เป็นอีกครั้งที่พามาเยือน “เกาหลี” ประเทศท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทยมายาวนาน แต่มาครั้งนี้ไม่ได้พามาเที่ยวเส้นทางซ้ำแบบเดิมๆ แต่เป็นการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ในเมืองใหม่ๆ ให้ได้รู้จักกันคือ “เมืองอาซาน-ยองดง” ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ
“ตะลอนเที่ยว” บินลัดฟ้ามาเกาหลีกับสายการบิน T’way สายการบินโลว์คอสต์ของเกาหลี โดยมีไกด์ทัวร์จาก Happy Group Center และไกด์ทัวร์จาก J-One World มาเป็นคนพาเที่ยวเมืองอาซาน-ยองดงในครั้งนี้ เมื่อถึงสนามบินอินชอนแล้ว เรานั่งรถบัสต่อมาอีกราว 2 ชั่วโมง ก็จะถึง “เมืองอาซาน” ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงโซล หลายๆ คนอาจไม่คุ้นหูนัก แต่ที่เมืองนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายอย่าง โดยของขึ้นชื่อของเมืองก็คือบ่อน้ำร้อน มีรีสอร์ตน้ำพุร้อนและสวนน้ำที่ใช้น้ำแร่ให้บริการหลายแห่ง
ในวันนี้เรายังไม่มีโอกาสได้ลองแช่น้ำแร่กัน แต่ “ตะลอนเที่ยว” ได้มาเยี่ยมชม “หมู่บ้านพื้นเมืองแวอัม” (Oeam Folk Village) หมู่บ้านโบราณอายุกว่า 500 ปี ที่ยังคงมีครอบครัวอยู่อาศัยสืบทอดกันต่อมา บ้านเรือนกว่า 90 หลังเหล่านี้เป็นบ้านชั้นเดียวสไตล์เกาหลีโบราณ ถ้าเป็นบ้านคนมีฐานะหลังคาจะมุงด้วยกระเบื้อง หากเป็นบ้านชาวบ้านธรรมดาก็จะเป็นหลังคาฟาง ส่วนกำแพงรั้วก่อด้วยหินก้อนใหญ่ๆ นำมาวางเรียงซ้อนกันเป็นกำแพงอันแข็งแกร่ง
คนในหมู่บ้านแถบนี้ยังคงทำการเกษตรกรรม สังเกตได้จากทุ่งนาซึ่งอยู่ชิดติดกับหมู่บ้านเพิ่งลงกล้าไว้รอการเติบโต ในบริเวณบ้านก็มีต้นไม้ ไม้ผลต่างๆ เช่น ลูกพลับ เกาลัด ต้นแปะก๊วย เป็นต้น ทิวทัศน์ของทุ่งนาเขียวๆ และต้นไม้ร่มรื่นกลมกลืนไปกับบ้านโบราณและกำแพงหินมองแล้วสวยเพลินตาดีไม่น้อย และหากมาในฤดูอื่นๆ ก็จะได้ชมสีสันที่สวยงามแตกต่างกันไป ในแต่ละฤดูก็จะมีสีสันแตกต่างกันไป ช่วงฤดูร้อน-ฤดูฝน เป็นสีเขียว ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นสีเหลืองและสีแดง ส่วนในฤดูหนาวจะมีสีขาวไปทั่วบริเวณด้วยหิมะ
บริเวณหมู่บ้านที่ยังมีคนพักอาศัยนี้เราสามารถเดินชมได้เพียงบริเวณนอกรั้ว แต่หากอยากชมสภาพความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมก็สามารถเข้าไปชมได้ในส่วนที่ทางการจัดทำไว้เป็นบ้านจำลองให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมสภาพความเป็นอยู่ด้านในได้ โดยเราจะได้เห็นทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องทำงาน ฯลฯ ได้บรรยากาศแบบเกาหลีพื้นบ้านโบราณจริงๆ
จากหมู่บ้านโบราณแวอัม “ตะลอนเที่ยว” เดินทางต่อไปที่ศาลเฮียงชุงซา (Hyeongchungsa Shrine) เพื่อไปชมพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานนายพลอี ซุน ซิน (Chungmugong Yi Sunsin Memorial Museum) ซึ่งนายพลอี ซุน ซิน นั้นเป็นแม่ทัพเรือของเกาหลีในยุคราชวงศ์โชซอนที่ชาวเกาหลียกย่องอย่างมากว่าเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ โดยวีรกรรมเลื่องชื่อของนายพลท่านนี้ก็คือการนำทัพเรือเข้าต่อสู้กับกองทัพเรือของญี่ปุ่นและใช้ปัญญาไหวพริบเอาชนะทัพเรือญี่ปุ่นได้แม้จะมีจำนวนเรือน้อยกว่าถึง 3 เท่า
