xs
xsm
sm
md
lg

กลับบ้านไปถามแม่ว่ามีมั้ย?/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

ผ่านเลยวันแม่(แห่งชาติ) 12 สิงหาฯ มาได้สาม-สี่วัน แล้ว ขอเขียนถึงแม่สักหน่อยคงไม่ถือว่าเชยเกินไปนะครับ

อาจจะไม่เคยได้รางวัล "แม่ดีเด่น" มาจากสถาบันอะไรเลย แต่ในความรู้สึกของผม แม่ผมเป็นที่หนึ่งสุดยอดเลยครับ (เชื่อว่าลูกทุกคนก็ต้องคิดแบบนี้กับผู้เป็นแม่ของตนเอง)

ด้วยค่านิยมของคนโบราณ เพราะความที่เป็นลูกผู้หญิงแม่ผมเลยมีโอกาสได้เรียนแค่ชั้น ป.4 ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับเมื่อสมัยก่อน ก็เรียกว่าพอจะอ่านออกเขียนได้เท่านั้น

งานที่แม่ผมทำมากว่า 30 กว่าปีจนถึงตอนนี้ก็คือการเป็นคนงานในโรงงานทอกระสอบ มีค่าตอบแทนในระดับค่าแรงขั้นต่ำมาโดยตลอด (เริ่มจากวันละ 18 บาทและปรับเพิ่มมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันอยู่ที่วันละ 193 บาท) ซึ่งนับตั้งแต่จำความได้ แม้จะมีแม่คนเดียว แต่แม่ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่น ตนเองมีปมด้อยเพราะไม่มีพ่อแต่อย่างไร

ตั้งแต่ถูกทิ้งไปเมื่อครั้งที่ยังตั้งท้องผมอยู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ผมไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลยครับว่าต้องการที่จะมีคู่ครองใหม่ ทั้งที่หน้าตา(ย้อนกลับไป20-30ปีที่แล้ว)ก็ใช่จะขี้เหร่ เป็นสาวแสนขยันประจำหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ แถมหนุ่มที่มาแอบชอบก็ใช่ว่าจะไม่มี (แม่เล่าให้ฟังไม่รู้ว่าท่านโม้หรือเปล่านะครับ 555)

ไม่เคยถามเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่เชื่อว่าท่านคงจะกังวลว่าถ้ามี...เอ่อ เรียกตามภาษาชาวบ้านเลยนะครับ คือถ้ามีผัวใหม่(แล้วเกิดมีลูกด้วยกัน) ท่านคงเกรงว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะทำไม่ดีกับผมซึ่งต้องกลายสถานะเป็นลูกเลี้ยงอะไรทำนองนี้ก็เป็นไปได้

การมีชีวิตโดยไร้คู่ครองมานานกว่า 30 ปีของแม่ ทำให้ผมเชื่อว่าบางทีเรื่องเซ็กส์ เรื่องบนเตียงก็หาใช่สิ่งสำคัญขององค์ประกอบที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่าครอบครัวเป็นครอบครัวที่อบอุ่น-สมบูรณ์เสมอไป

อันที่จริง หลังจากที่รู้สึกว่าตนเองโตพอที่จะคิดอะไรได้แล้ว ผมเองก็เคยแอบลุ้นนะครับว่าอยากให้แม่มีความรักแบบหนุ่มสาวกับเขาบ้าง ชีวิตจะได้ไม่มีสีสัน ไม่เหงา

เพราะนับตั้งแต่ต้องเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 อาทิตย์หนึ่งเจอหน้ากันก็วันสองวัน ยิ่งหลังจากที่ต้องทำงานด้วยแล้ว เดือนหนึ่งนับรวมได้อยู่ด้วยกันสักสามวันก็เก่งแล้วครับ แถมเวลาเจอกันหลังๆ ก็ไม่ค่อยจะได้พูดจาโอภาปราศรัยกันสักเท่าไหร่

ซ้ำร้ายเถียงทะเลาะกันก็มี

รู้ว่ารัก ก็รู้ว่าท่านห่วงนั่นแหละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอายุของคนเป็นลูกที่จะ 35 อยู่รอมร่อ แต่ชีวิตดูเหมือนจะยังไม่รู้ว่าจะไปเหนือหรือล่องลงใต้ ทำงานใช้เงินกินดื่มไปวันๆ ทว่าบางทีมันก็อดคิด อดรู้สึกไม่ได้เหมือนกันนะครับว่าจะห่วงอะไรนักหนา-เอาตัวรอดได้น่า, ไม่มีรถขับ-แท็กซี่ รถเมล์ก็มีน่า, ไม่รวยไม่เด่นไม่ดัง-แต่ก็ไม่ใช่คนเลวคนเห็นแก่ตัวที่จะไปโกงคนอื่นเหมือนพวกนักการเมืองชั่วๆ ตำรวจเลวๆ, ทำไมไม่มีแฟนเสียที-เหงาบ้าง แต่เดี๋ยวมันก็มีเองแหละน่า

