มาอีกแล้วกับกระแสแชร์สนั่น...ลั่นโซเชียล เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากที่มีคนนำรูปของหนุ่มหน้าสวยในชุดเครื่องแบบนักเรียนชาย กำลังยืนสัมภาษณ์อยู่บนเวทีในฐานะเฟรชชี่ปีหนึ่ง จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ดูจะสวยหวานเกินหน้าเกินตาหญิงแท้ไปหลายช่วงตัว พร้อมกับข้อมูลคร่าวๆ ว่าหนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้ ชื่อว่า “น้องวอ” ศิษย์เก่าจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม หลายคนตกตะลึงในความสวย (ของนักเรียนชายล้วน!!) และอีกหลายคนสงสัยว่าทำไมนักเรียนมัธยมปลายถึงได้ไว้ผมยาวได้? หลังจากภาพของเธอถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็วและโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน หลายคนพยายามที่จะติดต่อและอยากทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น...
วัยเด็กฝันอยากเป็น “นายธนาคาร”
หนุ่มสวยในเครื่องแบบนักเรียนชายที่ใครๆ ตามตัวกันให้วุ่น วันนี้เราได้มีโอกาสได้พูดคุยสอบถามถึงเรื่องราวที่หลายคนสงสัย “น้องวอ” หรือมีชื่อจริงว่า “วรณัฐ สุขวณิช” เคยศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ปัจจุบันกำลังจะขึ้นปี 2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ น้องวอเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแนะนำตัวให้เราฟัง ภายหลังจากที่เธอได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Wo'e Jade” เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ว่า เธอได้ตัดสินใจที่จะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ไม่ไปเป็นเฟชชี่ปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
“ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นนายธนาคารค่ะ ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นอยู่ ถึงได้เลือกเรียนสายนี้” เมื่อเราเริ่มต้นคำถามแรกว่าตอนเด็กๆ ฝันอยากทำอาชีพอะไร และนั่นคือเหตุผลที่น้องวอเลือกเรียนที่คณะเศรษฐศาสตร์ เพื่อที่จะเดินตามความฝันได้สำเร็จ โดยมีคุณแม่เป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจ พร้อมกับเล่าต่อว่า
“ครอบครัวของวอ คุณพ่อจะเป็นครู คุณแม่จะทำงานธนาคาร มีพี่ชาย 1 คน วอเป็นน้อง (สาว) คนสุดท้อง”
การได้เห็นคุณแม่ที่ทำงานธนาคารมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธออยากเป็น “นายธนาคาร” เพราะอยากเป็นเหมือนคุณแม่ ดังนั้นในการสอบแอดมิชชั่นครั้งแรกเธอจึงตั้งเป้าไปที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
“วอมีจุดมุ่งหมาย และความมุ่งมั่นตั้งแต่ช่วง ม.5 เทอม 2 แล้วค่ะ ว่าอยากเรียนที่ มศว ก็เลยมุ่งมั่นมาที่คณะเศรษฐศาสตร์” ตอนมัธยมปลายนั้นเธอไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่งอะไร อยู่ในระดับปานกลาง เรียกได้ว่าเป็นเด็กเรียนผสมกับเด็กกิจกรรม เวลาเรียนก็ต้องเรียนจริงๆ เวลาทำกิจกรรมเราก็ทุ่มเทให้กับการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่
“เริ่มเตรียมตัวแบบจริงจังก็จะเป็นช่วง ม.6 ค่ะเพราะหลายคนต้องคิดแล้วว่าเราจะไปเรียนต่อที่ไหน ก็เริ่มขอคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนพิเศษ อย่างที่เด็กๆ เขาไปเรียนกัน คุณพ่อคุณแม่ก็ใจดีมาก เรื่องเรียนคือเขาจะให้เราตัดสินใจเองทุกอย่างเลย แล้วก็จะคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเราจะเลือกอะไรค่ะ”
“เศรษฐศาสตร์ มศว” คือคำตอบสุดท้าย
