“ผอ.บัวใหญ่” เดือด ! โชว์เอกสารผลคะแนนตัดสินชิงช้าสวรรค์ว่ามีการทิ้งคะแนนให้ห่างกันจริงหรือไม่ หลัง “เวิร์คพ้อยท์” ทำเฉยไม่ให้คำตอบทั้งที่ร้องเรียนไปแล้ว 1 เดือน ด้าน “ครูเทียม” หนึ่งในคณะกรรมการทั้ง 7 เผย รร.ที่เข้ารอบล้วนเก่งไม่น่ามีคะแนนห่างกันมาก แต่ถ้ามีการให้คะแนนที่ห่างกันเป็น 10 คะแนนหลายเพลงจริง ก็อาจมีผลทำให้ถ่วงคะแนน
หลังจากที่ “บรม เวชสัสถ์” ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังบริษัทเวิร์คพ้อยท์ เพื่อให้ตรวจสอบผลการตัดสินรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ของรายชิงช้าสวรรค์ ซึ่งได้ทำการบันทึกเทปรอบตัดสินไปแล้วเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะพบความผิดปกติในการแข่งขัน และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยหนังสือฉบับดังกล่าวถูกยื่นเข้าไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และขอให้ทางเวิร์คพ้อยท์ได้ตรวจสอบ มีเนื้อหาให้ตรวจสอบการให้คะแนนของคณะกรรมที่มีการกดคะแนน และถ้าคณะกรรมการท่านนี้เชียร์ทีมใด และร่วมตัดสินด้วย ทีมนั้นจะต้องชนะเลิศ , การที่โรงเรียนเทศบาล 5 หัวป้อมนอก หนึ่งในโรงเรียนที่เข้ารอบสุดท้าย ทราบผลการแข่งขันล่วงหน้าทำให้หมดกำลังใจ ไม่ฝึกซ้อม ,ทำไมโรงเรียนเทพมิตรจึงทราบผลการตัดสินก่อน ในขณะที่มีการซ้อมรับถ้วยพระราชทาน
ประกอบกับทางโรงเรียนไปได้เอกสารผลคะแนนการตัดสินรอบเพลงถนัดจากพนักงานคนหนึ่งของบริษัทเวิร์คพ้อยท์ ซึ่งเป็นรอบการตัดสินที่ทางรายการไม่ประกาศผลคะแนนออกอากาศเหมือนรอบเพลงช้ากับเพลงเร็ว ก็ยิ่งทำให้โรงเรียนบัวใหญ่มั่นใจว่า การตัดสินครั้งนี้ควรจะได้รับการตรวจสอบ เพราะมี 1 ในคณะกรรมการทั้ง 7 อันประกอบไปด้วยครูแดน บุรีรัมย์ ,ครูประยงค์ ชื่นเย็น ,ครูเรืองยศ พิมพ์ทอง , ครูชลธี ธารทอง ,ครูลพ บุรีรัตน์ ,ครูสลา คุณวุฒิ และครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่ ให้คะแนนโรงเรียนบัวใหญ่ห่างจากโรงเรียนเทพมิตรที่ชนะเลิศถึงเพลงละ 10 คะแนน ทั้งที่คณะกรรมการท่านอื่นให้คะแนนไม่ต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามทางผอ.โรงเรียนบัวใหญ่ไม่อนุญาติให้นำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่ เพราะกลัวว่าพนักงานที่ให้มาด้วยความไม่ตั้งใจจะเดือดร้อน ซึ่งบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้เคยนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเทปการบันทึกภาพผลการตัดสินการแข่งขันประกวดวงดนตรีลูกทุ่งรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ของรายการชิงช้าสวรรค์ ก็ได้ออกอากาศไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ทางเวิร์คพ้อยท์ก็ยังไม่มีการแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ทั้งที่เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว งานนี้ผอ.โรงเรียนบัวใหญ่ผู้เคยประกาศไว้ว่า จะไม่ให้เรื่องนี้ผ่านไป ก็เลยเอาเอกสารการลงคะแนนของคณะกรรมการในการตัดสิน รอบเพลงเร็ว กับ รอบเพลงถนัดมาเปิดเผย เพื่อให้เห็นว่าคณะกรรมการแต่ละท่านมีการลงคะแนนกันอย่างไร และมีการทิ้งห่างคะแนนกันจริงหรือไม่ พร้อมกับเปิดเผยว่า......
“ทางโรงเรียนได้ยื่นเรื่องไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และต่อมาก็ได้มีการยื่นเรื่องเข้าไปอีกเป็นรอบที่ 2 และได้มีการติดต่อสอบถามเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็สอบถามไปเขาก็ให้คำตอบมาว่า จะส่งหนังสือชี้แจงให้คำตอบแต่ตอนนี้ก็ยังเงียบอยู่เลยครับ”
“ตอนนี้เทปตัดสินรอบเพลงถนัดก็ได้ออกอากาศไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเสาร์(24/มี.ค./55)ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนจะถึงวันออกอากาศเราก็ได้ทวงถามไปแล้ว เพราะเราอยากได้คำตอบก่อนเทปตัดสินใจจะออกอากาศ เขาก็บอกว่าเขาจะส่งผลมาให้แต่เขาก็ไม่ส่งมาให้จนเทปนั้นออกอากาศไปเรียบร้อยแล้ว”
“ซึ่งคะแนนรอบเพลงช้ากับเพลงเร็วก็ได้มีการประกาศออกอากาศไปแล้ว แต่คะแนนรอบเพลงถนัดไม่ได้มีการประกาศคะแนนแต่ประกาศผลการตัดสินเลย และเราก็ไปได้คะแนนตรงนั้นมาจากทีมงานเวิร์คพ้อยท์โดยบังเอิญ และเราก็มาเอามารวมดู ตรวจสอบดูแล้วเราไม่ได้แพ้ ก็อยากจะรู้ว่าตรงนี้มันเป็นเพราะอะไร อยากจะให้เขาให้คำตอบ”
“ครั้งที่แล้วที่ให้สัมภาษณ์เราไม่ได้ให้เอกสารการลงคะแนนของคณะกรรมการแต่ละท่านมาเปิดเผย เพราะมันยังไม่ได้ออกอากาศ และเราได้ยื่นหนังสือทักท้วงไปแล้ว แต่วันนี้รายการออกอากาศไปแล้ว และเขาไม่ให้คำตอบเรา เราก็อยากจะให้คนอื่นได้รู้ว่า เรามีคะแนนดิบรอบเพลงถนัดที่เขาไม่ประกาศผลออกอากาศอยู่ในมือ และมันมีการให้คะแนนแบบนี้เกิดขึ้น ก็อยากจะให้คนอื่นได้รู้บ้าง”
“ซึ่งผลคะแนนดิบที่เราได้มา เราได้คะแนนของรอบเพลงเร็ว ซึ่งรอบนี้ได้มีการเปิดเผยคะแนนเฉลี่ยออกาอากาศไปแล้ว กับ คะแนนรอบเพลงถนัดที่เขาไม่เอาคะแนนมาเปิดเผย”
“ซึ่งคะแนนที่โชว์ออกอากาศไปแล้วในรอบเพลงช้ากับเพลงเร็วนั้น บัวใหญ่ได้คะแนนเฉลี่ยรวมแล้ว 18.1 ส่วนเทพมิตรได้ 18.3 ส่วนคะแนนรอบเพลงถนัดซึ่งเป็นการตัดสินรอบสุดท้าย ผลคะแนนดิบที่ไม่เคยเปิดเผยแต่เรามีอยู่ในมือ มีคะแนนดังต่อไปนี้ ครูแดนให้ เทพมิตร 94 ให้บัวใหญ่ 99 , ครูประยงค์ให้เทพมิตร 89 ให้บัวใหญ่ 99 , ครูเรืองยศให้เทพมิตร 83 ให้บัวใหญ่ 83 , ครูชลธีให้เทพมิตร 99 ให้บัวใหญ่ 88 ,ครูลพบุรีรัตน์ ให้เทพมิตร 90 ให้บัวใหญ่ 90 , ครูสลา ให้เทพมิตร 90 ให้บัวใหญ่ 94 ,ครูเทียม ให้เทพมิตร 87 ให้บัวใหญ่ 94”
“เมื่อรวมเพลงถนัดตรงนี้เทพมิตรได้ 632 คะแนน บัวใหญ่ได้ 647 คะแนน เมื่อหารเฉลี่ยออกมาเทพมิตรได้ 9.03 บัวใหญ่ได้คะแนนเฉลี่ย 9.24 และเมื่อเอาคะแนนเฉลี่ยของเพลงช้ากับเพลงเร็วที่ประกาศผลออกอากาศไปก่อนหน้านี้แล้วมารวมกัน เพลงช้ากับเพลงเร็วเทพมิตรได้คะแนนเฉลี่ย 18.3 เมื่อเอามาบวกกับคะแนนรอบเพลงถนัด 9.03 รวมแล้วทั้ง 3 เพลงเทพมิตรจะได้คะแนนรวมทั้งหมด 27.33 คะแนน”
“ส่วนบัวใหญ่รอบเพลงช้ากับเพลงเร็วได้คะแนนเฉลี่ย 18.1 เมื่อเอามาบวกกับคะแนนรอบเพลงถนัด 9.24 รวมแล้วทั้ง 3 เพลงบัวใหญ่จะได้คะแนนรวมทั้งหมด 27.34 คะแนน เมื่อคิดรวมออกมาแล้วเราไม่ได้แพ้นะครับ เราก็อยากทราบตรงนี้ล่ะครับว่ามันยังไง”
