xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จีนทำภาพ 3 มิติในถ้ำพุทธอายุ 1,500 ปี
จีน : สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า กองอนุรักษ์โบราณวัตถุมณฑลกานซูเผยว่า ทีมนักวิจัยจีนกำลังจัดเก็บรายการรูปแกะสลักโบราณและงานศิลปะภายในหมู่ถ้ำไมจิชาน เป็นระบบดิจิตอล โดยหมู่ถ้ำดังกล่าวตั้งอยู่ในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน

ซัน เสี่ยวเฟง นักวิจัย ซึ่งร่วมกับสถาบันศิลปะหมู่ถ้ำไมจิชาน เผยว่า ได้เตรียมการจัดเก็บด้วยระบบดิจิตอลมาตั้งแต่ ค.ศ. 2010

“งานดำเนินไปอย่างช้าๆ เนื่องจากการถ่ายภาพรูปแกะสลักต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บนผนังในซอกแคบๆ ทำได้ยาก ปัจจุบันทำเสร็จ 50 ถ้ำ ยังเหลืออีก 170 ถ้ำที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ”

ทั้งนี้ สถาบันฯได้เลือกบริษัท Wuhan Huayu Century Technological ซึ่งมีประสบการณ์สร้างภาพ 3 มิติในถ้ำผาม่อเกา เมืองตุนหวง เป็นผู้ดำเนินงานโครงการนี้ โดยจะถ่ายภาพ 3 มิติที่มีความละเอียดสูง ดูเหมือนจริงบันทึกในระบบดิจิตอล

ซันกล่าวเสริมว่า ถ้ำบางแห่งที่เสียหายหนักจากการกัดกร่อนตามธรรมชาติ เมื่อจัดเก็บในระบบดิจิตอลเรียบร้อยแล้ว จะไม่เปิดสู่สาธารณชนอีกต่อไป นักท่องเที่ยวจะได้ดูภาพ 3 มิติแทนของจริง

อนึ่ง หมู่ถ้ำไมจิชานประกอบด้วยถ้ำ 221 แห่ง มีอายุ 1,500 ปี ภายในเต็มไปด้วยรูปแกะสลักในพุทธศาสนา 10,632 ชิ้น องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในค.ศ. 2014 พร้อมๆกับพื้นที่อื่นๆบนเส้นทางสายไหม

ประมูลข้อความลายมือนักเขียนจีนชื่อดัง คาดได้เงินเกือบ 5 ล้านบาท
จีน : หนังสือพิมพ์ Chinadaily รายงานว่า ข้อความเขียนด้วยลายมือของ “หลู่ ซวิ่น” ซึ่งเป็นนามปากกาของ “โจว จางโช่ว” นักเขียนวรรณกรรมชาวจีนชื่อดังแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้ถูกนำออกประมูล คาดว่าจะทำเงินราว 8 แสนหยวน (ราว 4.7 ล้านบาท)

โดยข้อความดังกล่าวเป็นคำสอนในพุทธศาสนา มี 4 ประโยค ประกอบด้วย 16 ตัวอักษร แปลว่า

“คนขายเนื้อกลายเป็นผู้ตรัสรู้ได้ทันทีที่เขาวางมีดปังตอลง

บุรุษกลายเป็นนักฆ่าได้ทันทีที่เขาละวางคำสอนของพระพุทธเจ้า”

ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า “หลู่ ซวิ่น” เขียนข้อความดังกล่าว เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ “ยาซูโซว ชิมิซุ” เพื่อนเก่าซึ่งเป็นนักวิชาการชาวญี่ปุ่น ในระหว่างค.ศ. 1927-1931 ซึ่งต่อมาได้ตกเป็นของทายาทของยาซูโซว

เชน ซิชาน ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยจีนตะวันออก เผยว่า ข้อความที่เขียนด้วยลายมือของหลู่ ซวิ่น มีค่ายิ่งนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็น ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2013 จดหมายของหลู่ ซวิ่น ที่เขียนถึง “เต๋า กังเด” เนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นนั้น ถูกขายไปด้วยราคา 6.56 ล้านหยวน (ราว 38 ล้านบาท)

