คอลัมน์ "ON TRACK" โดย เด็กปั๊ม
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาอันยากลำบากของชาวกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงประชาชนในจังหวัดที่ยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งผมเองแม้บ้านที่ซุกหัวนอนน้ำจะยังมาไม่ถึง แต่ก็ต้องยอมรับว่าอยู่ในอาการลุ้น เพราะทางกทม.ประกาศเป็นพื้นที่เฝ้าระวังตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ดีชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปครับ "เด็กปั๊ม" ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนและหวังว่าวิกฤตน้ำครั้งนี้จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว
วกกลับมาเข้าเรื่องราวของพื้นที่ออนแทร็กประจำสัปดาห์นี้ ยังคงอยู่กับควันหลงจากศึกมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ผมเองมีโอกาสได้เดินทางไปเป็นสักขีพยานในเรซดังกล่าว ซึ่งในคราวที่แล้วต้องเปิดทางให้กับเรื่องสุดช็อกของมาร์โก ซิมอนเชลลี ที่จากนี้ไปคงต้องตามต่อว่าผลการสอบสวนของการเสียชีวิตโดยฝ่ายจัดโมโตจีพีจะออกมาเช่นไร โดยเฉพาะคำถามที่ว่าเหตุใดหมวกกันน็อกของ "super sic" จึงหลุดออกจากศีรษะในลักษณะนั้น
แต่การไปมาเลเซียในครั้งนี้ของผมยังเก็บเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังของ 2 นักบิดไทยมาฝากกัน รายแรกเป็นนักบิดขัดตาทัพอย่าง "แสตมป์" อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ที่ได้ทำหน้าที่ในโมโตทู ชิงแชมป์โลกแทนที่ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ในทีมไทยฮอนด้าสิงห์แซก ซึ่งต้องยอมรับและให้กำลังใจดาวรุ่งวัย 17 ปีนี้ต่อไปครับว่า เส้นทางในระดับโลกนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจริงๆ
โดยเฉพาะเรื่องของประสบการณ์ ,ความมั่นใจ รวมไปถึงเรื่องของสภาพร่างกายและความฟิต ที่จะต้องยืนระยะบิดอยู่หลังมอเตอร์ไซค์ให้ได้ในช่วงเกือบ 1 ชั่วโมงของการแข่งขัน โดยหากสังเกตจาการทำเวลาตั้งแต่รอบซ้อมของแสตมป์เองเห็นได้ชัดว่าเวลาต่อรอบนั้นตามหลังนักบิดหัวแถวอยู่ร่วม 4-5 วินาที ซึ่งถือว่ายังช้าเกินไปกับการแข่งขันระดับนี้
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงสนามชิมลางของเจ้าแสตมป์ครับ ที่จะทำให้เข้าได้รู้ว่าการจะก้าวขึ้นมาบิดระดับโลกนั้นไม่ง่าย ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับเองว่า เขาขับในเมืองไทยหรือขับระดับอาเซียนว่าเร็วแล้ว แต่พอมาเจอพวกขั้นเทพในโมโตทูแต่ละคนนั้นความเร็วมันยกระดับไปอีกขั้นจริงๆ แต่ด้วยอายุที่ยังน้อยก็ต้องให้กำลังใจกันต่อไปว่านักบิดรายนี้จะก้าวขึ้นมาบิดในระดับโลกได้หรือไม่
ส่วนอีกหนึ่งนักบิดไทยที่มีส่วนร่วมที่สนามเซปังในสัปดาห์เดียวกัน ไม่ใช่ใครอื่นครับ เขาคือ"ติ๊งโน้ต" ฐิติพงศ์ วโรกร" ซึ่งเป็นคู่ปรับคนสำคัญบนแทร็กของเจ้าแสตมป์นั่นเอง โดยแฟนหนุ่มของสาวบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แม้จะไม่ได้โอกาสในการแข่งขันระดับชิงแชมป์โลก แต่ก็ได้เข้าแข่งการแข่งขัน มาเลเซียนจีพี รุ่น Superbike 1,000 ซีซี เกรด A
ซึ่งผลคือเจ้าหนุ่มติ๊งโน๊ตที่ใช้รถฮอนด้า ซีบีอาร์ 1,000 ที่แทบจะเป็นตัวสแดนดาร์ดจากการแข่งขันในเมืองไทย และปรับแต่งเพียงกล่องท่อและโช๊คอัพเท่านั้นก็สามารถสร้างชื่อด้วยการนำรถขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นผลงานที่ทำให้ "สาวบุ๋ม" ที่ลงทุนออกงบกว่า 1 แสนบาทนำทีมไปแข่งที่เซปังในครั้งนี้ถึงกับยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว