xs
xsm
sm
md
lg

นักเรียน ร.ร.บัวใหญ่ ไหว้ขอความเป็นธรรม วอน “เวิร์คพ้อยท์” ตรวจสอบ “ชิงช้าสวรรค์” ตัดสินไม่โปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่ขณะให้สัมภาษณ์
“ผอ.-นักเรียน” ร.ร.บัวใหญ่ ร้องรายการ “ชิงช้าสวรรค์” ตัดสินไม่เป็นธรรม หนึ่งในคณะกรรมการมีพฤติกรรมน่าสงสัย วอน “ปัญญา” ตรวจสอบข้อเท็จเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเยาวชนของชาติ

เป็นรายการที่ได้รับความนิยม และได้รับคำชมมากมายเลยทีเดียว สำหรับรายการ “ชิงช้าสวรรค์” ของบริษัท เวิร์คพ้อยท์ เพราะเป็นรายการที่ส่งเสริมเพลงลูกทุ่ง สนับสนุนให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ ผ่านการประกวดวงดนตรีลูกทุ่ง ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีโรงเรียนต่างๆ ส่งวงดนตรีของตนเองเข้าประกวดมากมาย

โรงเรียนบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้ส่งวงดนตรีเข้าประกวดในรายการชิงช้าสวรรค์ มาเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่รายการออกอากาศมา ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนบัวใหญ่ก็สามารถคว้าแชมป์ฤดูกาล และผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ออฟเดอะแชมป์อย่างต่อเนื่อง การแข่งขันดำเนินไปด้วยดีตลอดมา จนกระทั่งในการแข่งขันปี 2554 ที่เพิ่งจะบันทึกเทปตัดสินรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ไป เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งโรงเรียนบัวใหญ่ได้เข้ารอบดังกล่าวร่วมกับโรงเรียนเทพมิตรศึกษา และ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก

แต่ปรากฏว่า ทีมโรงเรียนบัวใหญ่ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 แพ้โรงเรียนเทพมิตร ที่คว้าแชมป์ออฟเดอะแชมป์ ซึ่งเหตุการณ์ในวันบันทึกเทปรอบตัดสินวันนั้น “บรม เวชสัสถ์” ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่ กับ “ครูปิยะ มงคลพงษ์” ครูผู้ฝึกสอนการแสดงให้แก่วงดนตรีโรงเรียนบัวใหญ่ บอกว่า มีสิ่งผิดปกติหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่โรงเรียนเทพมิตร ทราบผลการตัดสินก่อนที่จะมีการประกาศผลก่อน ถึงกับกอดกันร้องห่มร้องไห้ก่อนที่จะมีการประกาศผลด้วยซ้ำ

นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างก่อนหน้าที่จะเข้าสู่รอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ ประกอบกับทางโรงเรียนบัวใหญ่ไปได้เอกสารผลคะแนนการตัดสินมาจากทีมงานคนหนึ่ง ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่า การตัดสินครั้งนี้มีข้อน่าสงสัย จึงได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมส่งไปรษณีย์ไปยัง “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผู้บริหารบริษัท เวิร์คพ้อยท์ ผู้ผลิตรายการ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเลขาของปัญญา เป็นผู้รับเรื่องไว้ แต่เมื่อสอบถามกลับยังไม่ได้รับความคืบหน้าแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่ กับ ครูปิยะ ผู้ฝึกสอนการแสดงให้วงดนตรีบัวใหญ่ ต้องหอบเอกสารดังกล่าวมาเปิดเผยกับบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบ พร้อมกับวอนให้บริษัท เวิร์คพ้อยท์ ช่วยพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง

หลังจากทราบเรื่องบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้เดินทางไปที่โรงเรียนบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสอบถามถึงการร้องเรียนดังกล่าว ซึ่ง “บรม เวชสัสถ์” ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่, เชษฐ์ชาย วรรณประพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบัวใหญ่, อาจารย์ปิยะ มงคลพงษ์ กับ อาจารย์ศิริวัฒนา มงคลพงษ์ อาจารย์ชำนายการพิเศษผู้ฝึกสอนวงดนตรีบัวใหญ่ ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวต่างๆ ว่า......

อ.ปิยะ : “เราส่งเข้าประกวดชิงช้าสวรรค์ตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปัจจุบัน 6 ปีติดต่อกัน ปีที่ 1 เราได้แชมป์ฤดู และรองแชมป์ออฟเดอะแชมป์ ปีที่ 2 เราได้แชมป์ฤดูอีก และได้รองแชมป์ออฟเดอะแชมป์อีกเช่นกัน หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนนักร้องพอปีที่ 3-5 ปีก็เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายทุกครั้ง เราก็ส่งเข้าประกวดรายการนี้ด้วยดีมาตลอดด้วยความอุตสาหะด้วยความตั้งใจ”

“จนกระทั่งปีที่ 6 นักร้องนักดนตรี ทีมงานโชว์ต่างๆ พร้อมจนได้แชมป์ประจำฤดีร้อนของปีที่ 6 (2554) และได้เข้าสู้รอบไขว้ พอรอบไขว้ชนะก็มาแข่งขันรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ แล้วผลการตัดสินที่ได้ออกมันออกมาแบบ....ขัดใจ ขัดใจตัวเอง และก็ทีมงานลูกๆ ทุกคนที่อยู่ในวง ที่ผ่านมาการแพ้หรือชนะทุกแมตช์เรายอมรับสภาพมาตลอดทุกปี แต่มาปีนี้ความพร้อมของเราทำให้เราเชื่อมันว่าจะชนะ แต่ผลที่ออกมาเราได้รองชนะเลิศอันดับ 1”

“ในการแข่งขันแต่ละปีจะมี 3 ฤดู ฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน จะมีการคัดแชมป์ประจำฤดูกับรองแชมป์ประจำฤดูไว้ ฤดูละ 2 ทีม รวม 3 ฤดู ก็จะมีทีมที่เข้ารอบทั้งหมด 6 ทีมด้วยกัน ซึ่งในการแข่งขันครั้งล่าสุดคือปีที่ 6 โรงเรียนบัวใหญ่ของเราก็เป็นแชมป์ฤดูร้อน โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก เป็นรองแชมป์ฤดูร้อน ทางรายการก็จะเอาทีมที่เข้ารอบมาแข่งรอบไขว้กัน คือ เอาแชมป์แต่ละฤดูไปแข่งกับรองแชมป์”

