xs
xsm
sm
md
lg

“ตี้หลุง” ต่อยมวยไทยใน“สองพี่น้องตระกูลอึด”

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี


“มวยไทย” ได้กลายเป็นศิลปะระดับโลกที่ใคร ๆ ก็รู้จัก และสนใจมานานแล้ว หนังฮ่องกงเองก็เคยหยิบเอาศิลปะป้องกันตัวจากแดนสยามของเรา ไปนำเสนอผ่านจออยู่บ่อย ๆ ที่โดดเด่นน่าจดจำที่สุดก็เห็นจะเป็น “สองพี่น้องตระกูลอึด” หนังจีนเรื่องแรกที่เล่าเรื่องมวยไทยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ

“เดวิด เจียง” และ “ตี้หลุง” ได้รับบทเป็นพี่น้องกันอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ ภายใต้ผลงานการกำกับของ “จางเชอะ” เครื่องหมายการค้าของ “ชอว์บราเดอร์” ยุค 70s นั่นเอง

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่ฮ่องกง เมื่อ “ฟ่านเคอะ” วิศวกรหนุ่มตัดสินใจทิ้งอาชีพที่กำลังรุ่งเรือง เดินทางไปเมืองไทยเพื่อตามหาพี่ชายต่างแม่ ที่พ่อได้สั่งเสียไว้ก่อนจากไป ว่าอยากจะให้ลูกชายสองคนได้พบหน้ากัน แต่เขาทราบเพียงแต่ว่าพี่ชายคนนี้เป็นนักมวยไทย ซึ่งมีรอยสักรูปสมอเรือ และนกพิราบอยู่ที่แขน หนุ่มชาวจีน จึงต้องเข้าไปพัวพันกับโลกแห่งมวยไทย ที่ไม่ได้เป็นกีฬาธรรมดา ๆ แต่เต็มไปด้วยความสกปรก, ผลประโยชน์ และอิทธิพลเถื่อน

“สองพี่น้องตระกูลอึด” หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Duel of Fist เป็นหนังแอ็กชั่นกังฟูของ ชอว์บราเดอร์ ที่จัดอยู่ในระดับ “พอใช้” คือแม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่ภาพรวมของทั้งตัวหนังเรื่องราวและการแสดงก็อยู่ในขั้นที่ว่าสอบผ่าน (ในระดับมาตรฐานของหนังชอว์บราเดอร์) อย่างสบาย ๆ แม้เมื่อเทียบเคียงกับหนังของผู้กำกับคนเดียวกันเรื่องอื่น ๆ แล้วความเข้มข้นถึงพริกถึงขิงจะน้อยไปหน่อย เป็นงานระดับกลาง ๆ ของทุกผู้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับหนัง

แต่สำหรับคนไทยเรา สองพี่น้องตระกูลอึด อาจจะมีความหมายมากไปกว่านั้น เพราะหนังปี 1972 เรื่องนี้ ไม่ได้เพียงเล่าเรื่องเกี่ยวกับมวยไทย แต่ยังถือเป็นภาพบันทึกเมืองไทยในอดีต เป็นงานที่เหมือนสะท้อนเมืองไทยจากสายตาของชาวฮ่องกงในยุคนั้น

ภาพถนนหนทางของกรุงเทพเมื่อ 40 ปีก่อน มีให้เห็นกันอย่างจุใจใน “สองพี่น้องตระกูลอึด” เช่นเดียวกับการเซ็ตฉากจำลองสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงถ่ายภาพยนตร์ที่ฮ่องกง เพื่อสร้างเมืองไทยจำลองขึ้นมาสำหรับการถ่ายทำสไตล์ชอว์บราเดอร์ ไม่ว่าจะเป็นเขตบ้านพักอาศัยในชุมชนแออัด หรือ สนามมวยลุมพินี ที่ทีมงานภาพยนตร์ “ทำใหม่” ขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ถึงแม้ว่าจะดูออกกันชัด ๆ ว่าเป็นของปลอมเถอะ

นอกจากนั้นหนังยังมีดาราชาวไทย “ภาวนา ชนะจิต” ที่มีชื่อจีนว่า “หลิวหลานอิง” ร่วมแสดงเป็นนางเอกอยู่ด้วย แม้จะเป็นนางเอกที่บทน้อยไปหน่อยก็ตาม

แล้วมวยไทยในหนังล่ะ ? ชัดเจนว่าออกมาอย่างพิลึกพิลั่นเสียมากกว่า

เข้าใจว่าหนังยังคงมอบหมายหน้าที่การออกแบบลีลาพะบู๊ด้วยศิลปะป้องกันตัวของไทย ให้กับผู้กำกับคิวบู๊ชาวฮ่องกงเหมือนเดิม อาจจะมีคนไทยมาเป็นที่ปรึกษาให้บ้าง แต่ก็คงไม่ได้ช่วยให้ท่าทางต่อยตีทั้งบนเวทีมวย และนอกสังเวียนรอดพ้นจากความพิกลพิการไปได้ เหมือนเป็นการเลียนแบบการออกหมัดเท้าเข่าศอกกันอย่างผิวเผิน ที่ถ้าไม่ได้ใส่ชุดมวยแล้วก็แทบจะดูไม่ออกเลย นี่น่ะนะคนไทย

ในหมู่นักแสดงชาวฮ่องกงก็มี “ตี้หลุง” ที่รับบทเป็น “เลิศ” นักมวยลูกครึ่งไทยจีนนี่แหละที่ดูตั้งใจที่สุด ทั้งท่ามวยและการรำมวยที่ดูตั้งใจ จนออกพอรับได้ที่สุด ส่วนดาราดาวร้าย “กุ๊ฟง” ที่สวมบทนักมวยสุดโหดฆ่าคู่ต่อสู้ตายบนเวทีนั้น มาพร้อมกับลีลาทรงมวยสุดยียวนบิดไปก็บิดมา เป็นมวยไทยที่คนไทยอาจจะถึงขั้นรับกันไม่ได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น