เรียกได้ว่าเป็นวงที่มาแบบเงียบๆแต่แรงจริงๆสำหรับ “Imagine Dragons” อัลเทอร์เนทีฟร็อคชื่อดังจากลาสเวกัส ที่เพิ่งระเบิดความมันให้สมกับการรอคอยมายาวนานของแฟนๆชาวไทยไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ณ.อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี
โดยงานนี้ต้องบอกว่าสมใจชาวร็อคกันจริงๆเมื่อ Imagine Dragons ตัดสินใจมาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า “Smoke + Mirrors Tour Live in Bangkok”
ต้องยอมรับว่าแฟนคลับหลายๆคนที่รู้จัก Imagine Dragons มานานหลายปีแล้วต่างดีใจกันยกใหญ่ ที่จะได้ฟังสดเพลงฮิตจากจากผลงานต่างๆของพวกเขาตั้งแต่ปี 2009 โดยฌพาะเพลงที่โด่งดังสุดๆยอดขายดับเบิลแพลตินัม It’s Time ที่ทำให้หลายๆคนเริ่มติดตามผลงานของวงนี้อย่างจริงจัง ก่อนจะได้พบกับอัลบัมเต็ม Night Visions ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2012 ที่รวบรวมเอาเพลงฮิตต่างๆมากมายทั้ง Top of the World, Demons ไปจนถึงเพลงฮิตมีรางวัลแกรมมีช่วยการันตีอย่าง Radioactive เพลงติดหูจากภาพยนตร์ The Host ที่พอผลงานเต็มออกมา ก็ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาเป็นที่รู้จักโด่งดังมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะได้นำผลงานไปประกอบภาพยนตร์แล้ว ยังได้ยินเพลงของพวกเขาประกอบซีรีย์, เกมส์, โฆษณา และงานอื่นๆอีกมากมาย จนทำให้เพลงของImagine Dragons กลายเป็นเพลงที่คุ้นหูแม้จะไม่รู้จักชื่อวงเลยก็ตาม
การมาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทยครั้งนี้ จึงนับได้ว่าถูกใจขาร็อคชาวไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทยเป็นอย่างมาก เพราะมีการขนผลงานอัลบัมเก่ารวมถึงอัลบัมใหม่อย่าง Smoke & Mirrors มาโชว์แบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Shot, Trouble, It’s Time, Smoke & Mirrors, Polaroid, I’m So Sorry, Gold, Thief, Demons, Hopeless Opus, On Top of The Worlds, Friction, I Bet My Life, Radioactive และ The Fall โดยแต่ละโชว์ก็มีการเล่นแสงสีอย่างมีศิลปะ นอกจากนั้นกราฟฟิคที่ขึ้นประกอบจอแอลอีดีด้านหลังที่มาแบบแนวตั้ง 8 แถว วางตั้งสลับกับแผงสปอตไลต์ก็สร้างความสวยงามได้อย่างลงตัวในแต่ละเพลง ที่แม้จะเป็นคอนเสิร์ตร็อคเน้นความเรียบง่ายแต่ก็ดูมีอะไรที่ไม่เหมือนคอนเสิร์ตร็อควงอื่นๆ
เริ่มต้นที่เพลงแรกก็ทำเอาคนดูนั่งไมติดเก้าอี้กันแล้วเมื่อแดน เรย์โนล์ส นักร้องนำพาเพื่อนๆขึ้นเวทีรัวอินโทรล โดยเขารับหน้าที่ตีกลองใหญ่เพื่อเข้าสู่เพลง Shot ซึ่งทันทีที่ไฟในฮอลล์เริ่มสว่าง ทุกคนก็ได้ยิ้มกับมาดหนุ่มร็อคนักร้องนำที่มาในชุดกางเกงสบายๆสไตล์ฝรั่งตามตรอกข้าวสาร ซึ่งท่าทางจะใส่สบายน่าดูเพราะเจ้าตัวใส่กางเกงตัวนี้ตลอดคอนเสิร์ตเลยทีเดียว
ส่วนเพลง It’s Time เพลงยอดฮิตแค่เพียงอินโทรลขึ้นแฟนคลับก็กรี๊ดกันกระหึ่ม ก่อนจะร้องตามกันลั่นฮอลล์ พร้อมปรบบมือ ตบแขน ตบตัวตามจังหวะอย่างพร้อมเพรียง
นอกจากความเรียบง่ายเป็นกันเองของนักร้องนำแล้ว ต้องบอกว่าแดน เรย์โนล์ส ค่อนข้างปากหวานทีเดียว เพราะในช่วงพักเบรกพูดคุยทักทายกับแฟนๆ นอกจากชมอาหารไทยว่าอร่อยที่สุดในโลกแล้ว เขายังกล่าวว่าเล่นคอนเสิร์ตที่กรุงเทพค่อนข้างเกร็งนิดหน่อยเพราะสาวๆที่นี่สวยมาก ทำเอาสาวๆกรี๊ดแตกเขินกันเป็นแถว