“รอบไขว้เราเริ่มแข่งกันเดือนตุลาคม โดยคู่ที่ 1 โรงเรียนเทพมิตร เป็นแชมป์ฤดูไปเจอโรงเรียนบึงกาฬ รองแชมป์ คู่ที่ 2 โรงเรียนบัวใหญ่ของเราเป็นแชมป์ฤดูไปเจอรองแชมป์โรงเรียนท่าศาลา คู่ที่ 3 โรงเรียนศรีกระนวนขอนแก่นแชมป์ฤดูไปเจอรองแชมป์โรงเรียนเทศบาล 5 หัวป้อมนอก”

“ผลการแข่งขันออกมาคู่แรกโรงเรียนเทพมิตรชนะ คู่ที่ 2 โรงเรียนบัวใหญ่ชนะ คู่ที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอกชนะ ก็ได้ 3 ทีมเข้าสู่รอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ แต่คู่ที่ 2 กับคู่ที่ 3 ชนะโดยการแข่งขันชนะ แต่คู่ที่ 1 โรงเรียนเทพมิตร ชนะบึงกาฬ โดยการชนะฟาวล์ เพราะว่าโรงเรียนบึงกาฬ ไม่มาแข่ง”

“ซึ่งจริงๆ ผมว่าถ้าโรงเรียนสามารถเข้ามาถึงรอบนี้ได้น่าจะเข้ามาแข่งขัน แต่เท่าที่ทราบจากบรรดาผู้ที่เข้าไปแข่งขันกัน ทราบจากทีมงานทำแดนซ์กับครูต่างๆ ที่เจอกัน ทำให้ทราบว่าทีมงานที่ทำโรงเรียนเทพมิตรกับโรงเรียนบึงกาฬเป็นทีมงานชุดเดียวกัน ครูที่สอนดนตรีและสอนแดนซ์ทั้ง 2 โรงเรียนก็เป็นชุดเดียวกัน จากพฤติกรรมมันเหมือนจะบ่งบอกว่าเป็นการยอมแพ้กันง่ายๆ เหมือนกับหลีกทางให้กันเพื่อให้เทพมิตรเข้ารอบชิงแชมป์ออฟเดอะแชมป์ แต่ถ้าดูกันที่ความสามารถเท่าที่ผมเห็น ผมคิดว่าโรงเรียนบึงกาฬน่าจะเหนือกว่า เพราะผมอยู่ภาคอีสานผมจะเห็นโรงเรียนบึงกาฬเวลาแข่งขันเวทีต่างๆ มาตลอด ถ้าแข่งขันกันจริงๆ เขาก็คงจะแพ้โรงเรียนบึงกาฬ”

“ส่วนคู่โรงเรียนบัวใหญ่กับท่าศาลา เราชนะมาอย่างเฉียดฉิวเกือบจะแพ้เทคนิคด้วยซ้ำไป เพราะเพลงที่เราใช้แข่งขันเนื้อเพลงเต็มๆ มันใช้เวลา 6 นาทีแต่รายการให้ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ถ้าเกินจะโดนตัดคะแนน เราก็ใช้วิธีการตัดเพลงออกเพื่อให้เหลือ 5 นาที เราก็ตัดท่อนเนื้อเพลงออกให้สวยงามลงด้วยดีไม่เสียเนื้อหาใดๆ แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นที่ยอมรับของกรรมการท่านหนึ่ง เขาบอกว่าตัดเนื้อเพลงออกทำไม ตัดออกได้ยังไง ทั้งๆ ที่ในการแข่งขันหลายๆ ปีที่ผ่านมาเขาก็ตัดกันทั้งนั้น จนกระทั่งทีมงานต้องมาเคลียร์ว่าสามารถตัดออกได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ต้องหยุดการแข่งขันนานพอสมควรเขาจึงได้ยอมรับและออกมาตัดสินในรายการต่อ ผลที่ออกมาคือเราชนะอย่างเฉียดฉิว”

“ส่วนคู่โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก กับ โรงเรียนศรีกระนวล คู่นี้ไม่มีปัญหาโรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอกเขามาเต็มมากล้นด้วยทีมงาน เป็นที่สังเกตุว่าโรงเรียนเทศบาล 5 หัวป้อมนอกทำงานทุกแมตช์เขาสู้กับโรงเรียนบัวใหญ่ในรอบแชมป์ฤดูร้อน สู้กันจนต้องแข่งขันกันใหม่เพราะเสมอกัน ก็ยอมรับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว และถึงแม้เขาจะเป็นรองแชมป์ฤดูร้อนของโรงเรียนบัวใหญ่แต่มาเจอแชมป์ฤดูฝนอย่างโรงเรียนศรีกระนวล แต่เขาก็สามารถเอาชนะแชมป์อย่างศรีกระนวลได้ ชนะแบบอลังการมากมาย”

“สรุปมี 3 ทีมผ่านเข้าไปสู่รอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ คือ โรงเรียนเทพมิตร, โรงเรียนบัวใหญ่ และโรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก โดยการแข่งขันทั้งหมดจะแข่งกัน 3 รอบ คือ รอบเพลงช้า รอบเพลงเร็ว และรอบเพลงถนัด เริ่มแข่งขันเพลงช้ากับเพลงเร็วไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”

“ผลปรากฏออกมารอบเพลงช้าโรงเรียนที่ทำคะแนนสูงสุด ก็คือ โรงเรียนเทพมิตร 9.1 โรงเรียนบัวใหญ่ 9.0 โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก 8.7 ซึ่งคะแนนเหล่านี้ถูกประกาศออกอากาศ จากนั้นก็บันทึกเทปแข่งขันรอบเพลงเร็วต่อ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอกได้ 9.4 โรงเรียนเทพมิตร 9.2 ส่วนบ๊วยสุดโรงเรียนบัวใหญ่ ได้ 9.1 อันนี้ก็ประกาศคะแนนออกอากาศ และเขาก็เอาคะแนนทั้ง 2 เพลงมารวมกัน โรงเรียนบัวใหญ่ได้ 18.1 โรงเรียนเทพมิตร 18.3 โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอกได้ 18.1 เท่ากันกับบัวใหญ่ สรุปโรงเรียนเทพมิตรศึกษาคะแนนนำอยู่ 0.2 คะแนน”

“พอสัปดาห์ต่อมาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ก็มาแข่งขันรอบสุดท้าย คือ รอบเพลงถนัด ก็แข่งขันกันเสร็จออกมาโดยที่ไม่มีการแจ้งคะแนน ก็คือ ประกาศผลการแข่งขันเลย ซึ่งถามว่าเป็นปกติไหมก็เป็นปกติที่ผ่านมาก็ไม่มีการแจ้งคะแนนในรอบนี้ เขาจะประกาศเลยว่าโรงเรียนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดได้..... และจากนั้นก็ประกาศตำแหน่งชนะเลิศเลย”

