลกเปลี่ยนกับคู่แข่งก็จะเป็นเครื่องเตือนใจว่าพระองค์ท่านจะอยู่กับพวกเราตลอดในสนาม เหมือนพระองค์ท่านทอดพระเนตรทุกครั้ง อย่างตอนแข่งซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ก็ทำให้เรามีความรู้สึกปลาบปลื้ม ซึ่งเราได้เป็นตัวแทนของคนไทยไปทำหน้าที่ตรงนั้น”
นางฟ้าแห่งวงการฟุตบอลไทย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้สร้างประวัติศาสตร์พาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยไปบอลโลก แม้จะผิดหวังไปไม่ถึงเส้นชัยที่หวังไว้ แต่ความสำเร็จนี้ได้ทำให้คนไทยทั้งชาติภูมิในใจตัวพวกเธอ ภาพที่ช้างศึกสาวกระโดดกอดกันในวันที่สามารถเอาชนะทีมชาติไอวอรีโคสต์ 3-2 หลังจบเกมทุกคนเดินขอบคุณกองเชียร์ พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง เพื่อแสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่าพวกเธอสู้เพื่อใคร ภาพนั้นยังติดตราตรึงใจคนไทยทั้งประเทศ นึกถึงทีไรเรียกรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความตื้นตันได้ทุกครั้ง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่จริงๆ
“การที่นักกีฬาทีมชาติไทยอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงและพระราชินีไปทุกครั้งที่มีการแข่งขัน แป้งคิดว่าเป็นประเพณีอันดีงามของพวกเราที่ถือปฏิบัติกันมา และเป็นที่ยึดมั่นทางจิตใจของนักกีฬา อย่างฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่จะถือเป็นประเพณีทุกครั้งที่มีการแข่งขันระดับชาติ เพื่อที่เวลาเราชนะเราอยากชูพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้นักเตะทุกคน และเพื่อให้ทั่วโลกรู้ว่าพระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศไทย เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยในการปฏิบัติแบบนี้ค่ะ และเพื่อบอกว่าพวกเราสู้เพื่อใคร(ยิ้ม)”
“ก่อนจะลงสนามทุกครั้งพวกเราจะร้องเพลงสดุดีมหาราชา สดุดีมหาราชินี การร้องเพลงสดุดีมหาราชา ก่อนลงแข่ง มีผลต่อกำลังใจของน้องๆ นักเตะค่อนข้างมากนะคะ เนื่องจากว่าพระองค์ทรงเป็นพระประมุขของประเทศ พระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศเพราะฉะนั้นการร้องเพลงสดุดีมหาราชาก่อนลงสนามเป็นการสร้างกำลังใจและสร้างความฮึกเหิมให้กับนักเตะเป็นอย่างมากค่ะ และก่อนแข่งแป้งก็จะพูดปลุกใจน้องๆ ทุกครั้งว่าให้สู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนไทย สู้เพื่อชาติ และชัยชนะนี้ ถ้วยใบนี้เราขอถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ”
แข้งซูเปอร์สตาร์ทีมชาติไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ผู้มีส่วนสำคัญที่พาทีมประสบความสำเร็จในหลายๆ รายการ ซึ่งเจ้าตัวเผยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า เล่นถวายหัวทุกครั้งที่มีโอกาสลงสนาม อยากให้ชาติไทยชนะทุกครั้งเพราะอยากเห็นคนไทยมีความสุข พร้อมเผยก่อนแข่งและหลังแข่งนักเตะทุกคนจะร้องเพลงสดุดีมหาราชา โดยพวกเขาจะช่วยกันร้องเสียงดังๆ และนึกถึงพระพักตร์พระองค์ท่าน ทำให้ทีมมีกำลังใจที่จะสู้ เป้าหมายสูงสุดคือพาไทยไปบอลโลก
“ทุกครั้งที่ผมลงเล่น เราเป็นตัวแทนของชาติ ผมรู้สึกว่าชาติจะแพ้ไม่ได้ ชาติต้องชนะ ถ้าเราแพ้คนไทยทั้งประเทศแพ้ด้วย แต่ถ้าพวกเราชนะคนไทยทั้งประเทศยิ้ม กลับบ้านมีความสุข ทุกครั้งที่ลงสนามเป้าหมายคือชนะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องทำให้ได้ครับ ก่อนแข่งและหลังแข่งพวกเราจะร้องเพลงสดุดีมหาราชาทุกครั้งมันทำให้พวกเราฮึกเหิม ทุกครั้งที่ร้องพวกเราจะช่วยกันร้องเสียงดังๆ และเราจะนึกถึงหน้าพระองค์ท่าน พระองค์ท่านคือกำลังใจที่ทำให้พวกเราสู้ รวมถึงแฟนบอลชาวไทยด้วยครับที่ทำให้พวกผมอยากสู้เพื่อทุกคน พี่โก้จะบอกตลอดว่าพระองค์ท่านทอดพระเนตรพวกเราอยู่เสมอ พวกเราจะระลึกในใจตลอดว่าเราสู้เพื่อใคร”