ส่วนเรื่องการเอนเตอร์เทนเพื่อให้คนดูสนุกตามนั้น ต้องบอกว่าทำได้ดีมาก ชวนแฟนคลับร้องอิมโพรไวส์ตาม พอเริ่มสเต็ปยากขึ้นก็ทำให้แฟนๆขำลั่นฮอลล์ ก่อนที่ขาจะรีบบอกว่าล้อเล่นหลังเห็นความพยายามของแฟนๆ ซึ่งเขาชวนแฟนๆสนุกเพื่อพาเข้าสู่เพลง Polaroid ส่วนเพลงที่เพิ่มความร้อนแรงให้แฟนๆได้เพิ่มดีกรีความมันขึ้นไปอีกต้องอยู่ที่เพลง I’m So Sorry ที่ทำเอานั่งกันไม่ติดอีกแล้ว โยกหัวตามกันแบบไม่หวั่นคอหักกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับการยิงแสงสปอตไลท์ช่วงท้ายยิ่งทำเอาตื่นตาตื่นใจ
ส่วนเพลง Demons ก็ต้องบอกว่าร้องกันกระหึ่มฮอลล์จริงๆสำหรับเพลงนี้ นอกจากนั้นในเพลง On Top of The World ทั้งแดน และ เวน เซอร์มอน มือกีตาร์ รวมถึง เบน แมคคี มือเบส ก็ต้องวางไมค์วางเครื่องดนตรีประจำตัวไปตีกลองประจำตัวของตนเอง เรียกความฮึกเหิมให้สมชื่อเพลง ส่วนเพลงที่โดดกันสนุกสนานที่สุดก็ต้องยกให้เพลง Friction และ I Bet My Life ที่แสงสีในเพลง Friction มาในโทนร้อนแรง ส่วน I Bet My Life มาในโทนเย็นสวยงาม แต่ทุกคนก็กระโดดตามในท่อนฮุคของแต่ละเพลงอย่างพร้อมเพรียงเพิ่มดีกรีความมันขึ้นไปอีก
จนกระทั่งมาถึงเพลงที่ทุกคนรอคอยอย่าง Radioactive ที่ก่อนเริ่มเพลงแดนได้ยกมือไหว้อยู่นานพร้อมกล่าวสวัสดีครับ ก่อนจะบรรเลงกลองใหญ่ จากนั้นในช่วงกลางเพลงทุกคนยังได้กลับไปประจำกลองของตนเองอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนจังหวะเป็นเครื่องเคาะ พอถึงจุดพีคก็กลับมาสะพายกีตาร์ สะพายเบส คว้าไมค์ ร้องเพลงชวนแฟนๆกระโดดกันอีกครั้ง ในเพลงนี้ยังได้เห็นโชว์โซโลกีตาร์ของเวน ปล่อยให้เขาเป็นพระเอกหน้าเวทีขณะที่แดนวางไมค์แวะไปตีกลองก่อนจบเพลงให้แฟนๆได้ฟังซาวนด์กีตาร์ร้อนแรงแบบสดๆ
นอกจากจะประทับใจกับการโซโลกีตาร์แบบร้อนแรงของเวนแล้ว งานนี้ยังได้เห็นพลังและลีลาของแดนที่ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งร้อง ทั้งวิ่ง ทั้งกระโดด ทั้งเอนเตอร์เทน และเหวี่ยงไม้รัวกลองได้แบบแรงดีไม่มีตก โดยเฉพาะน้ำเสียงขอเขาที่ยังคงเส้นคงวา ไม่ขาด ไม่แหบ ไม่หลง แม้จะร้องจนแทบไม่ได้หยุดพักตลอดสองชั่วโมงเลยก็ตาม
แม้แต่ในช่วงอังกอร์กับเพลง The Fall ที่หนุ่มๆกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง แดนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ส่งท้ายความไพเราะได้อย่างน่าประทับใจ โดยก่อนร้องเพลงเขายังคว้าธงชาติไทยมาห่มและโบกไปมาตลอดเพลงด้วย โดยเฉพาะในตอนจบเขายังได้กล่าวข้อความสุดซึ้งว่าสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ล้วนมีเหตุผล พวกเขารักและห่วงพวกเราชาวไทยเสมอ พร้อมกับชูสองนิ้เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งสันติภาพด้วย ซึ่งทุกคนในฮอลล์ต่างก็พร้อมใจชูสองนิ้วเพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพนี้ด้วยเช่นกัน
ต้องบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จบลงด้วยความประทับใจแบบเต็มอิ่มในเสียงดนตรีและอิ่มใจกับความน่ารักของศิลปิน ซึ่งแม้จะเป็นคอนเสิร์ตอัลเทอร์เนทีฟร็อคแต่กลับให้ความรู้สึกไบร์ทไซด์ จนอยากฟังสดอีกหลายๆรอบอย่างไม่กลัวปวดหูหรือปวดหัว ส่วนข้อเสียของงานครั้งนี้คงต้องติเรื่องโปรดักชัน ที่เกือบจะได้เต็มแต่ก็ต้องตัดคะแนนเพราะจอด้านข้างเวทีที่ด้านขวาจอดับไปในขณะที่ด้านซ้ายก็จอเกือบจะขาดแทบไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่งของคอนเสิร์ต ทำให้ผู้ชมด้านบนออกอาการเซ็งกันเป็นแถว ความดีความชอบครั้งนี้จึงต้องยกให้ตัวศิลปินล้วนๆที่สามารถดึงคนดูให้สนุกกับคอนเสิร์ตด้วยเสียงร้องและการเอนเตอร์เทนแบบใส่เต็ม สมกับขึ้นชื่อว่าเป็นวงที่เล่นสดสุดมันและเป็นวงร็อคที่เล่นดีที่สุดในงานแกรมมี อวอร์ดส์ ปี 2014
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
