xs
xsm
sm
md
lg

สองพี่น้อง สองแบบภาวะผู้นำ หนึ่งผลลัพธ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ภาวะผู้นำในการบริหารประเทศหรือบริหารองค์การอาจมีหลากหลายแบบ แต่ละแบบส่งผลต่อความสำเร็จของการปฏิบัติงานแตกต่างกัน รูปแบบภาวะผู้นำบางอย่างอาจใช้ได้ดีโดยมีข้อจำกัดด้านบริบทน้อย เช่น ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ขณะที่บางรูปแบบอาจใช้ได้ดีในบางบริบท แต่อาจไร้ประสิทธิผลอย่างสิ้นเชิงเมื่อบริบทเปลี่ยนไป เช่น ภาวะผู้นำแบบมีส่วนร่วมใช้ดีเมื่อผู้ตามมีปัญญาและความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน แต่จะไร้ประสิทธิผลหากผู้ตามมีความจำกัดด้านปัญญาและไม่รับผิดชอบ

แต่จากการเฝ้าสังเกตผู้นำในสังคมไทย ผมพบปรากฎการณ์อย่างหนึ่งเกี่ยวกับภาวะผู้นำของประเทศ นั่นคือมีภาวะผู้นำสองแบบซึ่งมีคุณลักษณะความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการบริหารปกครองประเทศ แต่ทว่ากลับสร้างผลลัพธ์จากการบริหารเหมือนกันนั่นคือความเสียหาย ล่มสลาย หายนะของประเทศ หากประเทศใดก็ตามได้ผู้นำทั้งสองแบบนี้บริหารประเทศ ในท้ายที่สุดประเทศนั้นก็อาจจะพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเหมือนกัน

ภาวะผู้นำดังกล่าวมีเกณฑ์การพิจารณาสองประการคือ คุณลักษณะด้านความฉลาด และคุณลักษณะการใช้อำนาจ คุณลักษณะด้านความฉลาดเป็นความสามารถในการมองภาพรวมของประเทศ สามารถกำหนดทิศทางการพัฒนาของประเทศได้ เป็นผู้ที่สามารถเข้าใจและจับใจความสำคัญของประเด็นปัญหาต่างๆได้รวดเร็ว มีความคิดสร้างสรรค์ค้นคว้าหาแนวทางใหม่ๆในการบริหารประเทศ ส่วนคุณลักษณะการใช้อำนาจเป็นความกล้าในการใช้อำนาจเพื่อจัดการกับความขัดแย้งภายในองค์การหรือการปฏิบัติงาน และความกล้าเสี่ยงในการทำสิ่งที่ผู้อื่นคาดไม่ถึงเพื่อจัดการกับการคุกคามหรือเพื่อการพัฒนา

ผู้นำประเทศคนแรกซึ่งเป็นพี่ชาย เป็นคนที่มีความฉลาดเฉลียว เข้าใจกลไกและเครือข่ายความสัมพันธ์ในสังคมไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากเข้าไปสัมผัสเส้นสนกลในการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเป็นนายตำรวจติดตามนักการเมือง ประสบการณ์ที่เขาสัมผัสการเมืองอย่างยาวนานทำให้เขาสะสมเล่ห์เหลี่ยมได้หลายเล่มเกวียน อีกทั้งยังเข้าใจความต้องการหรือกิเลสของคนไทยจำนวนหนึ่งซึ่งมากเพียงพอที่ทำให้ตนเองก้าวขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศได้ ผู้นำคนนี้เมื่อฟังใครนำเสนอรายงานเขาก็เข้าใจและจับประเด็นสำคัญได้อย่างรวดเร็ว และสามารถนำไปพูดต่อได้โดยไม่ต้องอ่านสคริปใดๆ

