“พอร์ช” ศรัณย์ เมสเสจเที่ยงคืน “บุ๋ม - โน้ต” ขาเตียงสั่น

ฝ่ายหญิง “บุ๋ม - ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ชอบเด็กอายุน้อยกว่า ฝ่ายชาย “พอร์ช - ศรัณย์ ศิริลักษณ์” ชอบสาวใหญ่อยู่เป็นทุนเดิม ทำไมพอร์ชถึงต้องถามเรื่อง “มอเตอร์ไซค์” ผ่านเมสเสจยามเที่ยงคืน งานนี้เล่นเอา “ติ๊งโน้ต - ฐิติพงศ์ วโรกร” พร้อมจะอาละวาด ถามยังไง!! บุ๋มเลยบอกว่า ดาราเลิกงานดึก!!?
ฝ่ายคนไม่หล่อแต่อร่อยอย่างติ๊งโน้ตก็เลยประกาศว่า ว่างวันไหน ไปไหนไปด้วยเพราะกลัวคนจะมาจีบ โดยเฉพาะพวกพระเอกนักป้อทั้งหลายที่ชอบเลี้ยวรถบิ๊กไบค์มาจอดตีสนิท

ความรักของสาววัย 35กะรัต อดีตนางสาวไทยใจถึงอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” คุณแม่ลูกหนึ่ง หย่าขาดจากสามีก็มีหนุ่มเข้ามาจีบมากมายก่ายกอง สุดท้ายเธอคบหาหนุ่มนักบิดวัยละอ่อนที่หลงรักมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน นั่นคือ “ติ๊งโน้ต ฐิติวงศ์ วโรกร” ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังที่ฉะเชิงเทรา ทั้งยังมีร้านขายอุปกรณ์มอเตอร์ไซค์ ด้านฐานะถือว่ามั่นคง อายุห่างกัน 13 ปีขอแต่งงานตั้งแต่เดือนแรกที่คบกัน
แต่บุ๋มถึงจะรัก แต่ยังไม่คิดสละโสด ยังอยากมีชีวิตอิสระสดใสตามสไตล์หม้าย ความรักของเธอและติ๊งโน้ตหวานเจี๊ยบ ใครจะว่าแฟนเธอไม่หล่อระดับพระเอกก็หาได้แคร์ไม่ ยังคงกอดรัดฟัดนัวใส่หวานชนิดนอนหนุนตัก ฝ่ายชายรุ่นน้องก็เอาใจเก่งคอยพะเน้าพะนอออดอ้อนจนปาปาราซซีจับภาพได้หลายครั้งว่า เด็กก่ายผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่กอดเด็ก

งานเข้าเมื่อพระเอกหนุ่มวัยละอ่อนอย่าง “พอร์ช - ศรัณย์ ศิริลักษณ์” ดันส่งข้อความไปถามธุระเรื่องมอเตอร์ไซค์ยามค่ำดึกดื่นราวเที่ยงคืนจนติ้งโน้ตทำสีหน้าฉงนใส่ “บุ๋ม” ปนัดดา !? - เอ๊ะ...อะไรและอย่างไร !! เมื่อติ้งโน้ตรู้ว่าเป็นพอร์ชส่งข้อความมา จึงมีการแอบหึงใส่และถามไถ่ว่าทำไมถึงส่งข้อความดึกจัง !!

“บุ๋ม” ปนัดดา อธิบายให้ติ้งโน้ตฟังว่า ดาราทำงานกันดึก ไม่แปลกถ้าจะส่งข้อความมาในเวลานี้ ซึ่งดูเหมือนติ๊งโน้ตจะรับรู้แต่ไม่รับทราบ, เข้าใจแต่ไม่ปฏิบัติตาม ประกาศขอติดสอยห้อยตาม “บุ๋ม” ไปด้วยทุกสถานที่ถ้ามีเวลาว่างและสามารถไปได้

“จำจองความรัก”ชัดๆ ยิ่งกว่าเข้าค่ายกักกัน อิสระตรงไหน !?
ความรักต้องมีความคล่องตัว อิสระและไว้วางใจ แต่ตามติดทุกฝีก้าวแบบนี้เรียกว่า “ระแวง” ไม่ใช่ “ระวัง” พวกที่รักกันเป็นปาท่องโก๋จุ่มนมไปไหนไปด้วย สุดท้ายพอหมดโปรโมชั่นก็เลิกกันทุกราย
รู้กันแค่ 3 คน พอร์ช, บุ๋มและติ้งโน้ต แต่ “บุ๋ม” ดันชิงให้ข่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ว่ามีพระเอกรุ่นน้องโทร.หา … พูดเพื่ออะไร หรือเพียงอยากจะโชว์เพาเวอร์ว่า ข้านี่แหละ เจ้าแม่กินเด็ก ตัวจริง! ของวงการ

