xs
xsm
sm
md
lg

ปลุกพลังมวลชน“ลุกขึ้นสู้”กับบทเพลงต่อสู้ของ“คาราวาน” ในยุคมารครองเมือง/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
วงคาราวานผู้บุกเบิกเพลงเพื่อชีวิตบ้านเรา
หลังขี้ข้าส.ส.(ย่อมาจาก “สุดสวะ”) ผ่านกฎหมายล้างชั่วฟอกผิดวาระ 2 ต่อ วาระ 3 อย่างเร่งรัด ตามใบสั่งจากทรราชแดนไกล

ใครบางคนบอกว่าประเทศไทยล่มสลายแล้ว แต่หลายๆคนบอกว่ายังไม่ถึงวันนั้น เพราะถ้าคนไทยไม่ยอมนิ่งเฉยเป็นไทยเฉยอีกต่อไป หากแต่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความเป็นธรรม ไม่สยบยอมอำนาจชั่วร้าย ประเทศชาติก็จะดำรงคงอยู่ ซึ่งหลังจากที่คนไทยจำนวนมากได้แสดงพลังต่อต้านคนโกง ไม่เอากฎหมายล้างผิด สังคมไทยในวันนี้ก็ยังคงมีความหวังอยู่

แต่ยังไงก็อย่าชะล่าใจเพราะทรราชกับสมุนขี้ข้าของมันยังไม่ยอมหยุด เพียงแต่แค่พักยก พักรบชั่วคราวเท่านั้น

สำหรับบรรยากาศของบ้านเมืองในเวลานี้ที่เกิดกระแสตื่นตัวไปกับการต่อสู้อำนาจอธรรม ต่อสู้กับทรราชและเหล่าสมุนขี้ข้า เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ คอลัมน์เพลงวาน ขอนำบทเพลงปฏิวัติ บทเพลงต่อสู้กับอำนาจอธรรม ความไม่ถูกต้อง ของวง“คาราวาน” ผู้บุกเบิกดนตรีเพื่อชีวิตในบ้านเรามาบอกเล่าสู่กันฟัง เพื่อย้อนรำลึกอดีตที่ถือเป็นบทเรียนสำคัญของปัจจุบัน

คาราวานเป็นวงดนตรีที่มีอิทธิพลอย่างมากในช่วงเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 ที่หนุ่มสาว เสรีชนต่างพร้อมใจกันออกมาขับไล่เผด็จการทหาร วงดนตรีวงนี้เกิดจาก 4 หนุ่ม 2 วง โคจรมาผสานรวมกัน คือ วง “ท.เสนและสัญจร” ที่มี “สุรชัย จันทิมาธร”(หงา) กับ “วีระศักดิ์ สุนทรศรี”(แดง) และ วง “บังกลาเทศแบนด์” โดย “มงคล อุทก”(หว่อง) และ “ทองกราน ทานา”(อืด) โดยมี "พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ"(หมู)มาแจมในบางชุด

คาราวานมีผลงานเพลงชุดแรกคือ “คนกับควาย” ปี พ.ศ. 2518 ซึ่งบทเพลงของพวกเขามีทั้งบทเพลงต่อสู้ บทเพลงบอกเล่าเรื่องราวของผู้ทุกข์ยาก ผู้ถูกกดขี่ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีผลงานสตูดิโออัลบั้มออกมารวมทั้งหมด 9 ชุดด้วยกัน(อ้างอิงจากวิถิพีเดีย)

สำหรับบทเพลงต่อสู้เพื่อปฏิวัติสังคมใหม่ของคาราวานนั้นมีมากมายหลายเพลง ซึ่งผมขอคัดเพลงเด็ดดังที่แฟนเพลงคุ้นหูมา 1+5 บทเพลงต่อสู้ จาก 3 อัลบั้มแรก คือ “คนกับควาย”, “อเมริกันอันตราย”(2519) และ “มารครองเมือง” (เป็นอัลบั้มพิเศษที่คาราวานทำงานร่วมกับ วงคุรุชน และ วงโคมฉายในปี 2520)

เริ่มกันด้วยบทเพลงเกริ่นนำ คือ เพลง “มารครองเมือง”กันก่อน เพราะพวกเผด็จการมารครองเมืองมันคือต้นเหตุของอำนาจมืด การกดขี่บีฑา และเรื่อราวชั่วร้ายอับปรีย์ในสังคม เพราะถ้าสังคมยุติธรรม ผู้คนอยู่ดีกินดี ไม่มีพวกเผด็จการมารครองเมือง บางทีอาจจะไม่มีบทเพลงแห่งการต่อสู้ก็เป็นได้

เพลงมารครองเมืองแต่งเนื้อร้อง-ทำนองโดย น้าหว่อง เพลงนี้อยู่ในชุดมารครองเมือง อัลบั้มที่ทางวงคาราวานกำลังจะอัดเทป แต่เกิดเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 วิปโยคขึ้นเสียก่อน งานเพลงชุดนี้ในยุคนั้นจึงไม่มีบันทึกเป็นเทปออกขาย หากแต่ถูกเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุ “เสียงของประชาชน” แทน