“โดยผลออกมาเขาก็ประกาศโรงเรียนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดโรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก และประกาศโรงเรียนที่ชนะเลิศ คือ เทพมิตรศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วในการแข่งขันรอบถนัดนี้เราทำได้ดีที่สุด ด้วยความมั่นใจภาคภูมิใจออกมาสมบูรณ์ คณะกรรมการเวลาคอมเมนต์ออกมาเราก็มั่นใจคิดว่าชนะ แต่ผลออกมาไม่ได้ก็โอเคยอมรับแบบฝืนๆ ออกมา เพราะเขาประกาศไปแล้วทุกอย่างจบก็ร้องห่มร้องไห้กัน”

“แต่เหตุการณ์ตรงนั้นผมรู้ก่อนเด็กว่าเราจะแพ้ เพราะพฤติกรรมของครูศุภฤกษ์ ที่มาช่วยสอนดนตรีโรงเรียนเทพมิตร มีการลุกลี้ลุกลน เขารับโทรศัพท์และก็วิ่งตัดหน้าผมไป วิ่งออกไปข้างนอกสตูดิโอ วิ่งไปในขณะที่แต่ละทีมกำลังซ้อมรับถ้วยอยู่ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินทุกโรงเรียนต้องซ้อมรับถ้วย”

“พอผมเห็นก็ถามว่าไปไหนรีบไปไหน เขาก็ไม่พูดอะไรก็วิ่งออกไป ไม่ถึง 10 นาทีเขาก็วิ่งกลับเข้ามา ผมก็หันไปมอง เขาก็บอกว่าได้เว้ยๆ ได้แล้วๆ เรียกคนโน้นเรียกคนนี้มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนดีใจร้องไห้กันใหญ่ แล้วเด็กนักดนตรีที่ยืนรออยู่ข้างล่าง ถ้ามีการประกาศว่าชนะเลิศจะวิ่งขึ้นไปรวมกับแดนเซอร์ที่อยู่บนเวที ปรากฏว่านักดนตรีเกือบหลวมตัววิ่งขึ้นไปครับ เกือบลืมตัววิ่งขึ้นไปจนได้ดึงกันไว้ ผมหันไปเห็นเขาปุ๊บก็คิดว่าเราแพ้แล้ว”

“ทีมงานทำฉากของผมที่ลงไปกินข้าวที่ห้องอาหารที่อยู่ข้างล่าง ก็วิ่งขึ้นมาหาผมมาถามว่า อาจารย์แพ้แล้วเหรอ ผมก็ถามว่าทำไมรู้ เพราะยังไม่ตัดสิน เขาก็เล่าให้ผมฟังว่าเขาเห็นพวกนั้นเฮกันแล้วที่ห้องอาหาร ผมก็เออ...ก็คิดเหมือนกันแหละ”

“แต่ในใจยังคิดอยู่ว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ ทำไมเขารู้ ไหนในรายการบอกว่าไม่รู้ กรรมการทุกคนจะไม่รู้คะแนนของใครเลย คนที่ไปรวมคะแนน รวมเสร็จแล้วจะไปให้คุณโน้ต(บำเรอ ผ่องอินทรกุล) เป็นคนประกาศ คุณโน้ตจะเป็นคนรู้ผลคนที่ 2 ต่อจากคนที่รวมคะแนน จากนั้นคุณโน้ตถึงได้ประกาศออกมาให้รู้ทั่วกัน แล้วทำไมทีมนั้นเขารู้ผลก่อน อันนั้นเป็นสิ่งที่แคลงใจผมมาก ผมก็ไปแหย่อาจารย์ศุภฤกษ์ (ทีมผู้ฝึกสอนโรงเรียนเทพมิตร)ทำไมรู้เร็วนัก เขาก็ตอบเอ้าแล้วรู้ได้ไง แค่นี้ผมก็จบแล้ว ตอนนั้นเด็กที่อยู่บนเวทีไม่รู้ กองเชียร์ก็ไม่รู้ แต่ผมรู้ ผมเดินมาหาผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่าแพ้เขาแล้วครับ”
อาจารย์ปิยะ อาจารย์ผู้ฝึกสอนกับเอกสารคะแนนลับที่ได้มาด้วยความบังเอิญเป็นชนวนไปสู่การร้องเรียน





นักเรียนทีมวงดนตรีบัวใหญ่ดูเอกสารที่อาจารย์ปิยะได้มา
ผู้อำนวยการและอาจารย์โรงเรียนบัวใหญ่โชว์เอกสารหนังสือร้องเรียน

นักเรียนนักดนตรีของรร.บัวใหญ่วอนเวิร์คพ้อยท์ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผอ. : “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก ก็ผิดหวัง ก็พยายามนั่งให้เป็นปกติ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ครูดนตรีคนหนึ่งที่เขาเป็นคนตัดสินดนตรี เขาได้เชิญครูดนตรีทั้ง 3 โรงเรียนไปถ่ายรูป แล้วครูดนตรีโรงเรียนที่ชนะก็ไปกอดไหล่ครูดนตรีโรงเรียนของเรา กอดแบบมีความดีใจน่ะ แต่ครูดนตรีของเราออกมาแทบจะน้ำตาไหล เดินผ่านหน้าเราเห็นชัดเจนเลยว่า เขาทำกันขนาดนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ประกาศผลเลย แต่เขากอดคอแล้วก็ดีใจแต่ครูดนตรีของเราหน้าตาไม่บอกบุญไม่สบายใจเลย”

“พอรู้เราก็เฉยนิ่งเรานั่งใกล้กับโรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก ผู้อำนวยการโรงเรียนเขาก็นั่งนิ่งเหมือนกัน พอรู้อย่างนี้ก็หมดกำลังใจทุกอย่างไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้”

ครูปิยะ : “พอบอกผอ.เสร็จผมก็นั่งนิ่ง ที่นั่งของผมที่ทางรายการจัดให้นั่งหน้าคู่กับแม่ของน้องน้ำ(นักร้องโรงเรียนบัวใหญ่) กับผอ.กับรองผอ. ผมนั่งไม่ได้ครับ ผมต้องลุกออกไปนั่งทำใจอยู่ข้างหลัง ถ้าสังเกตุจริงๆ จะรู้ว่าผมเหงา พอประกาศผลออกมาผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร ฝั่งโน้นก็ดีใจกัน ทางรายการก็มาเชิญผมไปนั่งข้างหน้าให้ไปแสดงความเสียอกเสียใจกับเด็ก แสดงความรู้สึกอะไรหลายๆ อย่างออกทีวี”

