ของฟรีมีที่ไหน “เฮียฮ้อ” ตั้งเป้าขายกล่อง “บอลโลก” ล้านเครื่องทั้งที่เคยลั่นตอนขายกล่อง “ซันบ็อกซ์” ดูฟรี ย้อนรอยผู้บริหารอาร์เอสเคยวิพากษ์แกรมมี่ ทำอย่างนี้อย่าคิดว่าผู้บริโภคโง่กรณีถูกจวกยับช่วงถ่ายบอลยูโร 2 ปีที่แล้วแต่กลับมาทำเสียเอง แถมโหดยิ่งกว่า
ภายหลังการตัดสินโดยศาลปกครองกลางที่มีมติให้เพิกถอนประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียโทรทัศน์ และกิจการโทรนาคม หรือ กสทช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญ ที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นทั่วไป พ.ศ. 2555 หรือที่เรียกว่า “กฎมัสต์ แฮฟ” ข้อ 3 ลำดับที่ 7 การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายว่าเป็นกฎที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่มีผลต่อบุคคลผู้ทรงสิทธิโดยชอบที่มีอยู่ก่อนการประกาศออกบังคับใช้นั้น
สำหรับคอบอลทั้งหลายก็เป็นอันค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่า หากจะชมการถ่ายทอดสดมหกรรมฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิล ซึ่งกำลังจะเปิดฉากฟาดแข้งในเดือนมิถุนายนนี้ให้ครบทุกแมตช์นั้น จำเป็นจะต้องใช้บริการผ่านกล่องรับสัญญาณดาวเทียม “บอลโลก” ของบริษัท อาร์เอส อินเตอร์ เนชันแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด ในเครือ บมจ.อาร์เอสเท่านั้น
แน่นอนว่ากรณีนี้แม้การทำหน้าที่ของ กสทช.เองจะทำเพื่อผลประโยชน์ของ “คนส่วนใหญ่” แต่ถ้ามองกันในแง่มุมของความชอบธรรมแล้ว หลายคนต่างก็พากันเห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทอาร์เอสนั้นได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ขณะที่ “กฎมัสต์ แฮฟ” นั้นเพิ่งจะถูกประกาศออกมาใช้ในปีพ.ศ. 2555 นี้เอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่งานนี้ทางอาร์เอสจะต้องรับไปเต็มๆ ในตอนนี้ก็คือ การกลืนน้ำลายจากคำพูดของตนเอง
หากยังจำกันได้ช่วงที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลยุโรปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นแกรมมี่ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาได้ทำการบล็อกสัญญาณถ่ายทอดสดบอลยูโร 2012 ที่ออกอากาศผ่านทางฟรีทีวี ช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ของกล่องรับสัญญาณดาวเทียมที่ไม่ใช่ยี่ห้อตนเองรวมไปถึงฟรีทีวีที่ออกอากาศผ่านทาง “ทรู วิชั่นส์” โดยการที่จะรับชมฟุตบอลรายการนี้ได้ก็คือต้องชมผ่านกล่อง “จีเอ็มเอ็ม แซท” รวมถึงทีวีที่รับสัญญาณโดยใช้เสาก้างปลาและหนวดกุ้งเท่านั้น
การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ทางแกรมมี่เองถูกด่ายับ โดยเฉพาะในกรณีของสมาชิกทรู วิชั่นส์ ที่ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทั้งที่ได้เสียค่าสมาชิกรายเดือนไปแล้ว ซึ่งการ “จอดำ” ในครั้งนั้นได้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยบ้างก็ว่าเป็นสิทธิ์ของแกรมมี่ ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลดังกล่าว ขณะที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยก่อนจะมีข่าวคราวของความขัดแย้งระหว่างแกรมมี่เองกับทรูวิชั่นส์ออกมา
ตอนนั้นเองทางผู้บริหารของอาร์เอสก็ได้อาศัยช่วงจังหวะเวลาดังกล่าวออกมาวิพากษ์วิจารณ์แกรมมี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของทาง นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) รวมถึงบิ๊กบอส อย่าง “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทอาร์เอส ที่ได้เปิดตัวกล่องรับสัญญาณดาวเทียม “ซันบ็อกซ์ (SunBox)” ออกมาพร้อมกลยุทธ์ที่จะงัดดึงลูกค้าด้วยดารชูคอนเทนต์ฟุตบอลลาลีกา ทั้ง 3 ฤดูกาล และดูฟุตบอลโลกปี 2014 ได้ฟรีอีกโดยจะไม่มีการบล็อกสัญญาณแต่อย่างใด
