xs
xsm
sm
md
lg

“เอ” ติดเครื่องสแกนตุ๊ด! หวั่นเด็กปั้นหันมากินกันเอง ไม่หมดหวังวางแผนล่อ “อั้ม” เล่นละคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอ ศุภชัย” ยันไม่ลืมอาชีพเก่าปั้นเด็กใหม่ประดับวงการ ผุดโรงเรียนปั้นเด็กชายล้วน พูดขำ ๆ ต้องติดเครื่องสแกนตุ๊ดหน้าบ้าน หวั่นเด็กปั้นหันมากินกันเอง ปัดเป็นแม่พระผันตัวเป็นผู้จัดช่วยคนมีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บอกแค่ต่อยอดธุรกิจให้ตัวเอง ไม่หมดหวังยังตื๊อ “อั้ม พัชราภา” มาเล่นละครให้

พักหลังหันมาลุยงานผู้จัดมากกว่าปั้นเด็กใหม่ ๆ ประดับวงการบันเทิง สำหรับ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” เลยทำให้มีกระแสข่าวว่านักปั้นมือทองคนนี้จะหันมาจริงจังกับงานชิ้นใหม่เลิกอาชีพเก่า ซึ่งล่าสุดที่ได้เจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงละครเรื่อง “เสน่ห์ร้าย อุบายรัก” ที่ PPTV ผู้จัดการดาราคนดังก็เผยว่าไม่ได้ลืมอาชีพแรกที่ทำตั้งแต่เข้าวงการแต่อย่างใด แต่งานผู้จัดทำแล้วแฮปปี้ ได้ผลตอบรับดีแถมได้บุญ และต่อยอดธุรกิจปั้นดาราของตัวเองอีกด้วย

“ตอนนี้ก็ทำอยู่หลายเรื่องครับ แต่ตอนนี้ที่ทำอยู่ ก็มีเสน่ห์ร้ายอุบายรัก แล้วก็ลิขิตริษยาครับ ก็สนุกดีนะครับ การที่เราเป็นผู้จัด มันเหมือนกับว่าเราเองก็ได้ช่วยคนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นในกองถ่าย ทั้งเด็กล้างจาน สวัสดิการ เสื้อผ้าหน้าผม ทีมงาน ตากล้อง คือ อย่างเราเป็นแค่ผู้จัดการดาราเราก็ช่วย 1 ต่อ 1 ใช่ไหมครับ แต่เวลาพอมาเป็นผู้จัดละคร อย่างพอเวลาที่จะปิดกล้องเราก็มานั่งคิดแล้วว่าทีมงานต้องว่างงานอีกเยอะแน่เลย แล้วเขาจะเลี้ยงครอบครัวยังไง เราก็ต้องเป็นคนแอ็กทีฟเพื่อจะหางานให้เขาได้ทำต่อยอด คือ พี่เอว่าพี่เอาเข้าใจผู้จัดทุกท่านเลยนะครับ ว่าการเป็นผู้จัดบางทีก็เป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่งนะครับ ให้คนได้มีอาชีพกับเรื่องที่ว่าเราเป็นแม่พระก็คนอื่นนะครับ เราไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ ไม่ละเอียดขนาดนั้น ก็ได้ช่วยเหลือกันบ้างคือถึงจะไม่ทั้งชีวิตของพวกเขา แต่ก็ในช่วงจังหวะหนึ่งนิดหน่อยก็ยังดีครับ เป็นค่าเทอมลูกอะไรแบบนี้ครับ”