“ในส่วนนั้นเราคิดว่าคงทำอะไรไม่ได้แล้วก็รับสภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ไหนแพ้ชนะอะไรต่างๆ เราก็ยอมรับสภาพไม่เคยประท้วงไม่เคยโวยวายไม่เคยท้วงติงในชีวิตนี้ไม่เคยเลย เราเคยแพ้โนเนมมาเยอะแยะมากมายก็ไม่เป็นไรก็ยอมรับในการตัดสิน เขาก็รับถ้วยกันดีอกดีใจเราก็ร้องไห้ผอ.ผมก็ร้องไห้ด้วย”

ผอ. : “ไม่ได้ร้องครับน้ำตามันไหลเอง(หัวเราะ) เสียดาย เสียความรู้สึกไม่น่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ดูจากการแข่งขันไม่น่าเป็นอย่างนี้ เราน่าจะได้รับความยุติธรรมมากกว่านี้ รายการเขาเป็นรายการที่ดีเป็นรายการที่สร้างสรรค์เยาวชนอย่างยิ่ง แต่กลับมาให้เยาวชนเสียใจอย่างนี้ เราเสียใจที่ไม่ได้รับความยุติธรรม”

น้องน้ำ(นักร้อง) : “วันนั้นพวกหนูก็ทำกันเต็มที่มากๆ คิดว่ายังไงก็น่าจะได้ พอเขาประกาศว่าไม่ได้ก็เสียใจ ส่วนตัวหนูเคยแข่งขันมาเยอะ แพ้ก็เคยแต่ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้มันเสียใจมาก เหมือนกับว่าก็เราทำเต็มที่แล้วมันน่าจะได้ดีกว่านี้ กับนักร้องโรงเรียนเทพมิตรเราก็เคยแข่งขันร่วมกันบนเวทีของยามาฮ่า ซึ่งตอนนั้นหนูก็ชนะเขาได้รางวัลชนะเลิศนักร้องหญิงยอดเยี่ยม ก็ทำให้เรามีความมั่นใจในการแข่งขันครั้งนี้ และวันนั้นพวกหนูก็ทำออกมาได้สมบรูณ์แบบทำได้เต็มที่ แต่พอผลออกมาก็เสียใจ”

ครูปิยะ : “นักร้องเราเหนือกว่าแน่นอน ผมจะเป็นห่วงก็เรื่องของดนตรี แต่ในวันนั้นดนตรีของผมก็ไม่พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว เราก็ได้รับคำชมจากครูดนตรีที่เป็นคณะกรรมการตัดสินด้านดนตรีทั้ง 3 ท่าน ส่วนโชว์ที่เราหวั่นๆ ก็คือแดนซ์แต่ปรากกว่าวันนั้นแดนซ์เราถล่มทลาย แต่ผลออกมามันแพ้ก็โอเคยอมรับเก็บของกลับบ้านเรา”

“แต่ด้วยโชคของผมหรือเปล่าก็ไม่ทราบ มีน้องคนหนึ่งในทีมงานเห็นผมเหงาๆ ก็เข้ามาปลอบผมว่า อาจารย์อย่าเสียใจเลยนะแพ้แล้วก็มาแข่งใหม่ แพ้นิดเดียว ผมก็ครับไม่เสียใจ เขาก็บอกอาจารย์ดูคะแนนไหมล่ะ เขาก็ยื่นผลคะแนนให้ดูเอ้า...อาจารย์ดูนะ ซึ่งแผ่นนั้นเป็นแผ่นที่เขาไม่ได้ประกาศผลคะแนนออกอากาศ”

“พอผมเห็นก็บอกเขาว่า ผมจะจำได้ยังไง ก็เลยเอามือถือของตัวเองมาถ่าย และผมก็เอามาให้ผอ.กับรองผอ.ดู และภรรยาผมที่ทำงานด้วยกันดู พอดูปุ๊บก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว มันทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่า ไอ้ที่เรามั่นใจว่าเราชนะ เราชนะนะครับ เพราะดูคะแนนออกมาแล้วเราไม่ได้แพ้ ถ้าเราไม่เห็นกระดาษแผ่นนี้เราจะยอมรับว่าเราแพ้ไปแล้วจะไม่เกิดการเขียนหนังสือร้องเรียนไปยังเวิร์คพ้อยท์”

“ซึ่งในเมื่อเราได้เขียนจดหมายขอความเป็นธรรมไปนานแล้ว ก็น่าจะมีการตอบกลับมาให้เราทราบบ้างว่า ขอยืนยันในการตัดสินแค่นั้นผมก็อาจจะดีใจล่ะมั๊ง หรือไม่ก็ตอนนี้เรากำลังพิจารณาอยู่กำลังหาหลักฐานอยู่ กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ อะไรก็ได้ตอบผมมาซักหน่อยหนึ่งผมจะได้ชื่นใจ แต่เราก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรมาเลยเงียบ ก็มีการติดตามไปที่เลขาของคุณปัญญาก็ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ถึงบ้าง ผู้หลักผู้ใหญ่ยังไม่เข้ามาบ้าง ยังไม่เจอบ้าง ส่งเอกสารไปตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์”

จากนั้นอาจารย์ปิยะก็ได้โชว์เอกสารผลคะแนนดังกล่าวให้ผู้สื่อข่าวดู แต่ขอไม่ให้นำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่ เพราะกลัวว่าพนักงานที่ให้มาด้วยความไม่ตั้งใจจะเดือดร้อน โดยในเอกสารระบุชื่อของคณะกรรมการที่ทำการตัดสินทั้ง 7 ท่านประกอบไปด้วย ครูแดน บุรีรัมย์ ,ครูประยงค์ ชื่นเย็น ,ครูเรืองยศ พิมพ์ทอง , ครูชลธี ธารทอง ,ครูลพ บุรีรัตน์ ,ครูสลา คุณวุฒิ และครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่ มีการแบ่งการให้คะแนนออกเป็น 3 ประเภทคือ เพลงช้า เพลงเร็ว และ เพลงถนัด ซึ่งเพลงช้ากับเพลงเร็วคะแนนได้ถูกประกาศออกอากาศเป็นที่ทราบกันถ้วนหน้า และคะแนนที่ถูกประกาศออกไปกับคะแนนที่อยู่ในเอกสารดังกล่าวตรงกัน ส่วนคะแนนเพลงถนัดที่ไม่ได้ประกาศผลถูกเก็บเป็นความลับนั้น ครูปิยะพึ่งได้เห็นคะแนนดังกล่าว กล่าวว่า....