“แต่การคิดคะแนนของทางรายการกลับมีการเอาคะแนนดิบในรอบต่างๆ มารวมกับคะแนนดิบรอบเพลงถนัดอีกครั้งแล้วค่อยไปหารเฉลี่ย ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ เพราะในรอบอื่นไม่ว่าจะเป็นรอบเพลงช้า หรือเพลงเร็ว มีการประกาศคะแนนเฉลี่ยของคะแนนในรอบนั้นๆ ออกไปอย่างชัดเจน แน่จริงในรอบเพลงถนัดก็ต้องประกาศผลออกอากาศออกไปด้วยว่าบัวใหญ่ได้ 9.24 เทพมิตรได้ 9.03 และเมื่อเอาคะแนนเฉลี่ยทั้ง 3 รอบมารวมกันเราชนะนะครับ ส่วนเขาจะเอาอะไรมาหารอีกนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาจะพูดได้”
แต่ถึงทางโรงเรียนบัวใหญ่จะร้องเรียนไปตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เพื่อให้ทางเวิร์คพ้อยท์ตรวจสอบ ก่อนที่เทปตัดสินจะออกอากาศ แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าๆ ก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาจากเวิร์คพ้อยท์ กระทั่งเทปตัดสินได้ออกอากาศไปแล้ว ต่อให้เวิร์คพ้อยท์ตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับมา ก็ไม่น่าจะมีผลต่อการตัดสิน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินได้ เพราะได้ออกอากาศไปแล้ว เรื่องนี้ผอ.บัวใหญ่บอกว่า.....
“อันนี้เราก็ไม่ค่อยสบายใจ รายการนี้มีคนชื่นชมทั้งประเทศและเป็นรางวัลถ้วยพระราชทาน เมื่อเราทักท้วงขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร ทั้งที่เขาบอกว่าจะตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับมา ก็ไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่ เราก็อยากรู้เราไม่สบายใจ ถ้าเขาตอบเราสักนิดเราก็จะได้สบายใจ”
“ถามว่าโกรธเขาไหมก็ไม่โกรธหรอกครับ แต่เราไม่ชอบความที่ไม่ยุติธรรมเราไม่ชอบการกระทำลักษณะอย่างนี้ น่าจะมีความเป็นธรรมให้มันชัดเจนกว่านี้ เราก็พยายามฝึกฝนตัวเองส่งนักเรียนเข้าประกวดในรายการมา 6 ปีแล้ว พยายามพัฒนาตัวเองมาโดยตลอด พอมาเจออย่างนี้ก็ไม่รู้จะยังไงดี”
“สำหรับปีนี้คงจะไม่ส่งแล้ว ถ้ามันเป็นออกมาลักษณะนี้ก็จะไม่ส่งแล้ว เขาเป็นรายการที่ดีแต่มาทำกันอย่างนี้ไม่มีความยุติธรรมและไม่มีความชัดเจน ตอนนี้นักเรียนของเราเขาก็รอคำตอบจากครูบาอาจารย์ รอคำตอบจากเวิร์คพ้อยท์ พอเขาไม่ได้คำตอบจากเรา เขาเป็นเด็กเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขาก็เสียใจบ้างแหละ เพราะทุกคนก็หวังเต็มที่เราทำดีกว่าทุกปี”
“ตอนนี้ก็มีหลายๆ คนที่รู้เรื่องก็โทรมาหาที่โรงเรียนบอกว่าเสียใจด้วย และก็มีหลายๆ โรงเรียนที่เคยไปแข่งขันรายการนี้ก็โทรมา เขาก็มาแสดงความคิดเห็นกับเราว่าเขาเคยเจอมาแล้วแต่เขาไม่เคยพูด เขาเห็นเราพูดเห็นเราผิดหวังก็โทรมาคุยด้วย และล่าสุดที่ทางรายการเริ่มแข่งขันซีซั่นใหม่ก็มีครูบางโรงเรียนโทรมาเล่าให้ฟังว่าได้เจอเหตุการณ์อะไรไปบ้าง”
