xs
xsm
sm
md
lg

“อั๋น” กราบขอโทษระเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว รับ รู้สึกแย่ที่ทำตัวแบบนั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อั๋น” กราบขอโทษที่ระเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว เผย ไม่พอใจโดนจี้ถามเรื่องส่วนตัวหลายรอบ พร้อมยอมรับที่ด่าไร้จรรยาบรรณพูดแรงเกินไป บอก รู้สึกแย่ที่ทำตัวแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่ควร เจ้าตัวโต้ไม่ได้ขู่นักข่าว แต่ที่ชี้ใส่กล้องแค่ต้องการขอร้องไม่ให้เอาภาพตอนเม้งออกอากาศ เพราะกลัวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเท่านั้นเอง ลั่น อยากให้จบเพราะไม่อยากทำลายอนาคตของอีกฝ่าย

กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากทีเดียว สำหรับกรณีที่ “อั๋น วิทยา วสุไพศาล” พระเอกจากละครชื่อดังเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ไประเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว ในงานแถลงข่าวประกาศผลผู้เข้ารอบรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 2 ณ หอประชุมกองทัพบก เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวไม่พอใจที่โดนถามถึงฉากหวือหวาในละครดอกส้มสีทองที่กำลังโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในตอนนี้ กับประเด็นที่ต้องเข้าฉากเลิฟซีนกับสาว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” บ่อยๆ แฟนตัวจริงว่าอย่างไรบ้างหรือเปล่า ทำให้หนุ่มอั๋นโมโหก่อนจะจวกใส่หน้าว่าสื่อไร้จรรยาบรรณ ทั้งยังเดินไปชี้ใส่กล้องที่กำลังถ่ายอยู่ พร้อมสั่งห้ามไม่ให้นำภาพดังกล่าวออกอากาศ จนกลายเป็นประเด็นที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา หนุ่มอั๋นได้ไปร่วมงานพบปะแฟนคลับของนิตยสาร F3 ที่ร้านบางกอกบาร์ เอกมัยซอย 2 เจ้าตัวก็เลยถือโอกาสเคลียร์ตัวเอง โดยบอกว่าได้พยายามระงับอารมณ์แล้ว แต่รู้สึกไม่พอใจที่โดนถามเรื่องส่วนตัวหลายๆ รอบจนฟิวส์ขาด แต่ยืนยันไม่ได้เหวี่ยง

“เหตุการณ์ก็คือพอดีวันนั้นเสร็จจากงานแถลงข่าวนาฏราชนะครับ ก็มีการสัมภาษณ์เรื่องของละคร ผมก็ให้สัมภาษณ์ไปเรียบร้อย แต่ถ้าบอกว่าผมเหวี่ยง ผมว่าถ้าพี่ๆ นักข่าวที่รู้จักผมจริงๆ ผมไม่เคยเหวี่ยงเลยนะ ก็เป็นกันเองกับทุกคนมากนะครับ แต่ว่าผมเจอคำถามที่ไม่สมควรถาม และผมก็ไม่อยากที่จะตอบ แต่ผมก็ตอบไปแล้วด้วยนะ แต่เขาก็พยายามถามคำถามเดิม ผมไม่ได้เหวี่ยงนะ ผมก็พูดกับเขาดีๆ แต่ถามว่าผมมีอารมณ์โมโหไหมก็มีหน่อยนึง แต่ผมก็พูดกับเขาดีๆ”

“เขาก็ถามเรื่องส่วนตัวนี่แหละครับ ซึ่งผมก็ตอบพี่ๆ นักข่าวไปแล้ว คือถ้าจะบอกว่าทำไมผมถึงไม่เลี่ยงที่จะบอกว่าไม่ขอตอบคำถาม อันนั้นผมว่ามันก็ไม่จบครับ ผมก็พยายามให้ข่าวนะ เพราะผมก็รู้ว่าเหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าก็ช่วยๆ กัน เพราะก็เหมือนพี่น้องกัน และผมก็จะขอร้องทุกคน และผมว่าทุกคนก็คงเคยเห็นผมขอร้องมาแล้ว ซึ่งผมก็เห็นข่าวที่ออกมาแล้วครับ เห็นเป็นภาพนิ่งและคลิปตอนที่สัมภาษณ์”

“แต่ผมไม่ได้เหวี่ยงหรอกนะ ที่ผมชี้ไปผมก็บอกว่าขอร้องนะน้อง อย่าเอาเทปไปออกแค่นั้นเอง ผมขอร้องเขา ผมไม่ได้ไปบังคับขู่ เพราะจริงๆ ผมมองว่าเราเป็นตัวอย่างของเยาวชน ไม่ใช่เอาออกไปทำให้เป็นตัวอย่างไม่ดีของเยาวชน แล้วที่ผมพูดว่าไม่มีจรรยาบรรณอันนั้นผมก็ต้องกราบขอโทษนะครับ ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีนะ วันนั้นผมก็รู้สึกแย่ทั้งวัน ผมกราบขอโทษด้วยที่ผมใช้คำพูดอย่างนั้น ผมก็รู้ว่าผมไม่ควร เพราะนักข่าวส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