“ตอนที่พวกเราแข่งซูซูกิ คัพ นัดชิงชนะเลิศ อย่างที่ทราบกันว่าสถานการณ์พวกเรากำลังลำบากกว่าจะเอาชนะได้ ตอนที่ทราบข่าวว่าพระองค์ท่านให้ราชเลขาโทรศัพท์มาให้กำลังใจพวกเรา ผมรู้สึกซาบซึ้งมากครับที่พระองค์ท่านทรงทอดพระเนตรพวกเราอยู่ รู้สึกดีใจมากครับ(ยิ้ม) วันนั้นพอชนะพวกเราก็ร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกที่ทุกคนไม่มีวันลืม คือพวกเราสู้กันเป็นทีมจริงๆ ทีมนี้มีสปิริตที่เป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ เล่นกันเป็นทีมเวิร์ก”
โกยความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย ซึ่งในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 เจยังผงาดคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่ามาครอง และเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่เคยได้รางวัลนี้ โดยในวันนั้นเจ้าตัวได้แสดงความภูมิใจด้วยการชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงตอนขึ้นไปรับรางวัล ชมการถ่ายทอดสดไปก็ยิ้มชื่นใจไปกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ผ่านไปใกล้จะครบ 1 ปีเต็มความสุขนั้นยังชัดเจน
“ตอนนั้นผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าประเทศเราคือที่หนึ่ง ประเทศเราไม่เป็นรองใคร ผมสู้เพื่อแผ่นดินผมอยากทดแทนแผ่นดินที่ผมยืนอยู่ และพระองค์ท่านคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยทุกคน การที่พวกเราสู้เพื่อประเทศก็เหมือนสู้เพื่อพระองค์ท่าน”
“เป้าหมายของผมคืออยากพาไทยไปบอลโลก และพาทีมไปปรีโอลิมปิก และทุกๆ รายการไทยต้องเป็นแชมป์ นี่คือเป้าหมายของผมในนามทีมชาติ หรือเข้าไปสู่รอบลึกที่สุด ผมว่าทำอะไรเราต้องมีเป้าหมายเพราะถ้าไม่มีเป้าหมายเราจะไม่มีความกระหายในชัยชนะ ความกระหายและความมุ่งมั่นคือสิ่งสำคัญในการเล่นกีฬา สำหรับนักกีฬาทีมชาติ ผมเชื่อว่าทุกครั้งที่ลงแข่งทุกคนอยากนำชัยชนะมาให้คนไทย”
“ผมภูมิใจที่ได้ทำเพื่อชาติ หลายๆ คนอยากมายืนในจุดนี้ ในจุดที่ผมยืนอยู่แต่เขาไม่มีโอกาส ผมจึงทำให้ดีที่สุดทุกครั้งที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ ผมหยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เราหยุดพัฒนาตัวเองคนอื่นจะแซงเราเมื่อนั้น ผมอยู่ในช่วงพัฒนาตัวเอง ทำยังไงก็ได้ให้เราไปให้ไกลที่สุดที่เราจะไปได้ ไม่ว่าในนามทีมชาติหรือนามสโมสร(สโมสรฟุตบอลบีอีซี-เทโรศาสน) ผมอยากชนะไม่อยากแพ้ครับ(ยิ้ม)”
อีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย “สมจิตร จงจอหอ” นักกีฬาทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย, เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย เรียกว่ากวาดเรียบมาทุกทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเจ้าตัวได้ย้อนความประทับใจให้ฟังว่า ถือเป็นที่สุดของชีวิตแล้วที่ได้ติดทีมชาติ โดยเฉพาะวันที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก การได้ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในวันที่ตนเองได้รับชัยชนะเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่ตนไม่มีวันลืม