“ณ วันนี้ก็ยังยืนยันครับว่าเราอยากได้คำตอบจากเขา ก็ไม่รู้ว่าเขาจะให้คำตอบเราหรือเปล่า ไม่อยากจะไปกำหนดว่าจะให้เวลาเขาเมื่อไหร่ เพราะเขาเคยบอกจะให้คำตอบวันนี้ๆ แต่ก็ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย แต่ถ้าเขายังเฉยๆ ไม่ให้มีคำตอบให้เรา เราก็ไม่ทราบ(หัวเราะแห้งๆ) ไม่รู้จะว่ายังไงดี ถ้าเขาจะทำกันอย่างนี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง ถ้าคิดจะทำก็ทำไป แต่ถ้าคิดว่าไม่ดีไม่ถูกต้องเขาก็น่าจะให้คำตอบ ประชาชนทั่วไปสื่อมวลชนก็น่าจะรู้ว่าเขาทำอะไรกันอยู่ ผมว่าคนส่วนมากเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบดูเอกสารที่โรงเรียนบัวใหญ่นำมาเปิดเผยนั้น พบว่ามีเอกสารผลการลงคะแนนดิบของเพลงเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางรายการได้มีการประกาศออกอากาศให้ทราบทั่วไปแล้วว่า ผลคะแนนรวมเพลงเฉลี่ยของทั้งสองเพลง เทพมิตรได้ 18.3 ส่วนบัวใหญ่ได้ 18.1 นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเอกสารผลการลงคะแนนดิบของเพลงถนัด ซึ่งเป็นเพลงที่ไม่ได้มีการประกาศผลคะแนนออกไป
โดยเมื่อบัวใหญ่ได้คะแนนดิบของรอบเพลงถนัดมาจึงได้นำมาคิดค่าเฉลี่ยเอง ทำให้ทราบว่าบัวใหญ่มีคะแนนเฉลี่ยในรอบเพลงนี้ 9.24 ส่วนเทพมิตรได้ 9.03 จากนั้นบัวใหญ่จึงได้นำเอาคะแนนดังกล่าวไปบวกกับคะแนนเฉลี่ยสะสมทั้ง 2 เพลงที่ผ่าน ก็คือ 9.24 + 18.1 = 27.34 คะแนน และเมื่อนำคะแนนเฉลี่ยรอบเพลงถนัดของเทพนิมิตรมาบวกกับคะแนนเฉลี่ยสะสมทั้ง 2 เพลงที่ผ่านมา ก็คือ 9.03 + 18.3 = 27.33 บัวใหญ่จึงเกิดข้อสงสัยว่าตนเองไม่ได้แพ้ เป็นเหตุให้ทำหนังสือยื่นขอความเป็นธรรมให้เวิร์คพ้อยท์ตรวจสอบข้อเท็จจริงของรายการชิงช้าสวรรค์
แต่ถ้าดูคะแนนในช่องคะแนนรวมของเอกสารดังกล่าว จะเห็นว่า การคิดคะแนนเฉลี่ยของรายการชิงช้าสวรรค์กับบัวใหญ่นั้นแตกต่างกัน บัวใหญ่คิดคะแนนเฉลี่ยเพลงถนัดและเอาไปบวกกับคะแนนเฉลี่ยของเพลงช้ากับเพลงเร็ว เมื่อคิดวิธีนี้จะเห็นว่าบัวใหญ่ชนะ
แต่ทางรายการคิดโดยวิธีการ เอาคะแนนดิบทั้งหมดของการแข่งขันรอบเพลงช้า เพลงเร็ว เพลงถนัด มารวมกันแล้วจึงทำการหารค่าเฉลี่ย และเมื่อคิดวิธีนี้จะเห็นว่าเทพมิตรชนะ ด้วยคะแนน 27.4 ส่วนบัวใหญ่ได้ 27.3
ซึ่งการเกณฑ์การคิดคะแนนด้วยวิธีใด ย่อมเป็นสิ่งที่ทางรายการเป็นผู้กำหนด แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่คลางแคลงใจก็คือการให้คะแนนของคณะกรรมการท่านหนึ่ง ที่มีการให้คะแนนเทพมิตรห่างบัวใหญ่ถึงเพลงละ 10 คะแนน ทั้งที่คณะกรรมการท่านอื่นให้คะแนนสูงต่ำไม่ต่างกัน คำถามก็คือมีการเจตนาทิ้งคะแนนให้ห่างเพื่อถ่วงคะแนนกันหรือไม่ เรื่องนี้ “ครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่” หนึ่งในคณะกรรมทั้ง 7 ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เป็นจรรยาบรรณของกรรมการแต่ละท่าน ซึ่งใครจรดปากกาอะไรไว้ก็ต้องตอบคำถามให้เหตุผล และรับผิดชอบในการลงคะแนนของตนเอง
“การที่โรงเรียนบัวใหญ่ร้องเรียนมาก็พอทราบบ้าง แต่จริงๆ การแข่งขันชิงช้าสวรรค์เป็นการแข่งขันของเด็กมัธยมมันก็คือกิจกรรมที่มาประกวดความสามารถก็มาวัดด้วยการใครดีผ่านการเข้ารอบ ใครเยี่ยมได้แชมป์ออฟเดอะแชมป์มากกว่าการที่จะมาเอาแพ้หรือชนะ”
