“เต๋า” ไม่สนวลีเด็ดในโฆษณา “อย่ามาเต๋า” ตอกย้ำภาพลักษณ์แบดบอย ลั่นตนไม่เคยผิดหวังกับอดีต ของตัวเอง เพราะถือว่าทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือสิ่งที่ดีหมด มั่นใจโฆษณาดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับลูก เชื่อลูกจะเข้าใจได้เองเมื่อโตขึ้น
เป็นฮือฮากล่าวขานกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์ขนมยี่ห้อหนึ่ง ของหนุ่ม “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” ซึ่งเนื้อหาโฆษณาเป็นเรื่องของคนทะเละกัน แล้วมีวลีเด็ด ก็คือ “อย่ามาเต๋า” ตอกย้ำว่า หนุ่มเต๋ากลายเป็นสัญลักษณ์ของการทะเลาะวิวาท ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่หลายคนติดตา เมื่อสอบถามถึงเหตุผลที่เลือกรับงานชิ้นนี้ เต๋าก็อธิบายว่า…
“ก็เป็นการแสดงอีกมุมนึง ผมเชื่อว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ว่ามันเป็นอุปมาอุปมัยสำหรับใช้เท่านั้น อย่ามาเต๋านะ ผมว่ามันเป็นอีกบทบาทนึงที่คนเขามอบให้ และสร้างมันขึ้นมา เมื่อสื่อไปแล้วคนเข้าใจได้ แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่ชีวิตจริง เราเองไม่ได้เป็นอย่างนั้น ในการแสดงเราจะทำอะไรก็ได้คุณทำไปเถอะ”
“เดี๋ยวนี้เวลาเดินผ่านวัยรุ่นบอกว่าอย่ามาเต๋า ผมบอกอย่ามาเต่าไม่ได้ นี่เต๋าครับ ไม่ได้กลัวว่าคนจะไปมองในภาพลักษณ์แบบนั้น ผมบอกแล้วการแสดงมันก็คือการแสดง ผมก็เลี้ยงลูกของผมตามปกติ ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสให้ผมดี”
“มันมีหลายๆ คนพูดว่า พอเรารับแล้วเขารู้สึกตื่นเต้น มันเป็นสิ่งที่จดจำ วันนี้ยอดขายขนมช็อคโกแลตชิ้นนั้นก็ได้อันดับ 1 ครับ ก็ยินดีกับเขาด้วย ผมรู้สึกว่าผมประสบความสำเร็จในเรื่องของการแสดง มันดูเป็นเรื่องโจ๊กที่พูดกันได้ทั้งประเทศ ผมว่ามันเป็นเรื่องของงาน แล้วมันก็เป็นงานที่เรารัก เรารู้สึกภูมิใจกับมัน”
“ภาพเดิมๆ ผมว่าไม่เห็นต้องไปลบมันเลย เพราะมันเป็นเรื่องในอดีต อดีตก็คืออดีต ผมไม่รู้สึกเสียดายหรือผิดหวังกับอดีต ผมถือว่าทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือสิ่งที่ดีหมด เราควรจะต้องจดจำในสิ่งที่มันเกิดขึ้น ทำวันนี้ วันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปให้มันดี คนเรามีหลายภาคครับ มีหลายมุม มีหลายด้าน ถ้าคุณมองคนจากด้านเดียวคุณก็จะเห็นเขาและอยู่แต่ในด้านเดียว”
เชื่อโฆษณาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อลูกของตนในอนาคต ลั่นเป็นแค่การแสดงลูกจะเข้าใจได้เองเมื่อเขาโตขึ้น
“กับลูกๆ ไม่กลัวครับว่าเขาจะจดจำภาพอะไรแบบนั้นของเรา ถือว่าทุกสิ่งที่ผมทำคือการแสดง ชีวิตจริงคือชีวิตจริง เขาจะโตด้วยตัวของเขาเอง เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เหมือนพระเอกสมัยก่อนที่ใครเล่นร้าย ใครเล่นเป็นโจรแล้วจะเดินตลาดไม่ได้ แม่ค้าจะเอาทุเรียนขว้าง มันอยู่ที่รูปแบบในการนำเสนอมากกว่า”
“คำว่าอย่ามาเต๋าสำหรับผม ผมมองว่า เป็นศัพท์วัยรุ่น ที่เขาใช้กันเหมือนสมัยก่อนๆ เหมือนวันนึงนักกีฬาต่อยมวยไม่ได้เหรียญ ก็จะให้ผมไปต่อยแทนอย่างนั้น ผมก็มองว่ามันน่ารักไปอีกแบบนึง ผมไม่ถือว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เป็นการเอาเรามาพูดถึงในเรื่องโจ๊กกิ้ง ที่สามารถจับต้อง เล่นได้ ก็เป็นการเปรียบเทียบเท่านั้นเอง ผมสนุกด้วย อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องของวันวาน เป็นเรื่องของอดีต ก็ขอบคุณมากที่พูดถึงและนึกถึงผมกันครับ”
ปลื้มวัยรุ่น ชาวสีม่วงยกเป็นขวัญใจจากผลงานต่างๆ แนะต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีสุด ซึ่งตอนนี้ตนพยายามทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างดีที่สุด
“ก็ขอบคุณมากที่ยกให้ผมเป็นขวัญใจของพวกเขา ผมรับไว้ด้วยความยินดี ส่วนที่วัยรุ่นเขายกให้ผมเป็นขวัญใจด้วยเหมือนกันนั้น ก็คิดว่ามันคงจะเป็นอีกช่วงอายุนึง ที่เราทำหน้าที่ของเราตามกาลเวลา วันนี้ผมมีครอบครัว มีลูก 2 คน สิ่งทีสำคัญที่สุดตอนนี้คือเราดูแลครอบครัวของเรา ส่วนตัวของพวกคุณๆ เองก็ทำหน้าที่ของคุณๆ กัน ทำสิ่งที่คิดว่ามันใช่ตามวันเวลา ตามโอกาสที่มันควรจะทำผมว่าดีที่สุด”
“เป็นกำลังใจให้ทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าครับ ทุกอย่างกว่าที่จะได้มามันไม่มีอะไรที่เราไม่เหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วมันต้องคุ้ม ส่วนชาวสีม่วงเองก็ขอบคุณมากเหมือนกันครับ เราอยากให้ทุกคนชอบทุกๆ ด้านของเรา ทุกๆ กลุ่ม ทุกๆ แนวผมเชื่อว่าสังคมในยุคนี้ทุกอย่างมันเปิดกว้างมากขึ้น พวกเราก็เป็นคนเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของตัวบุคคล”