“บุ๋ม ปนัดดา” ยอมรับเกือบเลิกรัก แฟนหนุ่มรุ่นน้อง “ติ๊งโน้ต” หลังฝ่ายชายทิ้งไม่ยอมดูแลใกล้ชิดในช่วงที่ประสบอุบัติเหตุ จนพ่อแม่สั่งให้เลิกกัน ด้านฝ่ายชายยอมรับผิด และพยายามง้อ เพราะทำไงได้เพราะรักไปแล้ว บอกตนยังเหมือนเดิมไม่รู้บุ๋มเหมือนเดิมหรือไม่
เกือบไปไม่รอด สำหรับความรักของสาว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” หลังจากมีข่าวว่า ทะเลาะกันรุนแรง เพราะฝ่ายชาย “ติ๊งโน้ต - ฐิติพงศ์ วโรกร”ไม่ยอมดูแลในช่วงที่สาวบุ๋มประสบอุบัติเหตุ จนถึงขั้นที่ทำให้พ่อแม่ของ “บุ๋ม” รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้จะดูแลลูกสาวเขาได้อย่างไร ทว่า ล่าสุด ดูเหมือนแฟนหนุ่มจะกลับมาอ้อนขอคืนดีและขอโอกาสใหม่ แล้วล่าสุดก็ออกงานร่วมกันอีกครั้ง
พอเจอะเจอกับนักข่าว ทั้งคู่เลยเปิดใจถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
ติ๊งโน้ต: “ที่ผ่านมา ก็คือว่า ทะเลาะกันค่อนข้างจะรุนแรงครับ แต่ว่าตอนนี้ก็ดีกันแล้วมั้ง? ครับ ต้องลองถามทางฝ่ายหญิงดูครับว่ายังไง คือว่า เค้าค่อนข้างงอนผม เพราะว่าวันนั้น ตอนเกิดเหตุล้มที่ภูเก็ตไงครับ แล้วเผอิญว่าโน้ตอยู่สนามที่พีระ แล้วก็คุยโทรศัพท์กัน แล้วก็เกิดการผิดพลาด สื่อสารกันผิดไปหน่อยนึงครับ แล้วเผอิญว่า ตอนนั้นก็ส่งเค้าขึ้นเครื่องพอดี แล้วตอนที่จะกลับ เผอิญว่าเผลอหลับไป ก็เลยไม่ได้โทร.มา แต่ว่าก็รู้ว่าคุณพ่อเค้าไปรับ แล้วเผอิญว่า เหมือนกับว่า ผมก็ลืมนึกไปว่าพ่อไปรับ ยังไงเราก็ต้องไปด้วย แต่ผมไม่ได้ไป”
บุ๋ม: “คือ คุณพ่อบอกว่า ทำไมเค้าไม่มา เค้าไม่มาดูแล แล้วเค้ามาขอแต่งงานได้ยังไง แล้วเค้าบอกว่าจะขอดูแลลูกสาวอะไรอย่างงี้ คนเราน่ะมันจะร่วมแต่สุขไม่ได้ ต้องร่วมทุกข์ด้วย เนี่ยคำเนี้ยะ มันก็เลยอึ้งน่ะค่ะ ก็ตอนเช้าบุ๋มก็ต้องไปถ่ายละครต่อ โดยที่คุณแม่มาเห็นสภาพบุ๋ม ก็คือ นอนกับกองเลือดที่สะโพก แล้วก็หกโมงครึ่งถึงตอนเช้า แล้วกองละครก็มางัดเราจากในเตียง พร้อมกับคุณแม่ที่มาเห็นภาพ แล้วก็ถามเราว่าติ๊งโน้ตอยู่ไหน มันก็เลยเป็นคำตอบที่เราไม่ตอบอะไรอย่างเนี้ยะ”
“เราก็อึ้งเพราะว่าเราตอบไม่ถูก ตอนนั้นคือเราเจ็บมาก แล้วก็เครียดมาก ไม่รู้ว่าผลเอกซเรย์จะเป็นยังไง จะเดินได้ ไม่ได้ เพราะตอนนั้นคือ หมอแพ็คมัดกับเตียงแล้ว และก็ฉีดยาเข้าสะโพก คือ ปวดตลอดเวลา ก็ต้องใช้ระบบฉีดสามเข็มด่วนเลยอย่างเงี้ยะ”