อีกหนึ่งเรื่องราวที่น้องวอได้เฉลยให้กับชาวโซเชียลได้รู้ถึงการตัดสินใจล่าสุดของเธอไปแล้วนั่นก็คือ การที่เธอได้ยื่นแอดมิชชั่นรอบที่ 2 หลังจากได้ศึกษาอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์มาแล้ว 1 ปี แต่ตอนนี้ขอกลับมาเรียนต่อที่เดิมคือที่ "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" แต่ก็มีเหตุผลบางประการที่เธอไม่อาจบอกกับเราได้ว่าทำไมถึงต้องยื่นคะแนนที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นครั้งที่สอง
“วอคิดว่าถ้าความฝันของวอคืออยากเป็นนายธนาคาร การเรียนบริหารธุรกิจน่าจะเป็นคณะที่ตรงกับสายงานที่วออยากทำมากที่สุดค่ะ แต่จริงๆ แล้วทั้งคณะเศรษฐศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ ก็เป็นสาขาวิชาที่ใกล้เคียงกันและมีสายงานเดียวกัน”
สุดท้ายเมื่อต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง เธอก็ควรจะไปศึกษาและสัมผัสกับสถานที่จริง เพื่อให้รู้ว่าอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด โดยมีคุณพ่อคุณแม่คอยเป็นที่ปรึกษา และสนับสนุนในทุกทาง
“เหตุผลที่ตอนนี้ตัดสินใจไม่เลือกไปเรียนคณะบริหารธุรกิจที่ ม.เชียงใหม่ หลังจากที่ไปดูมาแล้วส่วนหนึ่งอาจจะยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยังไม่โอเค หลายๆ อย่าง และตัวเราเองก็อาจจะยังไม่พร้อมที่จะไปเรียนต่างจังหวัดด้วยค่ะ”
เหตุผลหลักที่น้องวอได้บอกกับเราถึงสาเหตุที่เพิ่งตัดสินใจไม่เลือกไปเรียนต่อที่ มช. และเหตุผลบางส่วนที่หลายคนทราบดีจากการแชร์ในโลกโซเชียลด้วยเช่นกันว่า ได้มีการโพสต์เฟชบุ๊กจากรุ่นพี่สาวประเภทสองที่ มช. ในนามของ "แก๊งวีน" ว่าหากมีรุ่นน้องที่เป็นกระเทยจริง ก็อาจจะมีการรับน้องโหด จนถึงขั้นรุนแรงเลยทีเดียว ซึ่งน้องวอก็ได้ให้เหตุผลในข้อนี้ว่า
“อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด แต่ก็มีส่วนในการตัดสินใจอยู่บ้างนิดหน่อยค่ะ” ในส่วนของพี่ๆ ที่คณะบริหารธุรกิจ มช. ก็เข้าใจถึงเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีในช่วงที่ไปรายงานตัวด้วย
ครอบครัวเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่ “เป็น”
หลังจากที่ไขข้อข้องใจในเรื่องของการเรียนของน้องวอมาพอสมควร สิ่งหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ "ครอบครัว" ที่เธอมักพูดถึงอยู่เสมอว่าคุณพ่อคุณแม่ ใจดีมาก คอยให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร หรือเลือกเรียนที่ไหนก็ตาม
“คุณพ่อคุณแม่รู้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ว่าวอจะเป็นแบบนี้เรียกว่ามีแววตั้งแต่ช่วงอนุบาล ประถมมาเลย เริ่มกระตุ้งกระติ้ง เอาลิปสติกคุณแม่มาแอบทาบ้าง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เคยค้านหรือดุว่าอะไรเลยค่ะ”
ถือเป็นความโชคดีที่เธอได้มาอยู่ในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจสูง แม้เธอจะเป็นสาวประเภทสอง แต่เธอก็ไม่เคยทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ อีกทั้งยังเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณพ่อคุณแม่ของเธอ รวมไปถึงกริยามารยาทของสาวประเภทสองที่หลายๆ คนมักจะมองว่าจะต้องออกแนวกรี๊ดกร๊าด แต่กับน้องวอไม่เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน
“วอคิดว่าสาวประเภทสองก็จะเหมือนกับชาย หญิงทั่วๆ ไปที่จะมีหลากหลายประเภท แต่นิสัยหรือตัวตนจริงๆ ของวอจะเป็นคนง่าย สบายๆ ออกแนวดื้อๆ มากกว่าค่ะ”
หลายคนที่ไม่รู้จักก็อาจจะมองว่าเธอหยิ่ง พูดน้อยแบบถามคำตอบคำ พูดคุยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีคำแสลงจี๊ดจ๊าดเหมือนสาวประเภทสองทั่วไป หรือแม้แต่การวางตัวในโรงเรียนชายล้วน ที่วัดสุทธิวราราม น้องวอก็บอกว่า “การวางตัว” เป็นสิ่งสำคัญมาก