“ซึ่งส่วนใหญ่ ก็จะเป็นทีมงานเดิม ๆ ส่วนผู้กำกับก็จะเป็นคนที่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ตั้งแต่เรายังเป็นตัวประกอบ อยู่ในกองถ่าย ซึ่งเขาก็เป็นฝ่ายเวทีในสมัยนั้น เราก็รู้จักกันมาเป็น 20 กว่าปีแล้ว เรื่องนี้ก็เลยชวนพี่เขามาเป็นผู้กำกับ ซึ่งงานตรงนี้ก็ฝึกกันไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะว่าทางช่องก็แฮปปี้มากกับความสำเร็จทั้งเรตติ้งที่มันขึ้นมา ในช่วงเวลาที่มันไม่เคยมีละครเลย ซึ่งละครเราก็เป็นเรื่องแรกที่เข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้น แล้วก็มีเรตติ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ เขาก็แฮปปี้ให้ทำต่อเรื่อย ๆ เราก็สัญญาว่าจะทำให้จำนวนนี้นะ เราก็แฮปปี้”

“ทุกเรื่องเราก็คาดหวังเหมือนกันหมด ก็อยากให้มันมีความสำเร็จ เพราะมันเป็นงานของเรา เหมือนเราเปิดร้านอาหารอย่างตำแหล การที่เราจะให้คนชอบอาหารทุกจานในร้านก็คงไม่ใช่ ก็อาจจะเป็นว่าคนนี้เข้าไป อาจจะชอบกินตำถาด คนนี้เข้าไปอาจจะกินตำแหล มันก็เหมือนละครที่ทาร์เก็ตอาจจะชอบละครที่เราผลิตในช่วงนี้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็อยากให้ทุกคนชอบเรื่องหนึ่งเรื่องใดของเรา ซึ่งเราก็ตั้งใจเรื่อย ๆ”

ย้ำไม่ลืมการเป็นนักปั้น บอกอาชีพนี้คงติดตัวไปทั้งชีวิต จะให้ไปทำอย่างอื่นคงไม่ได้ เผยทำละครเหมือนได้ขยายฐานธุรกิจตัวเอง ยันผู้จัดคนอื่นเรียกใช้งานเด็กได้เต็มที่

“ไม่ลืมครับ เพราะอาชีพนั้นมันเป็นอาชีพแรกที่เราเข้าวงการมา เราได้ทำงานด้านนี้มาคิดว่าอาชีพนั้นคงจะติดตัวเราไปตลอดชีวิตแล้วแหละ แต่อันนี้มันก็ซัปพอร์ตซึ่งกันและกันนะครับ เหมือนกับว่าวันหนึ่งเราต้องไปขอร้องให้คนช่วยเอาน้องๆ ไปเล่นละคร แต่ถ้าวันนี้เราก็อาจจะชี้เองว่าเอาคนนี้มาเล่นๆ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ขยายฐานธุรกิจการบันเทิง ให้มันก้าวไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งวันหนึ่งเราก็อาจจะไปฝากไว้กับช่อง แต่วันนี้ก็อาจจะมีน้องบางคนที่เป็นฟรีแลนซ์ก็เอามาเล่นได้ แต่เราก็ยังยินดีที่จะให้เด็กไปอยู่ในสังกัดของทุกท่านนะครับ ไม่ต้องซีเรียสเลยครับ คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นผู้จัดจะไม่ส่งเด็กแล้ว ไม่ต้องซีเรียสเลยครับ ก็ยังขอบกราบทุก ๆ คนนะครับ ให้ใช้น้อง ๆ ของเอ ศุภชัยได้เต็มที่เลยนะครับ ทุก ๆ เรื่องเลยครับ ยินดีครับ”

“จริง ๆ ความสามารถเรื่องการเป็นผู้จัดการดาราหรือว่าการปั้นดารา มันเป็นความสามารถที่บังเอิญเจอ คือ เวลาเราเจอ เราบังเอิญเจอ เราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นมาตั้งแต่เกิด ซึ่งพอเราบังเอิญเจอ เราก็อยากเก็บเอาไว้ครับ ทิ้งไปก็เสียดาย เหมือนกับว่าเรารู้เทคนิคที่จะทำคนแล้ว ว่าอันนี้มันต้องอย่างนี้ ๆ เหมือนหมอที่จบด้านศัลยกรรมมา แล้วจะเปลี่ยนไปให้เป็นหมอคนไข้ด้านกระดูกมันก็ยังไงอยู่ แต่มันก็ยังใช้คำว่ากระดูกเหมือนกัน นั่นก็คือกระดูกที่หน้า”