เพลงมารครองเมืองสะท้อนวิถีชาวชนบทผู้ถูกกดขี่ ถูกรัฐหลอกลวง ย่ำยี เข่นฆ่า ดังนั้นประชาชนจึงต้องก้าวออกมาต่อสู้ ขับไล่ โค่นล้มไอ้พวกหมู่มารที่ครองเมืองให้หมดสิ้น ซึ่งเนื้อเพลงในท่อนจบของเพลงนี้กระตุ้นต่อมการต่อสู้ได้ดีมาก 

     “... โลกหมุนก้าวไป เมืองไทยกำลังจะก้าวตาม
สังคมที่แสนงาม จักเกิดทั่วแผ่นดินไทย
จะอดจะกลืนทนฝืนอยู่ทำไม
จะต้องเข้าใจว่าใครเป็นตัวมาร
มาเถิดพี่น้องร่ำร้องอยู่นาน
มาชูมือขึ้นประสานโค่นล้มหมู่มารที่ครองเมือง”

เมื่อมารครองเมืองเราก็ต้องลุกขึ้นสู้ กับบทเพลงต่อสู้ของคาราวานที่ผมคัดมาเป็นเพลงแรก คือ “ลุกขึ้นสู้” (อเมริกันอันตราย) เพลงนี้แต่งเนื้อร้องโดย : น้าหว่อง ทำนองโดย : น้าอืด เป็นเพลงสนุกๆในกลิ่นสำเนียงอีสาน น้าหว่องเล่นพิณได้มันมาก ท่วงทำนองฟังปลุกเร้า ใช้ได้ดีกับทุกยุคสมัย เนื้อหาเมื่อประชาชนถูกกดขี่ก็ต้องลุกขึ้นสู้ ดังเนื้อร้องที่ว่า 

     “...ลุกยืนขึ้นท้า พวกฟ้าพวกดาว
รวมใจที่ปวดร้าว ปลิดดาวลงดิน
ไม่นานหรอกหนา เมฆฟ้าทมิฬ
กูจะล้างให้สิ้น ชีวินจึงเบิกบาน”
ปกอัลบั้มแรก คนกับควายในต่างกรรมต่างวาระ
ต่อกันด้วยเพลงที่สองคือ “รวมกันเข้า”(อเมริกันอันตราย) แต่งคำร้องโดย : น้าหว่อง ทำนองโดยน้าอืด-น้าแดง เป็นเพลงปลุกเร้าสนุกๆชวนมวลชนมารวมกันต่อสู้ขับไล่นายทุนเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งหากเป็นยุคนี้ก็ต้องรวมกันเพื่อขับไล่ทุนสามานย์ของไอ้น้าเหลี่ยมที่มันทำชาติบ้านเมืองป่นปี้ 

     “มารวมกันเข้า จะกอดเข่าอยู่ทำไม เดี๋ยวมันจะสาย มิตรสหายเขาจะคอย
อย่าทำสำออยอยู่เลยเพื่อนเอ่ย เพื่อนไทย...”

บ่อยครั้งในการต่อสู้ของประชาชน มักถูกอำนาจรัฐขัดขวางทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นยุคถนอม ประพาส มาจนถึงไอ้หน้าเหลี่ยม ซึ่งในหลายประเทศเมื่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกเข่นฆ่าล้มตาย ก็จะเป็นการปลุกพลังให้คนหมู่มากลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจอธรรม ด้วยเหตุนี้น้าหงาจึงนำเอาทำนองเพลง A Hard Rain Gonna Fall ของ Bob Dylan มาใส่เนื้อไทยลงไปเกิดเป็นเพลง “ตายสิบเกิดแสน”(อเมริกันอันตราย) เพลงต่อสู้บทเพลงที่ 3 ที่ผมขอหยิบยกมาบอกเล่า

เพลงตายสิบเกิดแสน มีเนื้อหาสวยงาม ลึกซึ้ง ตามแนวทางการเขียนเพลงด้วยภาษากวีของน้าหงา ซึ่งในยุค 14 ต.ค. ความตายของนักสู้ผู้บริสุทธิ์ไม่กี่คนสามารถปลุกพลังมวลชนจำนวนมากให้ออกมาต่อสู้ แต่มาในยุคนี้คงต้องวัดใจว่าไทยเฉยจะขยับหรือเปล่า ซึ่งวันนี้เป็นที่น่ายินดีว่าคนไทยตื่นตัวต่อกฎหมายล้างผิดกันมาก ประชาชนหลายภาคส่วน หลายหน่วยงาน หลายองค์กรต่างออกมาแสดงพลังคัดค้าน จะมีก็แต่ผู้นำกองทัพที่วันนี้ยังคงทำตัวเป็นไทยเฉย พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาล

ต่อกันกับบทเพลงที่ 4 กับ “ถั่งโถมโหมแรงไฟ”(มารครองเมือง) เนื้อเพลงนี้นำมาจากทฤษฎีปฏิวัติ แต่งทำนองโดยน้าหงา,น้าอืด ถือเป็นบทเพลงปฏิวัติอันสุดคลาสสิก ที่หลายคนคงจะคุ้นเคยกับบางท่อนบางตอนของเพลงนี้กันเป็นอย่างดี

      “ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า
ปฏิวัติเพื่อเราประชาชาติไทย
มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์
สู่เอกราชจริงแท้และสดใส
ปฏิวัติถั่งโถมโหมแรงไฟ
เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์...”