“ครูมองว่าสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ คณะกรรมการมี 7 ท่านซึ่งไม่น้อยเลย และแต่ละคนก็เป็นปูชนียบุคคลเป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนบอกว่าหมดแล้วแผ่นดินนี้มันคือที่สุดแล้ว การตัดสินแต่ละคณะกรรมการเป็นสิทธิ์ของท่านว่า ท่านมองอย่างไร ท่านดูอย่างไร ท่านให้อย่างไร ส่วนตัวครูเทียมเองมีแค่ 1 คะแนน แต่คะแนนนักดนตรีมี 3 คะแนน นักร้อง 3 คะแนน โชว์อีก 1 คะแนน การให้คะแนนแต่ละคะแนนมันอยู่ที่จรรยาบรรณของคณะกรรมการแต่ละท่านนะครับ”
“ซึ่งก็ต้องเคารพในจรรยาบรรณของคณะกรรมการ ในเมื่อการตัดสินมันออกมาแล้วเนี่ยมีการแพ้ชนะ เกมส์ที่มันยากๆ คนเก่งมันมา คนเก่งยิ่งเยอะ รอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์มันเป็นเรื่องของคนเก่งกับคนเก่งมาเจอกัน ฉะนั้นวิธีการจะเหลื่อมล้ำกันนิดเดียว 3 โรงเรียนที่เข้ารอบเนี่ย ใครจะได้แชมป์ก็ได้ คือมันดีทั้งหมดแต่เขาหาแค่คำว่าดีกว่าเท่านั้นเอง”
“สิ่งที่ถูกครหาถูกการร้องเรียนของผู้ที่พ่ายแพ้ก็จะมีเรื่องเล็กๆ ที่เขาติดใจอยู่ อย่างรอบเพลงช้า เพลงเร็ว มีการประกาศคะแนนออกอากาศ แต่รอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายไม่มีการประกาศคะแนนออกอากาศ ตรงนี้ก็สามารถมาขอคะแนนจากเวิร์คพ้อยท์ได้ถ้าอยากดู”
“และพอเขาได้ดูปั๊บเขาก็รู้สึกว่ เอ๊ะ...ทำไมคะแนนคนนี้แตกต่างจากคนนี้ ซึ่งมันอาจจะมีคะแนนของครูบางท่านที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่ในนั้น (มีคณะกรรมการท่านหนึ่งให้คะแนน รร.บัวใหญ่กับ เทพนิมิต แตกต่างกันถึงเพลงละ 10 คะแนนถ้า 3 เพลงก็ 30 คะแนน ในขณะที่คณะกรรมการท่านอื่นให้แตกต่างไม่มากกันนัก) ใช่ครับ อันนี้ผมถึงได้บอกไงว่า ในเมื่อท่านให้ท่านก็ต้องมีข้ออธิบายของท่านเอง เราเองไม่ใช่เอาตัวรอด แต่คณะกรรมการท่านอื่นๆ ให้แตกต่างไม่เกิน 5 คะแนน คือมันจะต่างกันไม่มาก”
ในเมื่อเป็นรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ เอาแชมป์แต่ละฤดูกาลมาแข่งขัน 3 โรงเรียน ซึ่ง “ครูเทียม” เองก็ยอมรับว่า ทุกโรงเรียนล้วนเก่งและดี แค่จะหาคนที่ “ดีกว่า” เท่านั้นเอง และมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คะแนนของทีมที่ชนะเลิศกับทีมที่ได้รองอันดับ 2 จะมีคณะกรรมการท่านหนึ่งและเป็นท่านเดียวที่ให้คะแนนแตกต่างกันเพลงละ 10 คะแนน
“จริงๆ การให้คะแนนในรอบนี้มันไม่ควรแตกต่างกันมาก อย่างของครูสลาให้ต่างกันแค่ 1.5 แต่เราก็ต้องเคารพในความคิดของกรรมการแต่ละคนว่าท่านคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร ซึ่งคะแนนตรงนั้นเราก็ได้ สื่อก็ได้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ผมเป็นเด็กสุดในคณะกรรมการ(ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์) ผมขออยู่ในขอบเขตอยู่ในขอบเขตของผม แต่ถามผมว่าการบัวใหญ่ร้องเรียนมันทำได้ไหมเขามีสิทธิ์ครับ (ห่างกันเป็น 10 คะแนนเขามีสิทธิ์คิดไหม มันเป็นข้อสงสัยได้ไหม) เขามีสิทธิ์ครับ เขาเป็นมนุษย์น่ะ เขาเป็นนักเรียน เขาเป็นครูเขามีทฤษฎีมีภาคปฏิบัติเราก็ต้องเคารพ จะให้ครูเทียมมาวิเคราะห์หนักๆ ขอไม่พูดดีกว่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีคะแนนที่มองเห็นคะแนนที่ประกาศออกอากาศ มันแล้วแต่กลุ่มแฟนแต่ละคนจะมองเห็นว่ามันคืออะไร ผมว่าคนไม่โง่นะ เขามองเห็นหมดว่าคืออะไร”