จะมารักจะมาห่วงอะไรนักหนา ห่วงตัวเอง รักตัวเองบ้างก็ได้

แต่แม่ก็คือแม่ครับ

การที่แม่หลายๆ ท่านปฏิบัติกับลูก จนบางครั้งบรรดาลูกๆ เองอาจจะรู้สึกว่าจะบ่น จะห่วง จะอะไรนักหนา กระทั่งก่อเกิดเป็นความรู้สึกน่ารำคาญ น่าเบื่อ ไม่อยากพูดด้วย ฯ แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ท่านเห็นลูกตัวเองของท่านไม่ว่าจะโตขนาดไหนเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ซึ่งตรงนี้ผมว่าคนที่เป็นลูกๆ ทุกคนก็เข้าใจในความรักความรู้สึกปรารถนาดีของท่านแหละครับ เพียงแต่ในบางครั้งมันก็อาจจะต้องรอให้มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างมีกระตุ้นเตือนกันความรู้สึกที่ว่าถึงจะกลายเป็นรูปธรรมขึ้นมา

อย่างที่เคยบอกเล่าผ่านคอลัมน์นี้ไปแล้วครับว่า เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาผมประสบอุบัติเหตุที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทันทีที่รู้เพราะทางโรงพยาบาลโทรไปบอก แม่บอกผมในภายหลังว่าเกือบช็อกตาย!

แม้จะไม่รุนแรง แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นก็ทำให้แขนขวากับขาซ้ายเดี้ยงจนต้องกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านที่สระบุรีนานร่วม 2 สัปดาห์

ช่วงนั้นแม่ต้องลางานมาดูแล คอยหาข้าว หาน้ำให้ ซึ่งนอกจากปัญหาการหากินเองไม่ได้แล้ว อุปสรรคอีกประการหนึ่งที่ใหญ่โตมากสำหรับผมซึ่งเป็นคนขี้ร้อนเอามากๆ ก็คือเรื่องของการอาบน้ำ

เพราะผมไม่สามารถถอด-ใส่เสื้อผ้า ฟอกสบู่ ถูตัวด้วยตนเองได้ หน้าที่ดังกล่าวก็ตกเป็นภาระของแม่อีกเช่นกัน

แรกๆ ก็เขินอายแหละครับที่จะต้องมาเปลือยกายล่อนจ้อนให้แม่อาบน้ำ ถูหลังให้ จนแม่ต้องเอ่ยปาก..."กูเห็นของมึงมาตั้งแต่เด็ก ยังจะมาอายทำไม"

บอกกล่าวเล่าสู่กันฟังก็ไม่ได้ต้องการจะมาชวนกันให้เกิดความซาบซึ้งพระคุณแม่ตามกระแสอะไรกันหรอกครับ เพราะสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าทุกคนต่างก็รู้สึกและมีอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นให้ใครต้องมาบอก แต่ที่เขียนเล่าเรื่องตนเองก็เพราะอยากจะกระตุ้นเตือนความรู้สึกของคนที่เป็นลูกๆ กันเอาไว้ว่าถ้าใครรู้สึกเบื่อแม่ รำคาญแม่ที่พูดมาก (หรือจะเป็นพ่อเองก็ตาม) ซึ่งจริงอยู่ที่ท่านอาจจะเป็นเช่นนั้นก็จริงแต่ก็ให้เข้าใจไว้ว่าเพราะอะไร

ลองนึกถึงภาพความยากลำบากของท่านในการตั้งท้องเรา เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เราตอนเด็กๆ ก้มหน้าก้มตาหาเงินเลี้ยง ส่งเราเรียนหนังสือ จะได้ไม่ไปแสดงท่าทางฮึดฮัดหรือออกปากต่อล้อต่อเถียงกับท่าน จนทำให้เกิดรอยร้าวเล็กๆ สะสมลุกลามใหญ่โตอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

ที่สำคัญสำหรับพวกที่อกหัก รักคุด ถูกแฟนทิ้งแล้วฟูมฟายจะเป็นจะตายตีโพยตีพายว่าทำไมถึงไม่มีใครรักตนเอง ทำไมตนเองจึงไม่มีใครรัก

ลองกลับบ้านไปแล้วถามแม่ดูสิครับว่ามีมั้ย?
กำลังโหลดความคิดเห็น