“วอได้เจอเพื่อนดีๆ มากมายทั้งเพื่อนสาวประเภทสองด้วยกัน แล้วก็เพื่อนผู้ชาย วอจะวางตัวดีค่ะ ไม่ออกเยอะ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เราก็จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนสาวประเภทสองของเรา ก็จะไม่ค่อยโดนเพื่อนผู้ชายแกล้งหรือโดนล้อสักเท่าไหร่”
ทั้งจากน้ำเสียงในการพูดคุยตอบคำถาม สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้จากน้องวอก็คือ ความสงบเรียบร้อย ยิ้มน้อยๆ หัวเราะเบาๆ คอยระมัดระวังคำพูดและการสนทนาเสมอ ช่วงหนึ่งของบทสนทนาเธอจะบอกว่าตัวเองนั้นคุยไม่เก่งและไม่ค่อยได้เข้าสังคมที่กว้างขวางนัก ส่วนหนึ่งอาจจะกำลังเกร็งกับกระแสที่มาแรงชั่วข้ามคืนเลยทำให้วางตัวยังไม่ถูกนั่นเอง
สวย...ปลอดภัยใกล้มือหมอ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้น้องวอโด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลก็คงจะหนีไม่พ้นความสวยใสที่ล้ำหน้าหญิงแท้ไปไกล จนถึงขั้น “สวยจนอยากยกมดลูกให้” กันเลยทีเดียว เราจึงไม่พลาดที่จะถามถึงเคล็ดลับในการดูแลตัวเอง กว่าจะเนียนใสกิ๊กแบบนี้ต้องทำอะไรบ้าง
“เริ่มดูแลตัวเองมาตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นค่ะ ก็จะศึกษาตามเว็บไซต์ คำแนะนำของรุ่นพี่ ของเพื่อนค่ะว่าเขาทำกันยังไง”
อย่างที่ทราบกันดีว่าการจะเป็นสาวประเภทสองได้ส่วนใหญ่ก็จะต้องกินยาที่เป็นการเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาทีละน้อยๆ ซึ่งตัวเธอเองนั้นไม่ได้สวยเหมือนผู้หญิงแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็อาจจะมีรูปร่างที่บอบบางเป็นทุนอยู่แล้ว
“อย่างเรื่องกินยาฮอร์โมนต่างๆ วอก็จะปรึกษาแพทย์ตลอดค่ะ และมีแพทย์ประจำตัวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย” ซึ่งทั้งหมดก็ผ่านความเห็นชอบจากคุณพ่อคุณแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่คัดค้านให้ทำอย่างปลอดภัยและอยู่ในสายตาของแพทย์จะดีกว่า พร้อมทั้งฝากถึงน้องๆ ที่เป็นสาวประเภทสองถึงเรื่องการตัดสินใจใช้ยาว่า
“ฝากถึงน้องๆ สาวประเภทสองนะค่ะที่เริ่มดูแลตัวเอง ในเรื่องของการกินยาก็ให้ศึกษาหาข้อมูลดีๆ ลองปรึกษาแพทย์ ปรึกษาเภสัชดูก่อนค่ะ เพราะคุณหมอก็จะตรวจว่าเราเหมาะกับยาอะไร ประเภทไหน อย่าไปลองเองอย่าไปคิดเอง เพราะมันอันตรายมาก”
การดูแลตัวเองในแบบของน้องวอต้องเรียกได้ว่า สวยใสและปลอดภัยตามมาตรฐาน อย. จนคนที่นั่งใกล้ๆ ต้องบอกเลยว่า ผิวของเธอขาวและเนียนละเอียดมากยังกะใช้กล้องฟรุ้งฟริ้ง หากน้องๆ สาวประเภทสองคนไหนสนใจก็สามารถไปปรึกษาเธอได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องความงามได้เลยไม่มีกั๊ก แต่เห็นสวยๆ แบบนี้น้องวอขอยืนยัน..ฟันเฟิร์มว่าไม่เคยผ่านการศัลยกรรมมาแต่อย่างใด นอกจากเคยจัดฟันเท่านั้น
“เรื่องศัลยกรรมก็ยังไม่เคยทำนะคะ ตอนนี้ก็จะเน้นที่เรื่องเรียนไปก่อน และก็ไม่ได้แพลนว่าจะทำศัลยกรรมอะไร เมื่อไหร่ คงปล่อยตามความเหมาะสมมากกว่า”
ไม่อยากทำอะไรกับร่างกาย รอให้มีความพร้อมและโอกาสในการคิดและตัดสินใจไปเรื่อยๆ ก่อน แม้ความใฝ่ฝันของสาวประเภทสองส่วนใหญ่จะอยากมีสรีระร่างกายที่เหมือนกับผู้หญิงแบบ 100 เปอร์เซนต์เต็ม แต่ในส่วนของน้องวอนั้นกลับมีความคิดว่า
“สาวประเภทสองกับผู้หญิงมันเป็นคนละส่วนกัน สาวประเภทสองก็คือสาวประเภทสอง ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ถึงเราจะพยายามเป็นผู้หญิงแต่เราก็เป็นไม่ได้อยู่ดี”