“สำหรับเอกสารที่ได้มามีชื่อของอาจารย์ที่ลงคะแนนทั้งหมด 7 ท่าน ก็คือ ครูแดน บุรีรัมย์ ,ครูประยงค์ ชื่นเย็น ,ครูเรืองยศ พิมพ์ทอง , ครูชลธี ธารทอง ,ครูลพ บุรีรัตน์ ,ครูสลา คุณวุฒิ และครูเทียม ชุติเดช ทองอยู่ เราดูคะแนนจากเอกสารที่ได้มารวมกัน 2 เพลงคือเพลงช้ากับเพลงเร็ว เรามีคะแนนเท่ากับโรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก และแพ้เทพมิตรอยู่ 0.2 แต่พอมาดูคะแนนเพลงถนัดปุ๊บ อาจารย์ 7 ท่านให้โรงเรียนบัวใหญ่ชนะ 4 ท่าน เสมอ 2 แต่แพ้ 1 ท่าน แพ้ด้วยคณะกรรมการที่ตัดสินของคณะกรรมการท่านหนึ่ง แพ้อย่างพิศวง แพ้ด้วยคะแนนห่างมโหฬาร ห่างเป็น 10 - 12 คะแนนในแต่ละเพลง”

“เพลงเร็วคณะกรรมการท่านนี้ก็ให้เราแพ้ห่างกับโรงเรียนเทพมิตร 10 - 12 คะแนนเช่นกัน ถ้าเอาคะแนนเพลงถนัดที่เราชนะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนที่ประกาศออกมา แล้วเอาไปรวมคะแนนกับเพลงช้าเพลงเร็วบัวใหญ่ไม่แพ้ครับ แต่ผมมาดูเอกสารที่ได้มากลับมีการนำเอาคะแนนดิบมารวมกับคะแนนที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์อีก ทั้งที่คะแนนดิบเหล่านั้นมีการคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว พอเอาคะแนนดิบกลับมารวมกันอีกเราก็แพ้เขา 0.9”

“ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าถ้ากรรมการที่ตัดสินนักร้องไม่โดดคะแนนของเรากับเทพมิตรห่างกัน 10 - 12 คะแนนขนาดนี้ มันจะไม่เป็นแบบนี้ เราดูเอกสารที่ได้มาจะเห็นว่าคณะกรรมการคนอื่นๆ ทั้ง 6 คน ที่ให้คะแนนจะให้บัวใหญ่ชนะเทพมิตรต่างกันแค่ 4 - 5 คะแนน หรือเทพมิตรชนะบัวใหญ่ก็ไม่เกิน 4 - 5 คะแนน แต่มีคณะกรรมการท่านเดียวที่ให้คะแนนนักร้องทิ้งโดดมาตลอดทั้ง 3 เพลง อย่างถ้าเขาให้ห่างกัน 11 คะแนน 3 เพลง ก็เท่ากับ 33 คะแนน แปลว่าอะไรครับ แปลว่าอะไรก็เอาไม่อยู่ครับ อันนี้เป็นข้อสังเกตครับ

ผอ. “และก็ให้คะแนนโดดอยู่คนเดียว และโรงเรียนเดียว ให้คนนี้(เทพมิตร)ชนะตลอดทั้ง 3 เพลง แต่คะแนนของคณะกรรมการท่านอื่นเป็นแบบ บางเพลงคนนี้น่าจะชนะ บางเพลงคนนั้นน่าจะชนะ มันเห็นชัดเจนและคะแนนก็ไม่ห่างกันมาก แต่คณะกรรมการท่านนี้ปักธงไว้เลยว่า คนนี้ต้องตลอด คนนี้ต้องหนึ่งเดียว”

“และก็มีการให้คะแนนห่างกันเกินไป การแข่งขันรอบนี้เป็นรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ทุกทีมชนะเลิศมาแล้ว ความผิดพลาดมันจะมีน้อยมาก ทุกคนต้องเก่งมากถึงจะมาถึงรอบนี้ มันไม่น่าเป็นไปได้ที่คะแนนจะห่างกันเป็น 10 คะแนนแบบนี้ มันเป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งครับ”

อ.ปิยะ : “คือถ้าผมเป็นกรรมการนะ ให้คะแนนเด็กห่างกันขนาดนี้ แปลว่านักร้องของโรงเรียนบัวใหญ่พึ่งหัดร้องเพลงครับ และคณะกรรมการท่านนั้นก็จะมีการคอมเม้นท์บนเวทีก็ไปที่โรงเรียนนั้น(มีการชื่นชมโรงเรียนเทพมิตรตลอดเวลา) ใช่ครับ คะแนนก็จะให้สูงตลอด”

“พอได้เอกสารตรงนี้มาประกอบกับเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ทำให้เรามานั่งคุยกันกับผู้อำนวยการและตกลงทำหนังสือท้วงติงไปถึงทางรายการ น่าจะเอาผลคะแนนต่างๆ ขึ้นมาดูใหม่อีกทีว่า สมควรหรือไม่ อย่างไร คะแนนที่ให้ไปมันสมควรหรือเปล่า”

จากนั้นผอ.โรงเรียนก็ได้โชว์จดหมายที่ร้องเรียนที่ส่งถึง “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผู้บริหารเวิร์คพ้อย ผู้ผลิตรายการชิงช้าสวรรค์ว่า โดยในเอกสารดังกล่าวมีการระบุคะแนนเฉลี่ยที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในการแข่งขันทั้ง 3 รอบ ดังต่อไปนี้

โรงเรียนบัวใหญ่ เพลงช้าได้ 9.0 เพลงเร็วได้ 9.1 เพลงถนัดได้ 9.2
โรงเรียนเทพมิตรศึกษา เพลงช้าได้ 9.1 เพลงเร็วได้ 9.2 เพลงถนัดได้ 9.0
โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก เพลงช้าได้ 8.7 เพลงเร็ว 9.4 เพลงถนัด 8.9