การให้คะแนนที่แตกต่างกันเพลงละ 10 คะแนน 2 เพลง 20 คะแนน แต่ถ้า 3 เพลงก็ 30 คะแนน มันเป็นสูตรสำเร็จได้ไหมที่จะทำให้อีกทีมไม่มีทางชนะ ต่อให้คณะกรรมการท่านอื่นให้คะแนนชนะก็ตาม
“ถ้าเรามองเรื่องที่มันเหลือเชื่อนะครับ มันถ่วงครับ มันดึงครับ เรารู้วะ เรามองดูก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถามว่าคะแนนออกมาตรงนี้ คณะกรรมการท่านอื่นก็ไม่ได้แฮบปี้นะครับ เพราะคะแนนเหล่านี้มันถูกสื่อเผยแพร่ออกมาแล้ว กรรมการทุกท่านก็เล่นเฟซบุคอะไรมากมายท่านก็เห็น ท่านก็มีการพูดคุยกัน”
ในเมื่อคะแนนออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าคณะกรรมการทั้ง 7 ต้องโดนเหมารวม และถูกตั้งข้อสงสัยในการให้คะแนนว่าเป็นธรรมหรือไม่
“พอคะแนนมันออกมาแบบนี้ ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนปลาข้องเดียวกันนั่นแหละครับ มันก็มีตายก่อนตายช้าตายเร็วแล้วแต่ความแข็งแรง ใครความจริง ใครที่บริสุทธิ์ ใครที่ไม่บริสุทธิ์ มนุษย์เกิดมาเหมือนกันทุกคนรัก โลภ โกรธ หลง ฉะนั้นการทำงานตรงนี้อยู่ที่จรรยาบรรณของท่าน การทำงานแต่ละอย่างใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบงานของตัวเองครับ”
“คะแนนที่คณะกรรมที่ให้คะแนนแบบนั้น ท่านก็ต้องรู้ว่าคืออะไร เวลามีคนถามท่านก็ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงได้ให้คะแนนแบบนนั้น(ได้มีการถามคณะกรรมการท่านนั้นไหมว่าทำไมให้คะแนนห่างกันแบบนั้น) ผมไม่พูดเรื่องนี้ครับ ผมมองตาก็เห็นกันนะครับ แต่เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นเราก็ไม่สามารถเดินไปคุยกับได้ ผมเป็นเด็กครับ”
“ในเฟซก็มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้เยอะมาก แต่ทุกคนก็บอกว่าต้องรับผิดชอบในส่วนของตัวเองไป ถ้ามีคำถามก็ต้องตอบให้ได้นะว่าอะไรเป็นอะไร ทีนี้คะแนนมันออกมาโอเพ่นแล้ว ซึ่งปกติคณะกรรมการแต่ละคนจะไม่รู้นะครับว่าใครให้คะแนนอย่างไร แต่พอบัวใหญ่เปิดเผยคะแนนตรงนี้ผ่านสื่อออกมาทุกคนก็เลยรู้หมดแล้ว ซึ่งผมว่าสิ่งที่เขาร้องเรียนเป็นเรื่องถูกต้องสำหรับเด็กๆ ถ้าเราไปปิดหูปิดตาน้องๆ มันจะเป็นเสรีชนได้ยังไง มันจะเป็นประชาธิปไตยได้ยังไง มันจะบริสุทธิ์ได้ยังไง”
ผอ.บอกว่า ไม่ได้สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ แต่ถ้าคะแนนออกมาแบบนี้ในฐานะที่เป็นครูจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป แล้วครูเทียมในฐานะที่เป็นครูรู้สึกอย่างไร