นอกจากจะฟังไกด์เล่าถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ แล้ว สิ่งที่ทำให้ “ตะลอนเที่ยว” เข้าใจถึงวีรกรรมของนายพลอี ซุน ซิน มากขึ้นก็คือการได้ชมภาพยนตร์การ์ตูนสั้น 4 มิติ เกี่ยวกับเรื่องราวของท่านนายพลขณะนำทัพเรือเข้าสู้กับกองทัพเรือของญี่ปุ่นอย่างกล้าหาญ แม้จะเป็นภาษาเกาหลีตลอดเรื่องแต่ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก
และหากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว หากใครอยากเข้าไปสักการะดวงวิญญาณของนายพลอี ซุน ซิน ก็สามารถเดินลอดซุ้มประตูเข้าไปภายในสวนแห่งนี้
ในช่วงเย็นแดดร่มลมตก “ตะลอนเที่ยว” เดินทางมาชมบรรยากาศชิล สบายๆ กันต่อ ที่ “พินนาเคิล แลนด์” (Pinnacle Land) สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอาซาน สวนแห่งนี้มีพื้นที่ถึง 50 กว่าไร่ แบ่งเป็นโซนต่างๆ มีทั้งสนามหญ้ากว้างขวาง สวนดอกไม้ที่สลับสับเปลี่ยนกันตามฤดูกาล มีเนินเขาที่สามารถขึ้นไปชมวิวอ่าวอาซานระยะไกลได้ มีน้ำตกจำลองและสวนน้ำ ฯลฯ ในช่วงเย็นๆ ของวันที่อากาศดี ชาวเมืองอาซานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็มาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
“ตะลอนเที่ยว” ใช้เวลาไปไม่น้อยที่พินาเคิลแลนด์ เพราะนอกจากจะเดินหามุมสวยๆ ถ่ายรูปแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเดินขึ้นเนินเขาไปตามทางเดินซิกแซ็กเพื่อไปชมวิวด้านบนของสวน และไปชม “Greet of the Sun” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้ที่อยู่บนยอดเนินอีกด้วย
เพื่อให้การท่องเที่ยวในเมืองอาซานสมบูรณ์ ต้องมาปิดท้ายด้วยการชอปปิ้งให้เพลิดเพลินกันที่ “First Village Outlet” เอาต์เล็ตขนาดใหญ่ที่มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ทั้งเสื้อผ้าของชายหญิงเด็กผู้ใหญ่มีครบหมด โดยเฉพาะเสื้อผ้าแนว Sportwear นั้นมีให้เลือกซื้อเลือกหากันหลายยี่ห้อละลานตาไปหมด
และหากใครเดินดูของจนพอใจแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอแนะนำให้เดินออกมาด้านนอกตึก เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นเอาต์เล็ตแล้ว ก็ยังมีร้านรวงน่ารักที่สร้างขึ้นในสไตล์ตะวันตกทาสีพาสเทลสดใส บ้างเปิดเป็นร้านอาหาร บ้างเป็นร้านเบเกอรีน่ารักๆ แม้ไม่ได้เข้าไปซื้อหาชิมของกินอะไร แต่แค่ได้มาเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ มุมนั้นมุมนี้ก็เพลินดีไม่เบา
ชอปปิ้งเสร็จเรากินอาหารเย็นให้อิ่มท้อง แล้วกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม รีบนอนหลับเอาแรงเพราะในวันพรุ่งนี้มีโปรแกรมท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของทริป นั่นก็คือการนั่งรถไฟชมวิวจิบไวน์นั่นเอง