ยาซูโซว ชิมิซุ เป็นนักวิชาการคนสำคัญที่หลู่ ซวิ่น สนิทสนมในแวดวงวรรณกรรมญี่ปุ่น เขาเล่าถึงการพบกันครั้งแรกว่าเหมือนในนิยาย เนื่องจากยาซูโซวไปเยี่ยมน้องชายของหลู่ ซวิ่น และขณะรออยู่หน้าประตู ชายเจ้าของหนวดเคราดำคนหนึ่งได้โผล่ศีรษะออกมาและพูดว่า “หากคุณเต็มใจจะพูดคุยกับผม ก็เชิญเข้ามาข้างใน” ตอนนั้น เขาไม่รู้ว่าชายผู้นั้นคือ หลู่ ซวิ่น นั่นเอง

ท่ามุทราองค์พระโพธิสัตว์ดึงดูดแฟนรักบี้ เพราะคล้ายท่าของนักรักบี้ญี่ปุ่นชื่อดัง
ญี่ปุ่น : สำนักข่าว Asahi Shimbun รายงานว่า นักกีฬา 18 คนของทีมรักบี้โรงเรียนมัธยมปลาย “เซะกิ โชโกะ” จังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าสักการะขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์แห่งวัดเซนโกจิ เมืองเซะกิ เพื่อหวังคว้าชัยชนะในการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์ประเทศประจำปี 2015 ซึ่งทางโรงเรียนได้สืบทอดประเพณีการส่งทีมเข้าแข่งขันมายาวนานถึง 35 ครั้งแล้ว

โดยพวกเขาพากันพนมมือในแบบมุทรา(ท่ามือและนิ้ว)ขององค์โพธิสัตว์ ซึ่งดูคล้ายท่าประจำของ “อายูมุ โกโรมารุ” ฮีโร่นักรักบี้ทีมชาติญี่ปุ่น ยามเตะลูกโทษ

“ผมหวังว่าเราจะเตะลูกได้แม่นยำเหมือนเช่นโกโรมารุ” โกจิโระ โอกิ หนึ่งในผู้เล่นของทีมกล่าว

องค์พระโพธิสัตว์ดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ประทับนั่ง ขนาดสูง 3 เมตร มีท่ามุทราที่ต่างจากพระพุทธรูปอื่นๆ โดยฝ่ามือประสานกันและนิ้วชี้ตั้งเป็นรูปเจดีย์ เชื่อว่าหล่อขึ้นในประเทศจีนเมื่อราว 500 ปีที่แล้ว และถูกนำมาประดิษฐานที่วัดเซนโกจิเมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมา

พระชุนไก ซาโตะ เจ้าอาวาสวัดเซนโกจิ วัย 40 ปี เผยว่า มีนักท่องเที่ยวมาเยือนที่วัดมากขึ้น 3 เท่า ตั้งแต่มีการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก 2015 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษระหว่างวันที่ 18 กันยายน – 31 ตุลาคม 2015 โดยทีมชาติญี่ปุ่นสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าชัยชนะได้ถึง 3 ใน 4 เกม

ทั้งนี้ โกโรมารุได้กลายเป็นนักกีฬาชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 15 ผู้เล่นของดรีมทีมญี่ปุ่น เพื่อลงแข่งขัน ปัจจุบันเขาเล่นให้กับ “ยามาฮ่า จูบิโล” ซึ่งเป็นสโมสรรักบี้อาชีพชั้นนำของญี่ปุ่น

ลบล้างความเชื่อเดิม..เส้นเกศาหลวงพ่อโตอายุ 1,200 ปี เลเซอร์เผยให้เห็นจำนวนไม่ตรงกับเอกสารโบราณ
ญี่ปุ่น : สำนักข่าว Kyodo รายงานว่า สืบเนื่องจากเอกสารโบราณที่ระบุว่า หลวงพ่อโตแห่งวัดโทไดจิ เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ประทับนั่งขนาดใหญ่ สูงเกือบ 15 เมตร หนัก 500 ตัน สร้างในสมัยจักรพรรดิโชมุ (ค.ศ. 701-756) แล้วเสร็จในค.ศ. 752 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาตินั้น มีเส้นเกศาขดเหมือนก้นหอย รวมทั้งสิ้น 966 เส้น