ซึ่งถ้านำผลคะแนนเฉลี่ยเพลงถนัดที่ระบุในเอกสารที่ทางโรงเรียนได้มา ไปรวมกับผลคะแนนเพลงช้า เพลงเร็ว ที่ถูกประกาศออกไปแล้ว ผลลัพท์ก็คือ โรงเรียนบัวใหญ่ กับ โรงเรียนเทพมิตรศึกษา มีคะแนนเฉลี่ยรวมแล้วเท่ากัน แม้ว่าอาจารย์โรงเรียนบัวใหญ่จะบอกว่า มีคณะกรรมการบางท่านที่ให้คะแนนโรงเรียนเทพมิตรกับโรงเรียนบัวใหญ่ทิ้งห่างกันเป็น 10 คะแนนก็ตาม

ผอ. : “เราเขียนจดหมายไป 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเขียนถึงคุณปัญญา นิรันดร์กุลส่งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555เรื่องขอความเป็นธรรมในการแข่งขันรายการชิงช้าสวรรค์ ที่เราขอความเป็นธรรมไปนั้นคือ 1 การที่คะแนนนักร้องมีการร้องอย่างไพเราะถูกต้องแต่กลับได้คะแนนน้อย คนที่ร้องเก่งไม่มีความไพเราะและไม่ถูกต้องได้คะแนนมากที่สุดทั้ง 3 เพลง แต่ในขณะเดียวกันก็กดคะแนนอีกทั้ง 2 วงนั้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะห่างกันได้”




น้องน้ำ(ขวาสุด) นักร้องวงดนตรีรร.บัวใหญ่กับเพื่อนๆ ในวง
ขณะได้แชมป์ฤดูร้อน 2554
ขณะเข้าประกวดชิงแชมป์ออฟเดอะแชมป์ รอบเพลงช้า เมื่อวันที่ 6 ก.พ.55
ขณะเข้าประกวดชิงแชมป์ออฟเดอะแชมป์ รอบเพลงเร็ว เมื่อวันที่ 6 ก.พ.55
ขณะเข้าประกวดชิงแชมป์ออฟเดอะแชมป์ รอบเพลงถนัด เมื่อวันที่ 12 ก.พ.55
หนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่รร.บัวใหญ่ส่งให้เวิร์คพ้อยท์
“ข้อที่ 2 ที่เป็นที่สังเกตอีกอันหนึ่งก็คือ โรงเรียนเทศบาล 5 วัดหัวป้อมนอก จากที่ได้คุยกับรองนายกเทศมนตรีกับผู้อำนวยการโรงเรียน พอประกาศผลเสร็จเขาก็ได้พูดให้ฟังว่า ทางโรงเรียนได้ทราบผลการแข่งขันมาแล้วว่า โรงเรียนใดจะชนะเลิศ ทีมเขาก็เลยหมดกำลังใจก็เลยไม่ฝึกซ้อม พอถึงเวลาก็มาแข่งขันเพื่อให้จบรายการไปเท่านั้น อันนี้เป็นคำพูดของรองนายกเทศมนตรีที่พูดให้ฟัง ซึ่งเราเจอกันอยู่ทุกแมทซ์ที่มีการแข่งขันกัน”

“ข้อที 3 อยากให้ทางรายการได้สืบหาข้อเท็จจริง กรณีที่ทางโรงเรียนบึงกาฬไม่มาแข่งขันรอบไขว้กับโรงเรียนเทพมิตรศึกษาเพราะอะไร เพราะการไม่มาแข่งขันครั้งนี้ทำให้รายการเสียหายมาก และโรงเรียนที่ไม่มาอาจจะหมดสิทธิ์ในการแข่งขันตลอดไป ก็เสียดายโรงเรียนบึงกาฬที่มีนักร้องนักดนตรีที่มีความสามารถเก่งมาก ก็อยากให้ทางรายการได้สืบหาข้อเท็จจริงว่าทำไมไม่มาแข่งขัน มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่”

“ข้อที่ 4 การแข่งขันทุกปีที่ผ่านมา ทราบจากการบอกเล่าของหลายๆ ท่าน ถ้ากรรมการท่านนี้ที่ให้คะแนนโรงเรียนเทพมิตรโดด มาตัดสินและเชียร์ทีมใดแล้ว ทีมนั้นย่อมประสบความสำเร็จ”

“สุดท้ายเรื่องผลการแข่งขันที่ยังไม่ประกาศ แต่โรงเรียนเทพมิตรศึกษาทราบผลก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นรายการนี้คงไม่เป็นความลับต่อไปแล้ว ใครจะทราบผลก่อนก็ได้ ที่เราขอความเป็นธรรมไปก็มีแค่นี้ เราก็รอความเป็นธรรมอยู่ รอคำตอบ ที่สำคัญอยากให้ทางรายการได้นำเอาเทปที่บันทึกไว้มาดูก่อนว่าคะแนนมันเป็นยังไง ผลมันเป็นยังไง เรื่องคะแนนผลการแข่งขัน ดนตรี นักร้อง แดนเซอร์ มาพิจารณาประกอบกันให้ดีก่อนที่จะนำเทปนี้ออกอากาศออกไป ถ้าออกไปแล้วประชาชนทั่วไปเห็นแล้วมันผิดไปจากความเป็นจริง ทางรายการก็จะเสียหายนะครับ”

“สำหรับเรื่องคะแนนเพลงช้า เพลงเร็ว ทุกคนในสตูดิโอทราบพร้อมกันว่าได้เท่าไหร่ บัวใหญ่ได้ 18.1 เทพมิตร 18.3 เทศบาล 5 ได้ 18.1 พอเราเห็นคะแนนเพลงถนัดในเอกสารที่ได้มา เราก็มาคิดเป็นคะแนนเหมือนที่เขาคิดในรายการ เพลงถนัด บัวใหญ่ได้ 9.2 เทพมิตรได้ 9.0 เทศบาล 5 ได้ 8.9 เมื่อรวมแล้วตรงนี้บัวใหญ่ไม่ได้แพ้เลย ก็ไม่ทราบว่าเราแพ้ได้ยังไงตัดสินได้ยังไง”

ครูปิยะ : “ถ้าเราไม่เห็นเอกสารที่ได้มาตรงนี้เรายอมแพ้ครับ เพราะเราไม่รู้จะเอาข้ออ้างจากไหนมาคิดเป็นคะแนนเพลงถนัดเพราะเราไม่รู้เลย ในการแข่งขันแต่ละปีที่เราแข่งมาทุกปีเราไม่มีข้อสงสัยอะไร แต่ก็มีบ้างที่คิดว่าไม่น่าแพ้นะแต่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปพูดกับเขา แต่พอรอบนี้เรามั่นใจมากที่สุดมากกว่าทุกครั้งที่ส่งเข้าแข่งขันมา พอมาเห็นเอกสารตรงนี้ก็ยิ่งทำให้มั่นใจมากๆ เลย”