“เหตุผลที่ผมนำรูปในหลวงไปชูตอนชกชนะ เพราะผมอยากบอกให้ทั่วโลกรู้ว่าพระองค์คือพ่อหลวงของเรา อยากให้ทั่วโลกรู้ว่าในหลวงคือสัญลักษณ์ของประเทศไทย ผมอยากบอกให้ทั่วโลกรู้ว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองคนนี้มาจากประเทศไทยนะ และคนในภาพที่พวกเราชู ท่านคือพ่อหลวงของเรา ศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวไทยทุกคน เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมทำอะไรสำเร็จเกี่ยวกับประเทศชาติผมจะนึกถึงพ่อหลวงโดยเฉพาะเลยครับ ผมอยากประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่าถึงพวกเราจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราก็สามารถยืนอยู่บนเวทีระดับโลกได้ในเรื่องกีฬา ชัยชนะวันนี้ไม่ใช่แค่ชัยชนะของเราคนเดียว แต่เป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศ”
“ตื้นตันมากครับ ตื้นตันที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีโอกาสถือพระบรมฉายาลักษณ์ประกาศให้ทั่วโลกได้รู้บนเวทีโอลิมปิกที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก มีคนมาถามผมว่าในภาพคือใคร ผมบอกคนที่มาถามทุกคนว่าท่านคือในหลวงของเรา ผมภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้บอกให้คนทั่วโลกได้รู้ว่าประเทศไทยเราคืออะไร การได้ชูภาพในหลวงในวันที่เราชนะมันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากครับ มันคือที่สุดในชีวิตของผมแล้ว(น้ำเสียงหนักแน่นภูมิใจ) การได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย มีธงไตรรงค์ติดหน้าอก ได้เป็นตัวแทนคนไทยไปโชว์ความสามารถบนเวทีระดับโลก ได้ไปร้องเพลงชาติไทยให้คนทั่วโลกฟัง โอ้โห…เพราะมากครับ เพราะจับใจ เพราะแบบไม่มีวันลืม”
ในหลวง คือสิ่งที่คนไทยยึดเหนี่ยวจิตใจ ในยามที่นักกีฬาสู้ไม่ได้แต่พอโค้ชปลุกใจบอกให้สู้เพื่อในหลวง พลังใจก็มาแบบอัตโนมัติ พระองค์คือกำลังใจวิเศษของนักกีฬา
“เพราะพระองค์คือสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวจิตใจ ตอนแข่งผมก็เคยได้รับจิตวิทยาเรื่องนี้ครับ พอโค้ชปลุกใจเราว่าให้สู้เพื่อในหลวง พระองค์ท่านทรงทอดพระเนตรอยู่นะ พอได้ฟังก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจเพิ่มขึ้นเวลาที่นึกถึงสิ่งที่เรายึดเหนี่ยว ใจมันมา ทำให้เราฮึกเหิมมากขึ้นในการขึ้นไปสู้ เหมือนความรู้สึกที่เวลาเราไปไหนแล้วมีพระเครื่องอยู่บนคอเรา เราก็ยึดถือว่าจะทำให้เราแคล้วคลาดปลอดภัยนะ มีผลกับจิตใจนักกีฬามากๆ ครับ”
ตั้งปณิธานจะเป็นลูกที่ดีของพ่อหลวง อยากให้พระองค์สุขภาพแข็งแรง สัญญาจะน้อมนำคำสั่งสอนของพระองค์มาใช้ในการดำเนินชีวิต
“เวลานึกถึงพระองค์ท่าน สิ่งที่เห็นมาตลอดคือพระองค์ท่านมีความเพียร ท่านเสด็จไปทุกหย่อมหญ้าที่ชาวไทยอยู่อาศัย เห็นความลำบากของท่าน เห็นพระองค์เหนื่อย แต่พระองค์ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่ว่าที่ที่เสด็จไปจะต้องลุยน้ำหรือยากลำบากแค่ไหน ต้องลุยป่าลุยเขา พระองค์ท่านมีความเพียรเสมอที่จะเสด็จไปหาประชาชน ผมจึงนำหลักการดำเนินชีวิตในเรื่องของความเพียรพยายามมาใช้ในชีวิตประจำวัน”
“วันนี้วันพ่อ ผมอยากขอพรให้พระองค์ท่านสุขภาพแข็งแรง ผมในฐานะที่เป็นลูกหลานท่าน ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดีตามรอยพ่อ ตามที่พระองค์ได้สั่งสอนเอาไว้ และผมจะเป็นพ่อที่ดีของลูก และจะเป็นคนดีของประเทศชาติต่อไปครับ ผมนำคำสอนของพระองค์ท่านเรื่องความพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต การพอเพียงเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมมีความสุขมาก รวมถึงความเพียรพยายาม สิ่งที่พระองค์ท่านสอนใช้ได้ผลจริง ความเพียรเท่านั้นที่จะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้”
เพราะรักในหลวงสุดหัวใจ “เล็ก ชนาธิป ซ้อนขำ” นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ฮีโร่เหรียญทองแดง โอลิมปิก ลอนดอน 2012, แชมป์โลกปี 2013, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้, เหรียญทอง ซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ เผยพระองค์ท่านคือกำลังใจสำคัญสูงสุด ในฐานะที่ตนได้รับใช้ประเทศชาติและในหลวง ขอถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ด้วยการสู้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ชาติไทย