“ผมโอเคนะครับในการที่จะมีการรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ยื่นไปแล้วผลจะออกมาอย่างไรเขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา สิ่งไหนที่ครูไม่สบายใจก็ต้องทำ สิ่งไหนที่มองว่าไม่เป็นธรรมก็ต้องร้องเรียน เวิร์คพ้อยท์ต้องตรวจสอบว่าคืออะไร วันนี้ผลมันไม่สามารถพลิกอะไรได้ แต่ขอให้มันเป็นเรื่องของวันข้างหน้าที่จะต้องไปรัดกุมยังไง แก้ไขยังไง ทุกคนจะได้สบายใจ”
“แต่โรงเรียนทุกวันนี้ที่เข้ามาแข่งกันก็หวังผลแพ้ชนะกันมากเกินกว่าจะคิดว่าเป็นกิจกรรมของเด็กหรือให้ความรู้เด็ก เพราะผลประโยชน์ตรงนี้มันเยอะถ้าเขาแข่งขันชนะมันได้ชื่อเสียงเขากลับไปใน 1 เดือนมีงานเข้ามา 20 วันเลย ได้เงินค่าโชว์วันละ 1 แสน วันละ 9 หมื่น วันละ 8 หมื่น นี่เป็นสิ่งที่ผมมองเห็นนะ ก็อยากจะให้เขามองแค่เป็นกิจกรรมมากกว่า”
แต่จริงๆ เวิร์คพ้อยท์ก็ได้ผลประโยชน์ตรงนี้กลับไปไม่ต่างกันเหมือนกัน
“มันก็ใช่ รายการก็ได้การขายได้การขายได้อะไรทุกอย่างเข้ามา แต่เราก็มามองเรื่องค่าใช้จ่ายมันก็เยอะไม่ใช่น้อย สปอนเซอร์ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะเยอะแยะอะไรมากมาย บางทีสปอนเซอร์ก็ถอนเหนื่อยครับเหนื่อย แต่ก็โอเคครับสำหรับเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นครู เขาก็ต้องอยากได้ความถูกต้องว่าคืออะไร”
“ส่วนคณะกรรมการในเมื่อคุณจรดปากกาไปแล้วมันคือคำตอบ มันคือสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบนะครับ ถ้าจะเหมารวมคณะกรรมการมันคงไม่ใช่นะครับ คณะกรรมการบางคนก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งตรงนี้นะครับ อย่างครูสลาท่านก็มีงานของท่าน ท่านไม่จำเป็นจะต้องมานั่งตรงนี้ ถ้ามันด่างพร้อยท่านลุกหนีเลยนะครับ หรืออย่างครูเทียมเองที่มาตรงนี้ไม่ใช่เพราะเงิน เพราะเงินมันน้อยมากแต่มาเพราะการได้ให้ความรู้ตรงนี้ไปมันเป็นความสุขที่ได้ให้ ไม่ต้องให้ความรู้มันตายติดตัวเราไป”
“ผมอยากจะบอกว่าเรื่องคณะกรรมตรงนี้ที่มีปัญหามันเป็นเรื่องของรายบุคคลนะครับ เป็นเรื่องของรายบุคคลจริงๆ เขาต้องรับผิดชอบ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น แต่ท่านก็น่าจะมีคำตอบของท่าน”
“และทางเวิร์คพ้อยท์เองก็ควรจะมีคำตอบที่ดีให้กับทางบัวใหญ่ ผมก็คิดกับทางบัวใหญ่เหมือนลูกเหมือนหลานเพราะเขามาแข่งบ่อย ก็อยากจะบอกว่าสิ่งไหนที่เกิดไปแล้ว บัวใหญ่ก็ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ก็อยากจะให้ผู้ใหญ่รอความเป็นธรรมว่าทางคณะผู้จัดเขาจะทำยังไงบ้าง(แต่เทปตัดสินออกอากาศไปแล้ว) มันคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เพราะคำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด”
“แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ ขณะนี้บัวใหญ่ก็ได้ทำหน้าที่ของเขานะ อย่างน้อยก็ได้เป็นอนุสรณ์บอกรุ่นน้องวันข้างหลัง หรือเตือนสติกับผู้ใหญ่ เตือนสติเวิร์คพ้อยท์ว่าวันหน้าวันหลังจะต้องทำยังไง ก็ต้องขอบคุณเขานะที่ไม่ได้นั่งเฉยๆ แล้วร้องไห้ เขาก็ออกมาใช้สิทธิ์ของเขา”