“ผมคิดว่าเรื่องนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น คนที่น่าจะเป็นแชมป์ออฟเดอะแชมป์น่าจะเป็นคนที่สมบรูณ์ที่สุดดีที่สุด ประชาชนจะได้ชื่นใจรู้สึกว่าใช่เลย ทางรายการเองก็มีข้อบกพร่องน่าจะมีการโชว์คะแนนทุกครั้งทุกแมทซ์เลย ก่อนจะประกาศผลออกไปน่าจะให้กรรมการนั่งคุยกันก่อน อย่าว่าส่งแล้วส่งเลยประกาศเลยปัญหาจะเกิดขึ้นเช่นกรณีนี้ กรรมการแต่ละท่านไม่ทราบเลยว่าใครให้คะแนนอย่างไรบ้าง ทีมงานไปรวมปุ๊บเอามาประกาศเลยกรรมการบางท่านช็อก”

ที่ผ่านมาโรงเรียนบัวใหญ่ได้ส่งทีมเข้าประกวดทุกปีเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกันแล้วนับตั้งแต่มีรายการชิงช้าสวรรค์เลยทีเดียว ส่วนปี 2555 จะส่งเข้าประกวดอีกหรือไม่ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่า
ผอ. : “ตอนนี้รอคำตอบจากรายการว่าเขาจะตอบเรามาอย่างไร ก็รอความหวังจากเขาแหละ ก็รอให้ความชัดเจน รอให้เขาให้ความเป็นธรรมกับเราว่ามันถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ต้องรอคำตอบจากเขา ถ้าไม่มีคำตอบจากเขาก็อยากขอความเป็นธรรมจากที่อื่นบ้างที่เป็นที่พึ่งกับเราได้ เราคิดว่ารายการนี้เป็นรายการที่ทรงเกียรติอย่างยิ่งมีถ้วยพระราชทานมาให้ ก็ฝากทางผู้ใหญ่ทุกท่านก็ขอให้ความเป็นธรรมกับเราบ้าง สงสารนักเรียน สงสารลูกๆ ทุกคน”

“ในการไปแข่งขันแต่ละครั้งนักเรียน นักร้อง นักดนตรี ทีมงานทุกคนต้องเสียสละทุกอย่าง นอกจากจะเรียนหนังสือแล้วก็ยังต้องไปฝึกซ้อมร้องเพลงซ้อมดนตรีซ้อมเต้น ทุกคนเหนื่อยครูที่ฝึกสอนก็เหนื่อย ค่าใช้จ่ายในการไปแข่งขันแต่ละครั้งนั้นไม่อยากพูดถึงเพราะว่าเราใช้จ่ายมากจริงๆ แต่เป็นการใช้จ่ายเพื่อนักเรียนของเรา เพื่อเยาวชนของเรา บางคนอาจจะมีอาชีพมั่นคงในด้านนี้ก็ได้ อาจจะเป็นนักร้องที่ดี เป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง และก็เป็นเยาวชนที่ดีของชาติต่อไป ถึงจะเสียเงินเสียทองไปมากแต่ก็ภูมิใจที่ทำให้นักเรียนของเราเป็นคนดีนำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียนของเรา”

“ทุกวันนี้เวลาไปไหนก็แล้วแต่ถ้าเขาเห็นรถดนตรีของโรงเรียนบัวใหญ่ เห็นครู หรือเห็นอะไรที่เกี่ยวกับโรงเรียนบัวใหญ่ เขาจะพูดทันทีเลยว่า โรงเรียนชิงช้าสวรรค์ เราก็ภูมิใจที่โรงเรียนของเรามีคนรู้จักทั่วประเทศ และมีคนติดตามการแข่งขันตลอด ไม่ว่าจะไปแข่งขันอะไรก็แล้วแต่จะมีคนโทรถามมาตลอดว่าผลเป็นยังไงบ้าง”

“โรงเรียนของเรานอกจากจะไปแข่งขันในรายการชิงช้าสวรรค์แล้ว ก็มีงานมีกิจกรรมช่วยเหลือส่วนราชการ หรือบุคคลทั่วไปที่ติดต่อให้วงดนตรีของเราไปเล่นในงานต่างๆ โรงเรียนเรารับตลอดในช่วงที่เป็นวันหยุดเราก็ส่งเสริมเด็ก เรียกว่ามีประจำมีตลอดไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือภาคใต้ภาคกลางภาคอีสานเราไปหมดเลย อันนี้ก็เป็นชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของโรงเรียน”

“เราก็มีความภูมิใจเราจะส่งเด็กให้ดีที่สุด ผลจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ถ้ามีความยุติธรรมเราก็ภูมิใจแต่ถ้าไม่มีความยุติธรรมให้กับเรา เราก็เสียใจ ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร ก็ฝากทุกท่านที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะช่วยเราได้ให้เยาวชนให้เด็กได้เห็นความยุติธรรมความถูกต้องที่ดีที่สุด ก็ฝากตรงนี้ไว้ด้วยครับ”

ทางด้านทีมนักเรียนของโรงเรียนบัวใหญ่ไม่ว่าจะเป็น “น้องน้ำ กนกวรรณ วันทะวงษ์” นักร้อง รวมไปถึง แดนเซอร์ , นักดนตรี , ทีมฉาก และกองเชียร์ ก็ได้ไหว้พนมมือวอนขอให้บริษัทเวิร์คพ้อยท์ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นจริงปรากฏ

“น้องน้ำ กนกวรรณ วันทะวงษ์” นักร้องของโรงเรียนบัวใหญ่ที่ผ่านเวทีการประกวดมาแล้วนับร้อยเวที และคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย
“อยากให้คุณปัญญาช่วยดูเรื่องนี้หน่อยนะคะ ช่วยดูความเป็นธรรมของโรงเรียนพวกเราด้วยนะคะเพราะพวกเราก็ทำเต็มที่ อยากให้ดูความเหมาะสมว่าพวกเราควรจะได้แบบไหน อยากให้ดูความถูกต้องน่ะค่ะ ก่อนหน้านี้หนูเคยฝันอยากเป็นนักร้องเพราะการมีชื่อเสียงจะทำให้เรามีเงินมีทองมากมาย แต่เราไม่รู้ว่าเป็นแล้วจะดังหรือเปล่า หนูก็เลยคิดว่าการเรียนก็น่าจะมาก่อน อยากจะเป็นครูค่อยไปประกวดตามเวทีต่างๆ ก็ได้ พ่อกับแม่หนูไม่ได้เป็นข้าราชการ ถ้าหนูเป็นข้าราชการพ่อแม่หนูแก่เฒ่าก็จะได้เบิกได้”