เช้านี้เราเดินทางออกจากที่พักเพื่อเตรียมขึ้นรถไฟ “Wine Cinema Train” รถไฟท่องเที่ยวขบวนพิเศษที่มีต้นทางที่กรุงโซลมุ่งหน้าไปยัง “เมืองยองดง” (Yeongdong) ซึ่งใช้เวลาราว 2.30-3 ชม. (แต่เนื่องจาก “ตะลอนเที่ยว” ไปเที่ยวเมืองอาซานมาก่อน จึงมาขึ้นรถไฟกลางทางที่สถานีซูวอนในเมืองซูวอน) แน่นอนว่ากิจกรรมระหว่างการเดินทางกับรถไฟขบวนนี้ย่อมต้องเป็นการชิมไวน์และชมภาพยนตร์นั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น การท่องเที่ยวในทริปนี้ยังจัดเป็นแพกเกจ นอกจากจะรวมการนั่งรถไฟไปกลับโซล-ยองดงแล้ว ยังมีบริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ บริการนำเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ ในเมืองยองดงอีกด้วย แต่จะมีที่ไหนบ้างนั้น “ตะลอนเที่ยว” จะเล่าให้ฟัง
สำหรับรถไฟ Wine Cinema Train นี้เป็นการร่วมมือระหว่าง Korail, Lotte Cinema และบริษัท Wine Korea เจ้าของแบรนด์ไวน์ชาร์โต มานี ที่เราจะได้ชิมกันบนขบวนรถไฟนั่นเอง การท่องเที่ยวโดยรถไฟขบวนนี้จะมีเฉพาะในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ในวันอังคารและเสาร์เท่านั้น เพราะเป็นช่วงเดือนที่มีสภาพอากาศเหมาะสม โดยขบวนรถไฟ Wine Cinema Train นี้สังเกตเห็นง่าย เพราะขบวนรถจะมีลวดลายของเถาองุ่นพันรอบขบวนและสีสันสดใสแตกต่างจากโบกี้อื่นๆ ส่วนบรรยากาศภายในนั้นก็ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเก้าอี้โซฟาหนานุ่มพนักสูง เพิ่มบรรยากาศด้วยลวดลายของเถาองุ่นบนเพดาน ใส่ความอบอุ่นด้วยโคมไฟสีนวลและกรอบรูปตกแต่งในขบวนรถให้ดูเสมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น
จากสถานีรถไฟ เราเปลี่ยนพาหนะเป็นรถบัสที่จะพาเราไปยัง Wine Korea บริษัทผู้ผลิตไวน์ชาร์โต มานี ที่นี่เราจะได้กินอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ เดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ไวน์ชนิดต่างๆ ของทางบริษัท ชมห้องเก็บไวน์ ถ่ายรูปกับมุมน่ารักๆ ภายใน Wine Korea ก่อนที่จะออกเดินทางต่อโดยรถบัสเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ในเมืองยองดงกัน
เริ่มด้วยการไปชม “อุโมงค์เก็บไวน์” อุโมงค์ใต้ภูเขาที่แต่เดิมใช้เก็บอาวุธเมื่อครั้งสงคราม แต่ด้วยสภาพอุณหภูมิที่เหมาะสม ภายหลังจึงถูกนำมาใช้เป็นที่เก็บบ่มไวน์แบบธรรมชาติ จากนั้นเรานั่งรถต่อไปชม “น้ำตกอ๊กแก” น้ำตกสูงซึ่งไหลลงมาจากหน้าผา แต่ขณะนี้เป็นฤดูร้อนของเกาหลีน้ำจึงอาจจะน้อยไปสักหน่อย
ดังนั้นเราจึงเดินทางกันต่อมายัง “Nangye Korean Traditional Music Museum” ซึ่งที่นี่มีกิจกรรมสนุกสนานอย่างการหัดตีกลองของชาวเกาหลี โดยจะมีอาจารย์เป็นผู้สอนวิธีและจังหวะการตีกลอง นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องให้จังหวะแบบต่างๆ ซึ่งเมื่อทุกคนร่วมเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ พร้อมกันแล้ว ก็กลายเป็นท่วงทำนองจังหวะสไตล์เกาหลีที่คนเล่นก็แทบไม่เชื่อว่าจะออกมาไพเราะและสนุกสนานขนาดนี้