“ในความคิดของเล็กนั้น เล็กคิดเสมอว่า ท่านทรงเป็นกำลังใจสำคัญสูงสุดสำหรับเล็กและสำหรับนักกีฬาทีมชาติไทยทุกๆ คนนะคะ เพราะถึงแม้ศักยภาพเราจะเป็นรองแค่ไหนแต่ใจเราสู้ไม่ยอมแพ้ และรู้ว่าเราเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศและของในหลวง เล็กจึงต้องสู้ให้เต็มที่สุดความสามารถค่ะ รู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่ในชีวิตนี้ได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ เป็นตัวแทนคนไทยและประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย”
“หลายๆ คนมีความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬาทีมชาติ และเล็กเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พยายามฝึกซ้อมร่างกายทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้รับใช้ชาติ เป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทย หลังจากติดทีมชาติเล็กรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจมาก และทุกครั้งที่ได้แข่งในนามนักกีฬาทีมชาติไทยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสขึ้นมายืนจุดนี้”
นอกจากการทุ่มเทรับใช้ชาติเพื่อตอบแทนในหลวงแล้ว เล็กยังแสดงความจงรักภักดี โดยการใส่ริสแบนด์ ทรงพระเจริญ ติดตัวตลอดเวลา รวมถึงตอนขึ้นรับเหรียญรางวัลด้วย ซึ่งเล็กเผยด้วยความสุขเต็มหัวใจว่า เวลามีเพื่อนชาวต่างชาติมาถามว่าสายรัดข้อมือหมายถึงอะไร ตนจะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้บอกว่า เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักที่คนไทยมีต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ดูแลประชาชนของพระองค์ดีเหลือเกิน
“เล็กใส่ริสแบนด์ ทรงพระเจริญ ติดตัวตลอด เล็กมองว่าเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่ใครๆ รับรู้ได้โดยทันที ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ นักกีฬาต่างชาติก็จะรับรู้ได้ถึงความรักของคนไทยที่มีต่อในหลวง เคยมีเพื่อนต่างชาติถามเล็กถึงสายรัดข้อมือว่าหมายถึงอะไร เล็กจะรู้สึกภูมิใจทุกๆ ครั้งที่ได้อธิบายให้เขาฟัง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจว่าประเทศไทยโชคดีมากที่มีพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่รักของประชาชน และดูแลประชาชนของพระองค์ได้อย่างดีมาก”
เนื่องในโอกาสมหามงคล วันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2558 เล็กขอตั้งจิตอธิษฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยดลบันดาลให้ในหลวงทรงมีพลานามัยแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป ตนในฐานะที่ได้รับใช้ประเทศชาติและพ่อหลวง ขอถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน ด้วยการสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ชาติไทย
“เล็กขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยอวยพรพระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรง หายจากพระอาการประชวร ทรงมีพระเกษมสำราญและเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมของปวงชนชาวไทยตลอดไปค่ะ และในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติและพระองค์ เล็กขอถวายความจงรักภักดีต่อท่าน ด้วยการทำหน้าที่ของเล็กอย่างเต็มที่และสุดความสามารถของเล็กค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”