“เราก็เลยแบบว่า ขออธิษฐานอย่างเดียวมองโลกในแง่ดีก่อน อย่างน้อยกำลังใจเราก็ขอเก็บไว้กับตัวเองก่อน แล้วก็ตอนนั้นคือมันเพลียมากเพราะว่าบุ๋มวิ่งงานตลอดไงคะ แล้วก็ไหนจะงานที่ภูเก็ต ไหนจะอะไร เพราะว่าบุ๋มล้มตั้งแต่หกโมงครึ่ง แล้วก็พยายามโฮลตัวเองให้อยู่จนกระทั่งเสร็จงานสองทุ่มครึ่งน่ะ มันตัวชาแล้วมันยืนจนแบบขาซ้ายมันชาไปทั้งหมดเลย ตอนนั้นมันพูดไม่ถูกน่ะ มันหลายๆ อารมณ์ งอนหนักเลย”
“ก็ให้โอกาสนะ เดี๋ยวจะหาว่าพอเป็นสาวแรง เป็นสาวมั่นใจ แล้ว ชีจะแบบเอะอะ ก็จะตัดเลย ไม่ใช่นะคะ คือ บุ๋มเป็นคนที่มีเหตุมีผล ก็ฟัง รับฟังเค้า เค้าบอกขอโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ทีนี้เค้าก็ต้องขอโอกาสกับพ่อแม่บุ๋มใหม่ เค้าโทร.มาตอนเช้า แต่พี่ก็โดนอยู่ในกองละครแล้วน่ะค่ะ”
ติ๊งโน้ต: “ก็คือว่า วันนั้นผมไม่ได้ไปในตอนกลางคืน แต่ว่าคือผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเช้าพอดี ผมก็ส่ง ไลน์ ส่งอะไรไปหา ก็คือว่า กะว่าเดี๋ยวเสร็จอีกวันนึง ที่ดูลูกทีมก็จะรีบไปหา แต่ว่าไม่ทันแล้วครับ เผอิญว่าเจอคุณแม่ค่อนข้างโกรธมาก รับสายแทนผมก็ เอาแล้วไง ไม่รู้จะทำยังไง ก็งงๆ แล้วก็แบบค่อนข้างจะโดนหนักเหมือนกันครับ แต่ว่าคนมันรักไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องหาแบบวิธีทางให้คุยกันได้”
ส่วนข่าวที่ว่า “บุ๋ม” โกรธ จนถอดแหวนขว้างทิ้งนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
บุ๋ม: “แต่เรื่องนึงที่ไม่ได้อะไรว่ากระชากแหวนทิ้งนี่ ไม่ใช่นะคะ ก็คือ ที่แหวนไม่ได้ใส่เนี่ยเนื่องจากว่าวันนั้นเกิดอุบัติเหตุ แล้วแหวนเพชรมันหลุด มีเพชรเม็ดนึงมันหลุดไป แต่ไม่ใช่เม็ดโตใหญ่นะ เป็นเม็ดเล็กที่หลุดไป คือ ถือเหมือนกันไง อะไรที่มันแตกหัก อะไรที่มันนะ ก็เลยไม่ใส่ แล้วอีกอย่าง มันไม่ใช่แหวนแต่ง แหวนหมั้น อะไรขนาดนั้น มันเป็นแหวนที่ให้เป็นของขวัญวันเกิด”
ติ๊งโน้ต: “พูดเรื่องจริงๆ เลยก็คือว่าผมซื้อมาแล้ววันนี้ แต่ว่ามันอยู่บนรถ แล้วเผอิญว่าวันนี้ผมมากับคุณแม่ครับ แล้วเผอิญรีบไงครับ รีบมาขับรถให้คุณบุ๋มอีกคันนึง เพื่อจะขึ้นไปจอด ก็ตั้งใจง้อด้วย แล้วก็อยากเปลี่ยนให้เค้าด้วย เพราะว่าอันเก่ามันพังแล้วก็เลยไม่อยากให้เค้าใส่ครับ”
ถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ ของทั้งคู่ยังรักกันดีเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
บุ๋ม : “ก็ยังเป็นแฟนกันอยู่ ไม่ได้เลิกค่ะ เพียงแต่ว่าถามว่างอน พี่ก็เป็นคนตรงๆ งอนค่ะ อะไรอย่างเงี้ยะ บางคนก็มีอีกมาเหน็บพี่ แก่แล้วมางอนอะไร คนนะ ก็งอนเป็น พ่อคุณเอ๊ย”