ส่วนเรื่องที่ทางโรงเรียนบัวใหญ่บอกว่า มีคณะกรรมการไปฝึกสอนโรงเรียนที่เข้ามาแข่งขันนั้น “ครูเทียม” บอกว่าโดยมารยาทไม่สมควรแค่เดินเข้าไปในรั้วก็ผิดแล้ว
“โดยมารยาททำไม่ได้เลย เรื่องนี้มีการพูดถึงในเวปไซต์แต่เราไม่เห็นกับตา การที่มาประกวดในรายการจะมีการให้คำปรึกษา หรือโทรมาก็ให้คำปรึกษาได้ แต่ไม่สามารถไปฝึกสอนที่โรงเรียนได้ แค่เข้าไปอยู่ในรั้วโรงเรียนไม่ต้องไปฝึกสอนก็ยังผิดเลยครับ”
“ถ้าไปฝึกสอนให้นี่เลวเลยครับ(อาจารย์เคยได้ยินไหมว่ามีคณะกรรมการไปฝึกสอน) เคยได้ยินครับ ก็มีเรื่องมากมายเข้าหูเรา ผมจะไปการันตีบอกว่าไม่มีเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้ ทุกคนมีหูตามีจมูกรู้ว่าอะไรคืออะไร ผมไม่ปกป้องใคร ผมไม่เอาชื่อตัวเองไปกลางปีกไปปกป้องใคร”
“แต่ผมบอกได้เลยว่า คณะกรรมการทั้ง 7 แต่ละท่านมันสุดแล้วในประเทศไทย ชื่อเขาการันตีด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี เว้นแต่ใครจะทำอะไรผมไม่ทราบ ถ้าเกิดใครมีข้อมูลก็ให้เปิดมาเหอะ บอกมาเลยว่าวันที่เท่านี้คณะกรรมการคนนี้เข้าโรงเรียนนั้นส่งข้อมูลมาเลย”
“แม้แต่ผมเองยังมีคนเอาชื่อไปอ้างเลย ไปอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ครูเทียม ถ้าอยากเข้ารอบต้องจ้างลูกศิษย์ครูเทียมไปสอนเต้น ตรงนี้มันมีเข้ามาหลายรูปแบบ”
เผยควรอุดช่องโหว่การให้คะแนนที่อาจเป็นข้อผิดพลาด
“ในส่วนของคณะกรรมการยังไม่ได้มีการคิดในเรื่องนี้ แต่ในส่วนของโปรดิวเซอร์ทีมงานเขาก็จะมีการแก้ไขอย่างไร แล้วก็จะเอามาปรึกษาคณะกรรมการ แต่คณะผู้จัดก็ไม่ได้เรียนปรึกษาคณะกรรมการทุกท่าน เพราะกรรมการบางท่านก็อยู่ในวัยอาวุโสมากคือขึ้นต้นด้วยศิลปินแห่งชาตินี่ต้องกราบเลยนะ แต่อย่างครูเทียม ครูเรืองยศ ครูสลา จะอยู่ในขั้นตอนของสมองที่เขาจะมาปรึกษา”
“ถามว่าในการตัดสินมันโหว่มีไหม อันนี้ผมไม่แน่ใจเพราะยังไม่มีการปรึกษากัน แต่ถ้าถึงขั้นแข่งกันไปแล้วมีน้องมายื่นมือประท้วงมันก็จะมีหลืบมีอะไรบ้าง แต่อยู่ที่เวิร์คพ้อยท์จะอุดกันเป็นไหม ผมก็ไม่รู้ว่าทางเวิร์คพ้อยท์จะเรียกคณะกรรมการท่านนั้นมาถามหรือเปล่า อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่ทราบจริงๆ แต่มันเป็นสิ่งที่เวิร์คพ้อยท์ควรจะต้องมีการให้คำตอบบัวใหญ่แน่ๆ“
“ผมว่าที่ผ่านมาเขาคงไม่ได้เฉยหรอก น่าจะอยู่ในขั้นตอน ทางเวิร์คพ้อยท์ก็คงจะมีคำตอบให้ ส่วนคณะกรรมการก็ต้องรับผิดชอบผลการตัดสินที่เกิดขึ้นจากปลายปากกาตัวเอง แต่ผมชอบนะที่ทางโรงเรียนเอาคะแนนออกมาให้คนได้เห็น (จะมีการปรับโดยการให้คณะกรรมการยกป้ายโชว์คะแนนเลยไหม คณะกรรมการจะได้ไม่กล้าทิ้งห่างคะแนน) อันนี้เป็นกลยุทธที่จะต้องมีการปรับที่เวิร์คพ้อยท์จะต้องไปคิดต่อ แต่ถ้าถามผมไม่ต้องถึงกับโชว์ก็ได้ แต่ถ้าคะแนนเสร็จปุ๊บควรที่จะแจกทุกโรงเรียน ไม่ใช่ใบเดียวนะ แจกเป็นสิบๆ ใบเลย และมีลายเซ็นคณะกรรมทุกคนเซ็นต์กำกับว่าใครให้ใครคะแนนอย่างไร”
นักเรียน ร.ร.บัวใหญ่ ไหว้ขอความเป็นธรรม วอน “เวิร์คพ้อยท์” ตรวจสอบ “ชิงช้าสวรรค์” ตัดสินไม่โปร่งใส