“แต่ก็เคยแอบคิดเหมือนกันว่าการประกวดเวทีนี้ถ้าเราชนะอาจจะทำให้ค่ายเพลงมาสนใจ ก็มีความหวังอยู่บ้าง แต่พอผลออกมาเป็นแบบนี้มันก็เลย.....ความคิดนั้นมันก็เลยหายไปเลยค่ะ ความคิดที่ว่าจะมีค่ายเพลงมาติดต่อก็ไม่หวังแล้วค่ะ เลยคิดว่าเรียนดีกว่า ตอนนี้ก็เลยเตรียมตัวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนครราชสีมา”

“น้องบ๋อม กรรณิกา วิเศษศรี” นักเรียนที่รับหน้าที่เป็นแดนเซอร์ พนมมือไหว้ขอความเป็นธรรมเสียงสั่น
“สวัสดีค่ะหนูเป็นแดนเซอร์วงดนตรีลูกทุ่งโรงเรียนบัวใหญ่นะคะ หนูคิดว่าหนูทำเต็มที่แล้วค่ะ เต้นออกมาไม่มีผิดมีเพี้ยนเลยค่ะ แล้วพอหนูมาเห็นคะแนนในวันนี้มันไม่ยุติธรรมเลยค่ะ(เสียงสั่น) หนูเสียใจมากที่ออกมาเป็นแบบนี้ พวกหนูตั้งใจทำ หวังว่าพวกหนูจะได้ หนูดีใจไว้เลยเพราะคิดว่าต้องได้แน่ๆ พอประกาศผลว่าไม่ได้ก็เสียใจมากเลยค่ะ ร้องไห้เลยค่ะ หมดแรงเลย”

นักเรียนที่รับหน้าที่นักดนตรี
“ในฐานะนักดนตรีคนหนึ่งผมพึ่งได้เข้าไปแข่งขัน ผมพึ่งจะเข้าวงดนตรีแต่ก็รู้สึกดีที่เราได้ทำกิจกรรมร่วมกันมันเหมือนเป็นพี่น้องกัน ก็มีความหวังจะได้แชมป์ ตอนที่อยู่บนเวทีก็นั่งฟังการประกาศผลก็คิดว่ายังไงบัวใหญ่ก็ได้แต่ผลออกมามันไม่เป็นอย่างที่หวัง ทำให้ทุกคนเกือบไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นไปหาพวกแดนเซอร์ ก็อยากฝากให้ทางเวิร์คพ้อยท์ให้ความเป็นธรรมกับโรงเรียนของเราด้วยนะครับ”

นักเรียนที่รับหน้าที่ทำฉากให้กับวงดนตรี
“ผมมีความภาคภูมิใจในความเป็นนักเรียนบัวใหญ่ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามทุกคนทุกท่านจะถามถึงวงดนตรีบัวใหญ่มาตลอด วงดนตรีลูกทุ่งบัวใหญ่ไม่ธรรมดานะครับสร้างชื่อเสียงให้อำเภอและจังหวัดมามากมายครับ และวันที่ผมไปดูการแข่งขันนะครับ ถ้าดูตามสายตาของตนเองมันเปรียบเทียบผลงานที่ออกมาได้เลยครับ เราเห็นว่าเราไม่พลาดเขาก็มีพลาด แต่ถามว่าเขาทำดีไหม เขาก็ทำดีแต่การผิดพลาดของเขามันเยอะกว่าเราครับ”

“เราก็ทำเต็มที่ที่สุด เพราะการไปแข่งแต่ละครั้งไม่ใช่แค่ลงแรง เราต้องใช้เงินไม่น้อยในการไปแข่งแต่ละแมทซ์ เราทำด้วยความตั้งใจ ทำด้วยความรัก เต็มที่ทุกครั้งที่ไปแข่งขัน ผลออกมาแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจครับ ทุกโรงเรียนที่ไปแข่งขันก็คงอยากได้ชัยชนะเหมือนกันฝึกซ้อมหนักเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฝึกซ้อมไปแข่งแล้วได้ ทุกคนก็เหนื่อย แต่ผลงานที่ออมามันแตกต่างกันครับ ดูด้วยสายตาตัวเองก็คิดว่าเราน่าจะได้ตำแหน่งมันน่าจะเหมาะกับเรามากกว่าครับ อยากให้ทางรายการช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับโรงเรียนเราด้วยนะครับ”

นักเรียนที่ไปร่วมเชียร์
“ปกติผมได้ดูแต่ทีวีนะครับดูที่บ้าน แต่พอวันนั้นได้ไปดูของจริงก็คิดว่ายังไงโรงเรียนตัวเองก็ได้ครับ พูดไปก็จะว่าเข้าข้างโรงเรียนตัวเอง แต่ดูจากเนื้อผ้าดูจากผลงานแล้วก็คิดว่าร้อยเปอร์เซ็นต์บัวใหญ่ต้องได้ แต่ผลออกมาพูดอะไรไม่ออกครับน้ำตาซึม ทุกคนที่ไปเชียร์ก็เสียใจ เสียใจกับคุณครูและเพื่อนๆ ในวงดนตรีทุกคนที่ทำผลงานออกมาเต็มที่แล้วแต่ผลตอบลัพท์กลับได้แค่นี้ ก็อยากขอความเป็นธรรมให้กับโรงเรียนบัวใหญ่ด้วยครับ”

อย่างไรก็ตามเอเอสทีวี บันเทิงผู้จัดการ ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทเวิร์คพ้อยท์ โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการเคลียร์กับโรงเรียนเรียบบัวใหญ่ร้อยแล้วตั้งแต่วันที่แข่งขันรอบชิงแชมป์ออฟเดอะแชม์ ส่วนหนังสือร้องเรียนนั้นยังไม่ทราบรายละเอียด ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวจะเป็นอย่างไรทีมข่าวจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

สำหรับเทปบันทึกรายการชิงช้าสวรรค์รอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ปี 2554 ขณะนี้ยังไม่ได้ออกอากาศ ซึ่งคาดว่าจะออกอากาศปลายเดือนมีนาคมนี้


อาจารย์ปิยะพาชมรางวัลเกียรติยศที่วงดนตรีบัวใหญ่ได้รับในการประกวดเวทีต่างๆ

หนึ่งในรางวัลที่ได้รับ

กำลังโหลดความคิดเห็น