นอกจากนั้น ที่ “Nangye Korean Traditional Music Museum” ยังเป็นที่ตั้งของกลองยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่กินเนสบุ๊กได้บันทึกไว้เมื่อปี 2011 โดยเป็นกลองแบบเกาหลีสร้างด้วยไม้สน มีความสูงถึง 6 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 5.45 เมตร ใช้หนังขึงกลองจากวัวถึง 40 ตัวด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยังมีลวดลายสวยงามมากอีกด้วย
ท่องเที่ยวกันหลายที่จนชักจะเริ่มเมื่อย รถบัสจึงพาเรากลับมาที่ Wine Korea อีกครั้งเพื่อทำกิจกรรม Wine Foot Bath มาแช่เท้าผ่อนคลายความเมื่อยล้าในไวน์อุ่นๆ โดยก่อนที่ทุกคนจะลงไปแช่เท้าจะต้องล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อน เมื่อเท้าสัมผัสกับความอุ่นของไวน์แล้ว ความสบายและผ่อนคลายก็ตามมาแทบจะลืมอาการเมื่อยล้าไปทันที
จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว เรากลับไปที่สถานีรถไฟยองดงอีกครั้ง และนั่งรถไฟขบวนเดิมกลับสู่กรุงโซล แต่คราวนี้มีการเปลี่ยนโบกี้ ขามาใครนั่งชิมไวน์ ขากลับก็จะได้นั่งในโบกี้ชมภาพยนตร์ ส่วนขามาใครนั่งดูภาพยนตร์มา ขากลับก็จะได้ชิมไวน์สนุกสนานกันไประหว่างเส้นทางสู่กรุงโซล
นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวแบบ One Day Trip ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย และเมื่อกลับสู่กรุงโซลทีนี้ใครจะไปชอปปิ้งตามย่านฮิตต่างๆ เช่น เมียงดง ดงแดมุน ฮงแด ฯลฯ ก็เชิญได้ตามอัธยาศัย และนอกจากแหล่งชอปปิ้งเหล่านี้แล้ว ถ้าใครไม่อยากรีบไปสนามบิน แต่อยากเดินชอปของในดิวตี้ฟรีแบบสบายๆ ในกรุงโซลก็มีห้างดิวตี้ฟรีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Dongwha Duty Free ที่อยู่ใจกลางเมืองใกล้กับคลองชองเกชอน หรือจะเป็นที่ Entas Duty Free ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่เอี่ยมเดินชอปสบายใจ
และสำหรับใครที่สนใจสมุนไพรของเกาหลี หากเดินทางไปกับทัวร์ก็จะได้เข้าไปชมร้านขายยาสมุนไพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรเลื่องชื่อที่เป็นดังสัญลักษณ์ของเกาหลีอย่างโสม ยาสมุนไพรสกัดจากสนเข็มแดงที่ช่วยขับสารพิษและละลายไขมันในเส้นเลือด สมุนไพรจากฮอกเกตนามู พืชสมุนไพรตระกูลเดียวกับเบอร์รี มีสรรพคุณช่วยบำรุงตับ ทั้งนี้ก็สามารถเลือกซื้อเลือกหาได้ตามความสนใจกลับไปเป็นของฝากคนที่บ้านกันได้
เที่ยวเกาหลีคราวหน้า ลองเลือกเมืองอาซาน และทริปนั่งรถไฟจิบไวน์ไปเที่ยวเมืองยองดง รับรองว่าการท่องเที่ยวเกาหลีในคราวนี้จะพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ แน่นอน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางท่องเที่ยวและโปรแกรมทัวร์เกาหลีได้ที่ บริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด โทร. 0-2511- 3000
สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสายการบิน T'way ได้ที่โทร. 0-2653-2111 หรือ reservation@twaygsa.com, เฟซบุ๊ก : T'way GSA