“พอร์ชส่งเอสเอ็มเอสหา ตอนแรกติ๊งโน้ตเขาก็งงๆ ว่าทำไมส่งมาเที่ยงคืน ก็ประมาณหึงๆ แต่บุ๋มก็บอกเขาเป็นดาราเลิกงานประมาณนี้อยู่แล้ว อย่างบุ๋มก็เลิกงานประมาณตี 2 หลังๆ ก็พยายามพาเขาไปดูการถ่ายทำ ดูโน่นดูนี่ให้เขาเข้าใจมากขึ้น”
งานนี้พอร์ช - ศรัณย์ จึงงานเข้าเต็มๆ เข้าให้

คำสัมภาษณ์ของบุ๋มทำให้พอร์ชอยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกมาขอโทษแล้วบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับบุ๋มแม้แต่น้อย แต่ที่ส่งข้อความไปเพราะต้องการถามเรื่องมอเตอร์ไซค์ !!

"ไม่เคยคิดอะไรกับพี่บุ๋มเลย เป็นแค่พี่น้องเท่านั้น ส่วนที่โทร.ไปแค่อยากปรึกษาเรื่องรถ หากทำให้ผิดใจกันก็ต้องขอโทษทั้งคู่ด้วย"

มีหรือที่ “ติ๊งโน้ต” จะเชื่อ !! เพราะติ้งโน้ตเป็นคนขี้ระแวงอันมาจากความหล่อน้อยของตัวเอง ยิ่ง พอร์ชเคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นคนชอบผู้หญิงอายุมากกว่า !! ยิ่งทำให้ “ติ้งโน้ต” ยกมือไม่ไว้วางใจอย่างเต็มตัว ทั้งที่ความจริงอาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้

เรื่อง “หล่อน้อย” ของแฟนหนุ่ม เป็นเรื่องที่ “บุ๋ม - ปนัดดา” เข้าใจได้ แม้ว่าบุ๋มจะเคยประกาศในแวดวงมอเตอร์ไซค์ สาวพริตตี้ หรือเกย์ เก้ง กวาง ห้ามเข้าใกล้แฟนตัวเองเด็ดขาด !! มาแล้วก็ตาม
แต่ “ข้อห้าม” เหล่านั้น ก็กลายเป็นเรื่องขำๆในวงการ จนมีการพูดว่า “ถ้าหล่อกูจะไม่ว่าเลย” !!

ถึงไม่หล่อก็คงจะมีเรื่องอร่อย แซบอย่างอื่น ไม่เช่นนั้น “บุ๋ม” ปนัดดาคงไม่ตามติดเพราะติดใจ
ไอ้เรื่องความ “หล่อน้อย” นี้ บุ๋มเข้าใจ ถึงขนาดยอมรับว่า ในช่วงหลังต้องพาติ๊งโน้ตไปรักษาผิวหน้า เพราะออกสื่อด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ยังไม่คิดให้ไปศัลยกรรม ขอแค่ใบหน้าสะอาดหมดจดไม่มีริ้วรอยก็พอ สรุปแล้ว นางงามก็ยังอยากให้แฟนดูดี เสมอและคู่ควรต่อหน้าสาธารณชน เพื่อไม่ให้ “รสนิยม” ของความเป็นนางงามถดถอยลงไป

อนาคต บางทีเรื่อง “ศัลยกรรม” อาจจะมีความจำเป็นสำหรับชีวิตของคนคู่นี้ก็ได้

เพราะถ้าพิเคราะห์กันอย่างจริงจัง กรณีของพอร์ช บุ๋ม และติ้งโน้ต เรื่องของ “เมจเสจ” เป็นเพียงประเด็นรอง เพราะประเด็นหลักที่ทำให้ “ติ้งโน้ต” แอบหึงหวงก็คือ พอร์ชหน้าตาดีและหล่อเหลากว่า และเมื่อดูจากความชอบส่วนตัวแล้ว บุ๋มชอบกินเด็ก ขณะที่ฝ่ายพอร์ชก็ชอบฟาดผู้ใหญ่ ถ้าวันหนึ่งพรหมไม่ได้ลิขิต แล้วติ้งโน้ตจะทำอย่างไร !!? โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนนับจากนี้ที่ติ้งโน้ตต้องเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้อยู่ตามเฝ้า “บุ๋ม” ปนัดดา วงศ์ผู้ดีเหมือนอย่างเคย

ในช่วง 2 เดือนนี้อาจจะมีหนุ่มน้อยหน้าใหม่แวะมาขอความปรึกษาเรื่องควบรถบิ๊กไบค์ก็ได้ ใครจะไปรู้!!
...............................................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับ126 วันที่ 3-9 มีนาคม 2555