ส่วนผู้นำประเทศที่เป็นน้องสาวของเขา ยังไม่ปรากฏสัญญาณใดๆที่บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดของเธอ บางทีอาจจะมีอยู่ แต่คงดำรงอยู่ในระดับลึกซ่อนเร้นอยู่ภายในจนผู้คนทั่วไปไม่อาจสังเกตได้ คนจำนวนมากจึงสรุปว่าคุณลักษณะด้านความฉลาดของเธออยู่ในมิติที่ตรงข้ามกับพี่ชาย แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจบริบทที่เธอเติบโตมา ด้วยความเป็นน้องคนเล็ก เธอจึงได้รับการฟูมฟักเป็นอย่างดี หนทางในการดำเนินชีวิตของเธอ ได้รับถากถางและปูทางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เธอได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากพี่ชายให้เป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนตั้งแต่อายุยังไม่มาก เธอไม่ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกับที่พี่ชายเธอเคยพบมา จึงทำให้ความเข้าใจสังคม การเมืองและการพัฒนาประเทศมีอยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำความเข้าใจเรื่องราวความซับซ้อนของปัญหาได้ไม่ดีนัก เธอจึงต้องพึ่งพาคนอื่นเขียนบทให้พูด อันที่จริงเรียกให้ถูกคือการอ่าน แต่ดูเหมือนไม่ราบรื่นเท่าไรนักเพราะเธอไม่เข้าใจประเด็นที่อ่านอย่างกระจ่างแจ้งนั่นเอง

ภาพที่ตัดกันของคุณสมบัติด้านนี้คือ ผู้นำผู้พี่ดูมีความฉลาดและเต็มเปี่ยมไปด้วยเล่เหลี่ยมห์ ขณะที่ผู้น้องอยู่ในด้านตรงข้ามคือมีความจำกัดของความฉลาดและดูไร้เดียงสาทางการเมืองและการบริหารประเทศ

สำหรับการใช้อำนาจ ผู้นำผู้พี่กล้าใช้อำนาจเด็ดขาด จนบางครั้งกลายเป็นอำมหิต โดยไม่หวั่นเกรงกับผลกระทบใดๆที่ตามมา กล้าจัดการกับความขัดแย้งภายในองค์การหรือพรรคของตนเอง กล้าเสี่ยงในการนำวิธีการใหม่ๆมาใช้ในการบริหารประเทศ กล้าละเมิดประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของสังคมไทยโดยไม่ใส่ใจกับความรู้สึกของผู้คน กล้าแม้กระทั่งละเมิดกฎหมายโดยให้สินบนแก่ผู้มีอำนาจหน้าที่เพื่อให้ตนเองได้พ้นความผิด กล้าใช้วิธีการซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนเองได้กลับเข้ามามีอำนาจ กล้าทำลายล้างสังคมหากสังคมไม่ตอบสนองความต้องการของตนเอง และกล้าขจัดคนที่ขวางทางและไม่ตอบสนองผลประโยชน์ของตนเองออกไป

ด้านน้องสาว ดูเหมือนจะอ่อนนิ่ม เกรงอกเกรงใจผู้คน ไม่กล้าใช้อำนาจในการจัดการความขัดแย้งใดๆ หรือจัดการกับปัญหาวิกฤติการณ์อย่างเหมาะสม ปล่อยปละละเลยปัญหาต่างๆจากปัญหาเล็กๆพัฒนากลายไปสู่ปัญหาใหญ่ การตัดสินใจของเธอเป็นไปด้วยความล่าช้าและขาดประสิทธิภาพ ไม่ทันเหตุการณ์ การสั่งการณ์หน่วยงานราชการก็ยังไม่มีความชำนาญ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการรอคำปรึกษาแนะนำจากพี่ชายผู้อยู่แดนไกลว่าควรตัดสินใจอย่างไร ควรทำเรื่องใดก่อน เรื่องใดหลัง

ในมิติของการใช้อำนาจเราจึงเห็นลักษณะสุดขั้วของผู้นำสองพี่น้องคู่นี้ ผู้พี่เป็นคนที่ใช้อำนาจอย่างบ้าบิ่น มัวเมา และล้นเกิน ขณะที่ผู้น้องใช้อำนาจอย่างอ่อนนิ่ม กระพร่องกระพร่อง และขาดๆ หายๆ