คำตอบของน้องวอสร้างความแปลกใจในแว่บแรกที่ได้ยิน เพราะเหมือนว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็นและยอมรับมันได้มากกว่าที่เด็กๆ ทั่วไปจะคิดได้ จึงไม่เดือดร้อนหรือดิ้นรนที่จะเป็นผู้หญิงแต่อย่างใด ปล่อยให้มันเป็นไปเรื่อยๆ แล้วแต่โอกาสที่เข้ามา ค่อยๆ คิดเพราะเธอเองก็ยังเด็กอยู่นั่นเอง
“ขอบคุณ” ทุกแรงใจจากชาวโซเชียล
“ต้องขอขอบคุณโลกโซเชียลมากๆ ขอบคุณทุกคนในโซเชียลเลย ที่ให้การต้อนรับ สนับสนุน และชื่นชอบวอ คอยให้กำลังใจมาเยอะแยะมากมาย อยากขอบคุณจริงๆ แล้วก็จะไม่ทำให้ชาวโซเชียลผิดหวังค่ะ”
คำขอบคุณจากใจของน้องวอแทนความรู้สึกของเธอตอนนี้ ที่ทุกคนให้การชื่นชอบและชื่นชมเธอมากมาย เพียงระยะเวลาสั้นๆ เธอเล่าให้เราฟังว่ามีคนแอดเฟรน เข้ามาในเฟชบุ๊กส่วนตัวของเธอมากมาย จนเพื่อนเต็ม รวมไปถึงทักแชทข้อความจนตอบกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่เคยหงุดหงิดหรือรำคาญใจแม้แต่น้อย มีแต่คำ “ขอบคุณ” เท่านั้นที่สามารถบอกกับทุกคนได้
ถึงตอนนี้ความสวยของน้องวอก็เป็นที่ประจักษ์และยอมรับของคนทั่วไปแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า อยากลองประกวดมิสทิฟฟานี เวทีในฝันของสาวประเภทสอง หรือไม่? ซึ่งเธอให้คำตอบกลับมาทันทีว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากลองประกวดดู เพราะเธอก็เป็นหนึ่งในแฟนพันธ์แท้เวทีทิฟฟานีตัวยงที่มีการประกวดที่ไหนก็มักจะไปดูเสมอๆ
"ตัววอเองก็ไปดูประกวดทุกปี เห็นเขาสวยจัง…ก็เก็บเอามาเป็นกำลังใจในการพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสก็อยากขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีมิสทิฟฟานี่อยู่แล้วค่ะ”
แต่ก็ยังไม่ได้มีแพลนไว้ว่าจะประกวดตอนไหน เพียงแค่รอให้ทุกอย่างพร้อมทั้งเรื่องเรียน และเรื่องร่างกาย รับรองว่าลงประกวดแน่นอน ซึ่งตอนนี้น้องวอเองก็มี “พี่เลี้ยง” หรือ “ผู้จัดการส่วนตัว” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้องวอเล่าว่าเป็นพี่ที่ติดต่อเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่เลย ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่พร้อมจึงได้ปฏิเสธไป ส่วนตอนนี้พร้อมแล้ว ใครจะติดต่องานหรือขอสัมภาษณ์ก็ผ่านทางพี่เลี้ยงของเธอได้เลย
นอกจากจะสนใจด้านการประกวดมิสทิฟฟานีแล้ว น้องวอยังบอกกับเราอีกว่า ด้านวงการบันเทิงเธอเองก็สนใจเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสก็ไม่พลาดที่จะลองดูอย่างแน่นอน
“งานในวงการบันเทิงที่วอสนใจก็จะเป็นด้านการแสดงค่ะ เพราะวอชอบการแสดง เคยทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองชอบมาก แล้วก็ทำได้ดี” อนาคตเราก็อาจจะได้เห็นน้องวอในวงการบันเทิงที่สามารถเจริญรอยตามไอดอลของเธออย่าง “ปอย-ตรีชฎา” ได้เป็นผลสำเร็จ
วกมาถามเรื่องหัวใจกันบ้าง เห็นสวยๆ น่ารักแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีหนุ่มๆ มารุมล้อมอย่างแน่นอน มีคนเข้ามาจีบบ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่มีใครหัวใจยังว่างอยู่ ขอดูไปเรื่อยๆ เลือกคนที่ใช่จะดีกว่า
“สเปคผู้ชายที่วอชอบคือ ผู้ชายที่ยอมรับในสิ่งที่วอเป็นให้ได้ก่อนค่ะ เข้าใจตัวตน เข้าใจนิสัยใจคอ”
บทสรุปสำหรับเธอตอนนี้คงมุ่งมั่นและตั้งใจเรียนมากกว่า หลังจากที่ผ่านการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว และเตรียมตัวที่จะต้องเผชิญกับชื่อเสียงที่กำลังจะตามมา
สัมภาษณ์โดย ASTVผู้จัดการ Lite
ขอบคุณภาพประกอบ: เฟซบุ๊ก Wo'e Jade และรายการตื่นมาคุย
รายละเอียดเพิ่มเติม (คลิก)>>> ตัวอย่างงานในเซ็กชั่น "ASTVผู้จัดการ Live"
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"ASTVผู้จัดการ Live" และ "@astv_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754