โล่งใจทำโรงเรียนปั้นเด็กชายล้วน ตัดปัญหาเด็กแอบจีบกันสำเร็จ บอกไม่ได้ห้ามคบแต่อยากให้โฟกัสที่งาน รับถนัดปั้นเด็กผู้ชายมากกว่า
“โรงเรียนชายล้วนดีมากเลยครับ ไม่มีเรื่องผู้หญิงเลย (หัวเราะ) คือ ต้องเล่าฟังก่อนว่าเมื่อก่อนเราจะเอาทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายมาเรียนรวมกันที่บ้าน แต่มันก็เกิดปัญหาที่ว่าหลังเลิกเรียนก็แอบคุยไลน์กันต่อเราก็จับได้ คือตัวเราเองไม่ได้ห้ามให้คนคุยกันเป็นเพื่อน แต่แค่รู้สึกว่าแค่ก้าวแรกของการเข้ามาวงการบันเทิง คุณก็มองเรื่องความรักเรื่องจีบกันแล้วซึ่งมันก็ไม่น่า เราก็เตือนไปหลายรอบแล้วแต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะคนสวยกับคนหล่อมาอยู่กัน ตอนหลังก็เลยตัดสินใจว่าไม่ต้องให้รู้จักกันเลย ผู้ชายก็จะเรียนแต่ผู้ชาย ตั้งคลาสสำหรับผู้ชายไปเลย แล้วผู้หญิงก็จะเรียนกับผู้หญิง ก็จะไม่มีการแลกไลน์กันระหว่างเรียน หรือนัดกินข้าวกันต่อหลังเลิกเรียน คือเราจะเลิกเรียนกันตอน 4 ทุ่ม คือถามว่าเรายังปั้นผู้หญิงไหม ก็ปั้นอยู่นะครับ แต่ว่าจะน้อยหน่อย คือพูดจริงๆ เราก็ถนัดปั้นผู้ชาย คือเรารู้ว่าผู้บริโภคชอบยังไงที่ผู้ชายเป็น แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเราจะเป็นเองให้คนชอบ (หัวเราะ)”

ตกใจโดนทักเด็กผู้ชายในค่ายอาจรักกันเอง กร้าวถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงต้องติดเครื่องสแกนกรรมหน้าบ้านจับพิรุธ
“(หัวเราะ) ก็เป็นอีกเคสหนึ่งที่ต้องกลับไปศึกษานะครับ เราก็สงสัยอยู่นะ เพราะตอนเรากลับถึงบ้านก็เห็นมันอาบน้ำรวมกันในสระตลอดเลย (หัวเราะ) จะทำยังไง ลืมเลยเรื่องนี้ หรือว่าจะต้องมีคลาสเดี่ยว เออว่ะ ตกใจนะเนี่ย ก็เอาเป็นว่าเดี๋ยวกลับไปศึกษาก่อน เพราะอาจจะเจอเคสต์แรก คือขนาดที่ผ่านมาศึกษามาหลายปียังเจอไปหลายคู่ ถ้าเจอเคสต์นี้ก็คงจับแยกอีกที ก็คงมีเครื่องสแกนกรรมไปวางหน้าบ้าน ว่าอันนี้น่าจะใช่ อันนี้น่าจะไม่ใช่ ให้มันดังตู๊ด ๆ”