รูปแบบภาวะผู้นำสองแบบที่แตกต่างตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงอันได้แก่ ภาวะผู้นำแบบเล่ห์เหลี่ยมคลั่งอำนาจ กับ ภาวะผู้นำแบบตื้นเขินและอ่อนนิ่ม กลับส่งผลลัพธ์ต่อสังคมไทยไม่แตกต่างกัน นั่นคือต่างก็นำสังคมไทยก้าวไปสู่ความหายนะเหมือนกัน

ผู้นำผู้พี่มีส่วนสำคัญในการทำลายวิธีคิดและวิถีชีวิตในการพึ่งตนเองของประชาชนรากหญ้า ให้กลายมาเป็นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ส่งเสริมให้คนไทยติดการพนันเพิ่มขึ้นด้วยการออกหวยที่เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย ทำลายความเป็นเอกภาพเชิงอัตลักษณ์ของผู้คนในสังคมไทยให้กลายเป็นความแตกแยก ขัดแย้งแบ่งเป็นขั้ว เป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้งในการแบ่งแยกดินแดนให้รุนแรงยิ่งขึ้น เป็นผู้ที่ทำให้ประชาธิปไตยตายซากเหลือแต่เปลือกที่แห้งกรัง เป็นตัวการสำคัญอันนำไปสู่เหตุการณ์จลาจล ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนย่อยยับอัปรา เพียงเพื่อให้ตนเองและกลุ่มที่ตนเองหนุนหลังกลับเข้ามายึดครองอำนาจรัฐ

ขณะที่ผู้นำผู้น้อง ด้วยความตื้นเขินและอ่อนนิ่ม จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการมวลน้ำอันมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิผล ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมทำลายล้างสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองและผู้คนในวงกว้างทุกระดับชนชั้นไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่าอยู่ในภาคเกษตรหรือภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะอยู่ชนบทหรือเมือง ไม่ว่าจะอยู่กรุงเทพหรือต่างจังหวัด พื้นที่ใดหากไร้นักการเมืองใหญ่ที่ผู้นำคนนี้เกรงใจปกป้อง ก็จะได้รับความเสียหายอย่างเสมอภาคเสมอหน้ากัน

ความหายนะเกิดขึ้นในสังคมไทยแทบทุกด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ความเสียหายมีมูลค่ามหาศาลนับล้านๆบาท บ้านเรือน ทรัพย์สิน โรงงานอุตสาหกรรม ไร่นาถูกทำลายจนพินาศ มีคนตกงานหลายแสนคน ด้านสังคมเกิดความแตกแยกระหว่างประชาชน ความเกลียดชังของคนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงกันในภาคกลางเพิ่มมากขึ้น อาชญากรรมระบาดทั่วทุกหัวระแหง ผู้คนจำนวนมากมีความเครียดเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การทำลายชีวิตตนเองในอนาคต

ซ้ำเติมด้วยความไม่เอาไหนในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ซึ่งดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมและสองมาตรฐานในการกระจายสิ่งของบริจาค ใครเป็นเสื้อแดงได้ก่อนและได้มาก ส่วนใครไม่ใช่เสื้อแดงได้ทีหลังและได้น้อย แม้แต่ ส.ส.ที่อยู่ในพรรคเดียวกันแต่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ยังออกมาฟ้องสื่อมวลชนถึงความไม่เป็นธรรมนี้

แม้ว่าสองพี่น้องคู่นี้มีภาวะผู้นำคนละแบบไม่เหมือนกันเลย แต่แบบของภาวะผู้นำที่พวกเขาใช้ในการบริหารประเทศกลับทำให้เกิดผลลัพธ์เหมือนกัน นั่นคือการสร้างความหายนะแก่สังคมไทยอย่างเหลือคณานับ

กำลังโหลดความคิดเห็น