“เรื่องธุรกิจทีวีดาวเทียมอยู่ในช่วงของการเติบโตมาก มีการขยายตัวสูง อาร์เอสในฐานะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ เรามีช่องแซตเทิลไลต์ทีวีหลายช่อง ทุกช่องค่อนข้างประสบความสำเร็จ เราเลยมีช่องใหม่ คือ อาร์เอสสปอร์ต ลาลีกา เป็นช่องฟุตบอลลีก ที่อาร์เอสได้ลิขสิทธิ์มา 3 ปี เป็นที่มาว่าเราพยายามจะทำกลยุทธ์ให้ผู้บริโภคเข้าถึงกล่อง หรือคอนเทนต์ของเราแบบไม่มีข้อจำกัด อาร์เอสเลยจับมือพันธมิตรทำกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียมซันบ็อกซ์ กล่องนี้ดูลาลีกาสเปนได้ฟรี 1 ฤดูกาล และดูฟุตบอลโลกปี 2014 ได้ฟรีอีก จะไม่มีการบล็อกสัญญาณแน่นอน”
สำหรับการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่กำลังจะเริ่มนั้น ถึงตอนนี้ทางอาร์เอสได้ระบุไว้ว่าจะมีการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีเพียง 22 แมตซ์ ที่ “ช่อง 7” และ “ช่อง 8” โดยจะไม่มีการบล็อกสัญญาณไม่ว่าจะเป็นกล่องรับสัญญาณดาวเทียมของยี่ห้อไหนก็ตามรวมถึงทรู วิชั่นส์ ด้วย (กล่องแกรมมี่ “จีเอ็มเอ็ม แซท” ไม่มีช่อง 8)
แต่ถ้าหากจะรับชมการถ่ายทอดสดให้ครบทั้ง 64 นัด รวมถึงรายการพิเศษและไฮไลต์เอ็กซ์คูลซีฟจากฟีฟ่า จะต้องรับชมทางช่อง “เวิลด์ คัพ แชนแนล” ผ่าน “กล่องบอลโลก” ที่จะเริ่มวางจำหน่ายขายผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าดาวเทียมทั่วประเทศ ในราคากล่องละ 1,590 บาท หลังสงกรานต์นี้เท่านั้น ซึ่งโดยทางผู้บริหารอาร์เอส เองก็ได้วางเป้าหมายไว้ว่าน่าจะขายกล่องบอลโลกนี้ 1 ล้านกล่องด้วยกัน (ส่วนคำถามที่ว่า หลังจากจบการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว กล่องนี้จะสามารถใช้ชมการถ่ายทอดสดอะไรได้บ้าง ทาง “อาร์เอส” ชี้แจงว่า กล่องนี้สามารถดู ลา ลีกา สเปน ได้ครบ 380 แมตช์ รวมถึงรายการทีวียอดนิยมจากค่ายอาร์เอสอีกมากมาย)
ขณะที่ในส่วนของผู้ที่ใช้กล่องรับสัญญาณดาวเทียม “ซันบ็อกซ์” ที่เคยถูกโฆษณาว่าจะดูบอลโลกได้ฟรีอยู่แล้วนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยในเบื้องต้นว่าสามารถที่จะชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้ครบทุกแมทช์เช่นกัน เพียงแต่จะต้องเสียเงินจ่ายเป็นค่าแพคเกจเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการตั้งราคาออกมาแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากรายละเอียดดดังกล่าวนี้เองที่ทำเอาหลายต่อหลายคนต่างก็แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำพูดที่ผู้บริหารอาร์เอส เองเคยพูดวิจารณ์กรณีของแกรมมี่ฯ รวมถึงคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าตรงกับความเป็นจริงในวันนี้มากน้อยเพียงใด โดยบ้างก็ว่าอาร์เอสนั้นกลืนน้ำลายตัวเอง, บางก็ว่าอาร์เอสนั้นทำยิ่งกว่าแกรมมี่เสียอีก, ขณะที่บางส่วนก็มองว่าเป็นสิทธิ์ของทางอาร์เอสที่จะทำอะไรก็ได้ ส่วนเรื่องที่เคยพูดไว้นั้นก็ไม่เห็นว่าอาร์เอส จะทำผิดตรงไหน เพราะครั้งนี้ก็ไม่มีการบล็อกสัญญาณและช่องฟรีทีอย่าง 3, 5, 7, 9 ก็ไม่มีจอดับแต่อย่างใดฯ
อย่างไรก็ตาม ท้ายนี้ก็คงจะต้องตามดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว “อาร์เอส” เองจะได้รับกระแสชื่นชมจากการเป็นผู้นำการถ่ายทอดสดบอลโลกในครั้งนี้มากน้อยเพียงใด?
“เฮียฮ้อ” ไม่สน “กสทช.” เดินหน้าขายกล่อง จวกกฎ “มัสต์ แฮฟ”
ผู้บริหาร RS ทวีตสอน GMM อย่าคิดว่าผู้บริโภคโง่ ชี้ทำอย่างนี้ “ยูโร 2012” จะไม่มีใครได้ประโยชน์
“เฮียฮ้อ” เปิดตัวกล่อง “ซันบ็อกซ์” สู้แกรมมี่ เกทับไม่มีจอดำ