เผยหาวิธีชวน “อั้ม พัชราภา” มาเล่นละครให้ตน ด้านนางเอกสาวไม่ปฏิเสธ ขอแค่รอ “เพลิงพระนาง” เปิดก่อน
“ก็กำลังคุยอยู่ครับ เพราะน้องอั้มก็ติดเรื่องเพลิงพระนาง แต่ตอนนี้เวลาอั้มเรียกใช้ เราก็จะบอกว่าฉันไม่เอาตังค์นะ เป็นบุญคุณ เดี๋ยวเธอมาช่วยเล่นละครให้ฉันแทน ก็ต้องคอยไปหาอั้มเรื่อย ๆ เพราะช่วงนี้เวลาไปหาเขา เขาก็จะแบบว่าเราดีจังเลย ทำงานไม่หวังอะไรตอบแทนเลยนะ แล้วเราก็ค่อยตบท้ายทีหลังว่าน้องอั้มมาช่วยเล่นให้พี่เอเรื่องหนึ่งนะ นี่ดูสิ พี่เอมาดูแลน้องอั้มตลอดเลย เงินก็ไม่ได้เหนื่อยก็เหนื่อย น้อง ๆ นักข่าวก็ต้องช่วยพูดด้วยนะว่าเราน่ารัก ดูแลอั้มด้วยใจจริง อั้มมีอะไรก็ช่วยเขาบ้าง นี่คือ การหว่านล้อมอั้มให้เล่นละครให้ ซึ่งก็คุยกันไว้เพราะเขาก็เล่นทีละเรื่อง แล้วเพลิงพระนางก็เป็นละครที่ถ่ายเหนื่อยมาก เราก็บอกว่าช่วยเล่นของฉันอีกเรื่องได้ไหม เขาก็บอกว่า เดี๋ยวขอให้เปิดเรื่องโน้นก่อน แล้วเราก็จะส่งบทไปให้เขาเรื่อยๆ ก็น่าจะได้ ต้องรีบแล้วนะคะ น้องอั้ม”

ฟุ้งอยากทำคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ย้ำแค่เปิดปากคุย “เจ๊ฉอด สายทิพย์” ก็ทำได้เลย โวหอบเงินหลายร้อยล้านผุดตำแหล 50 สาขา เงินทองไม่รั่วไหลไปไหน
“จริง ๆ อยากทำคอนเสิร์ตอีกรอบนะครับ อย่าง Give me Five ที่ทำไว้ แฟนคลับทุกคนก็อยากให้ทำมาก แต่เหนื่อยครับ อย่างถ้าเป็นคอนเสิร์ตก็ต้องใช้บารมีพี่ฉอด (สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา) มาช่วย พูดตรง ๆ ตอนนี้พี่ฉอดก็ยุ่ง แต่ถ้าเราเข้าไปคุยกับพี่ฉอดทันที พี่ฉอดก็ทันใดเหมือนกัน แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย แล้วก็สงสารน้อง ๆ ด้วย ที่เวลามีคอนเสิร์ตก็ซ้อมกันเหนื่อย ๆ น้อง ๆ ก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องยัดเยียดงานอะไรมาให้อีก ผมต้องร้องต้องเต้นอีก แต่เวลาที่ทุกคนได้ทำงาน ทุกคนก็มีความสุข แล้วตัวเราก็ชอบสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ให้คนได้ดูครับ”

“ถามว่าทำงานแล้วเอาเงินไปไว้ที่ไหน ก็ลงทุนครับ ลงทุนต่อเลย ตอนนี้ก็เปิดตำแหลเป็น 50 สาขา แล้วแต่ละสาขาก็ลงทุนเกือบ 10 ล้าน บางสาขาก็ลงทุนเยอะมากเหมือนกัน ธุรกิจร้านอาหารก็จะมีตำแหล แล้วก็ เลท สตอ ที่กำลังเปิดคู่กัน เพราะอย่างน้อยถ้าเราเปิด เราก็จ้างดาราตัวเองไปโชว์ตัวอีกนั่นแหละ (หัวเราะ) อัฐยายซื้อขนมยาย"






ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม


กำลังโหลดความคิดเห็น