เพลงนี้แบ่งเป็น 2 พาร์ท เปิดตัวมาด้วยท่อนแรกที่ช้าเนิบแต่ทรงพลัง มีเสียงสีไวโอลินที่เพราะมากๆ จากนั้นเปลี่ยนโหมดเป็นภาคดุดันม่วงทำนองปลุกเร้า เป็นการปลุกมวลชนให้ลุกขึ้นสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มีเนื้อหาดุดัน ปืนต่อปืนมันยิงมา เรายิงไป เพื่อก้าวไกลสู่สังคมอุดมการณ์

วันนี้แม้มวลชนคนจำนวนมากจะไม่สนับสนุนแนวทางรุนแรง ไม่ต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติ แต่พวกเขาก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เห็นการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งงานนี้ก็ต้องดูว่าน้าเทือกเมื่อออกมานำมวลชนแล้ว จะเดินหน้าต่อสู้สุดซอยแค่ไหน

มาถึงบทเพลงต่อสู้ปิดท้ายคือ “สานแสนทอง”(คนกับควาย) ที่เป็นบทเพลงการต่อสู้ในอุดมคติ ซึ่งมองข้ามชอร์ตไปว่าเมื่อมวลชนออกมาต่อสู้ได้ชัยจนสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมแล้ว นั่นคือสานแสนทองของผืนแผ่นดินไทย

เพลงนี้น้าหงานำมาจากเพลง Find A Cost of Freedom ของ ครอสบี้ สติล แนช แอนด์ ยัง เนื้อหามีสั้นๆแค่ 4 วรรค แต่ว่าลึกซึ้งกินใจนัก

     “ขอผองเราจงมาร่วมกัน
ผูกสัมพันธ์ยิ่งใหญ่
สานแสนทองของความเป็นไท
ด้วยหัวใจบริสุทธิ์”

ครับและนั่นก็เป็น 1+5 บทเพลงต่อสู้ของคาราวานที่แม้จะเป็นเพลงที่เขียนขึ้นในอดีตเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว แต่เนื้อหายังคงมีความร่วมสมัย โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ในช่วงนี้ที่มีเค้าลางว่ากงล้อประวัติศาสตร์จะหวนคืน ทรราชสุดท้ายย่อมพ่ายแพ้พลังมวลชน ไม่มีโอกาสกลับบ้านแบบเท่ๆในโอกาสอันใกล้นี้

ส่วนในอนาคตจะนอนกลับมาแบบมีคนหามมีลูกชายมาถือรูปเดินนำหน้าหรือเปล่า?? เรื่องนี้ผมมิอาจรู้ได้

รู้แต่ว่าผู้คนจำนวนมากในบ้านนี้เมืองนี้ภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น
*****************************************

คลิกฟังเพลง มารครองเมือง

คลิกฟังเพลง ลุกขึ้นสู้

คลิกฟังเพลง รวมกันเข้า

คลิกฟังเพลง ถั่งโถมโหมแรงไฟ

คลิกฟังเพลง สานแสงทอง
*****************************************

คอนเสิร์ต

ชมคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ “วงลีลาวดี ควอเตท” (วงดนตรีสากลหัวใจไทย)
กับคอนเสิร์ต “Rewind Remind Concert by Leelawadee Quartet’s” ซึ่งนำรายได้ส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่วัดพระบาทน้ำพุ

ภายในงานพบกับศิลปินรับเชิญมากมาย ได้แก่พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, สุนารี ราชสีมา, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ และศิลปินจากใบชาSong สวีทนุช, โอ๋ ชุติมา และ บรรณ สุวรรณโณชิน

คอนเสิร์ตนี้ร้องและบรรเลงรูปแบบของ String Quartet, String Quintet และ Chamber Orchestra เพื่อให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับเสียงดนตรีเครื่องสายที่เป็นธรรมชาติอย่างเต็ม อิ่ม
โดยวงลีลาวดี ควอเตท กับบทเพลงที่หลายๆคนคิดถึงและคาดไม่ถึง ตลอด 2 ชั่วโมง

คอนเสิร์ต “Rewind Remind Concert by Leelawadee Quartet’s” จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เวลา 19.00 น. - 21.00 น. ณ.โรงละครแห่งชาติ บัตรราคา 700 / 1,000 และ 1,500 บาท ผู้สนใจจองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร 02-262-3456
กำลังโหลดความคิดเห็น