วัดโทไดจิได้ถูกนักท่องเที่ยวซักถามบ่อยๆ เกี่ยวกับจำนวนเส้นเกศาที่แท้จริงบนเศียรหลวงพ่อโต เพราะบางคนเชื่อว่ามีน้อยกว่าที่ระบุไว้มากมาย รวมทั้งมีคำถามจากสถาบันคณิตศาสตร์แห่งชาติ ที่กระตุ้นให้ทางวัดไขข้อข้องใจดังกล่าว

ดังนั้น ทางวัดจึงขอให้ “ทาเคชิ โออิชิ” ศาสตราจารย์สถาบันวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรม แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ทำการวิจัยโดยใช้เลเซอร์สแกนเป็นภาพ 3 มิติ จึงได้เห็นความจริงที่ลบล้างความเชื่อเดิมที่มีมากว่า 1,000 ปีอย่างสิ้นเชิงว่า บนเศียรหลวงพ่อโตมีเส้นเกศาเพียง 492 เส้น และในจำนวนนั้นมี 9 เส้นที่หลุดหายไป

กระนั้นก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่า การหล่อองค์พระขึ้นครั้งแรกเมื่อกว่า 1,200 ปีที่แล้ว มีเส้นเกศา 966 เส้น แต่ต่อมาองค์พระได้รับความเสียหายในช่วงสงคราม เหลือเพียงส่วนฐานและพระชานุ(เข่า)ที่ไม่ถูกทำลาย จึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ และมีการบูรณะต่อมาอีกหลายครั้ง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้จำนวนเส้นเกศาลดน้อยลงกว่าเดิมเกือบครึ่ง

อินเดียพบรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ อายุราว 2,000 ปี
อินเดีย : สำนักข่าว Buddhistdoor global รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ มีการขุดพบรอยพระพุทธบาทบนแผ่นหินขนาดใหญ่ในบริเวณ “นากานะธุนี โคนา” ซึ่งเป็นพื้นที่โบราณคดีทางพุทธศาสนาแห่งใหม่ในเขตคาดาภา รัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย รอยพระพุทธบาทนี้มีอายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในยุคจักรวรรดิสาตวาหนะ โดยเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบทางตอนใต้ของอินเดีย

รามกฤษณะ เรดดี้ ได้ลงสำรวจพื้นที่ดังกล่าวและพบรอยพระพุทธบาท ซึ่งได้รับการตรวจพิสูจน์จาก ดร.อี ศิวะ นากี เรดดี้ นักโบราณคดี ทั้งสองได้ร้องขอต่อกองสำรวจทางโบราณคดีแห่งชาติและกองโบราณคดีรัฐอานธรประเทศ เพื่อขุดสำรวจเพิ่มเติม และอนุรักษ์รอยพระพุทธบาทที่จารึกสัญลักษณ์มงคล 8 อย่าง

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เผยว่า พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในคาดาภาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 2 นานเกือบ 600 ปี ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 พระเสวียนจั้ง (หรือพระถังซัมจั๋ง ค.ศ. 602-664) ภิกษุจีนและนักวิชาการชื่อดังได้เดินทางไปเยือนคาดาภา และเขียนบันทึกเรื่องราวของวัดต่างๆ ซึ่งรอยพระพุทธบาทถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ยุคแรกๆที่เป็นตัวแทนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ตะลึง!! ความงามต้นแปะก๊วย อายุ 1,400 ปี
จีน : ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2015 ชาวจีนจำนวนหลายหมื่นคนจากทั่วประเทศ พากันเดินทางมาชมความงดงามของต้นแปะก๊วยโบราณอายุ 1,400 ปี ที่ขึ้นอยู่ข้างวัดกูกวนอิม บนเขาจงหนาน ในมณฑลฉ่านซี ซึ่งผลัดใบร่วงหล่นปกคลุมทั่วลานวัด ดูคล้ายทะเลสีเหลืองอร่าม ถือเป็นการเริ่มต้นเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ร่วงอันตระการตา

ต้นแปะก๊วยหรือต้นขนนิ่ม บางครั้งได้ชื่อว่าเป็น “ฟอสซิลที่มีชีวิต” เนื่องจากแม้สภาพภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงรุนแรงแค่ไหน มันก็ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมานานกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยุคของไดโนเสาร์ครองโลก และมันเป็นอาหารของไดโนเสาร์กินพืช

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 181 มกราคม 2559 โดย เภตรา)
กำลังโหลดความคิดเห็น