“ซึ่งก่อนหน้าที่จะเป็นเรื่อง ผมหลีกเลี่ยงที่จะพูดหลายทีแล้ว จนผมก็รู้สึกว่าทำไมไม่ไปไหนสักที ผมหลีกเลี่ยงแล้ว ผมเป็นคนที่ไนซ์ที่สุด แล้วก็ให้ข่าวกับพี่นักข่าวทุกคน อันไหนที่ผมไม่ได้ ผมก็จะบอกว่าให้ได้แค่นี้นะ แล้วก็จบ แล้วถ้าไปดูคลิปจริงๆ ผมตอบคำถามที่น้องเขาถามแล้วนะ ผมตอบคำถามนั้นกับหมู่คณะไปแล้ว กี่สำนักไม่รู้ แต่เยอะนะครับ ผมตอบเคลียร์หมดแล้ว แล้วเขาก็อยู่ด้วยตอนนั้น แต่พอมาตอนหลังเขาก็ยังถามอยู่ แล้วก็คำถามเดิมด้วย ผมก็ไม่เข้าใจแค่นั้นเอง เอาชัดเจนเลยนะครับ ตอนที่ผมสัมภาษณ์กับน้องเขาคนเดียวผมก็ตอบคำถามไปแล้ว แต่น้องเขาก็ยังถามคำถามเดิมอีก ซึ่งผมตอบไปแล้วจะยังไงอีก”

บอก ขณะนั้นตนระงับอารมณ์ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ยังโดนคำถามเดิมอยู่ และปกติก็ไม่ใช่คนที่ไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัว เพราะถ้าไม่พูดตั้งแต่ต้นก็คงไม่ออกมาบอกว่าตนมีแฟนแล้ว

“นั่นไม่ใช่ระงับอารมณ์ไม่อยู่นะ นั่นระงับอยู่แล้ว(หัวเราะ) คือคำถามมันไม่ไปไหนเลยครับ วนอยู่ที่เรื่องเดิมซึ่งผมก็ตอบไปแล้วด้วยไง ผมก็เลยเอ๊ะทำไมไม่ไปไหนสักที เหมือนจะต้องการให้ผมตอบสิ่งที่เขาต้องการเหรอ ซึ่งผมตอบไม่ได้ และเวลาผมให้ข่าวก็ให้ข่าวทุกคนเท่ากัน เพราะผมรักนักข่าวทุกคนเท่ากันครับ แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมตอบไม่เคลียร์นะ เพราะผมตอบอย่างนี้กับนักข่าวทุกคนนะ ถ้าพี่ทุกคนที่เคยสัมภาษณ์ผมจะรู้ว่าผมตอบประมาณไหน”

“จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบตอบเรื่องส่วนตัวหรอกนะ เพราะถ้าผมไม่พูด ผมคงไม่บอกว่าผมมีแฟนแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่มีข่าวเรื่องผู้หญิง ก็หาว่าผมเป็นเกย์ จะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องเลือกว่าผมจะเป็นผู้ชายหรือผมเป็นเกย์ ซึ่งผมเป็นผู้ชายผมก็บอกว่าผมมีแฟนแล้ว เป็นคนนอกวงการ ผมบอกได้แค่นั้นจริงๆ ผมบอกกับทุกคนว่าผมบอกเท่านี้นะ นักข่าวลองไปเช็คกันดูว่าผมให้แค่นั้นจริงๆ ไม่มีใครได้มากกว่าน้อยกว่า ผมรักทุกคนเท่ากัน”

“น้องเขาขอโทษผมก็จริง แต่ผมขอโทษเขาก่อนนะ ผมยกมือไหว้น้องเขาด้วย ซึ่งจริงๆ มันไม่จำเป็น แต่ผมก็รู้สึกว่าอันนี้เราทำไม่ดี ผมก็ขอโทษเขา ผมยกมือไหว้เขาถึงแม้เขาจะเป็นเด็กกว่าผม ผมก็ขอโทษ เขาก็ขอโทษผมเหมือนกัน แต่ผมขอโทษเขาก่อน ถ้าบอกว่าผมทำให้น้องเขารู้สึกแย่ แต่ตอนนั้นผมก็บอกแล้วว่าพี่ขอโทษนะ ที่อาจจะทำให้น้องเสียความมั่นใจไป แต่พี่ไม่อยากให้น้องเสีย แต่ในการเลือกคำถามควรจะดูนิดนึง แค่นั้นเอง ผมสอนเขาด้วยนะ”

“ก็คงไม่ต้องเคลียร์กับน้องเขามั้งครับ ขอให้จบวันนี้ดีกว่า เราก็ไม่ได้ไปติดอะไรใคร แล้วผมก็ไม่อยากไปมีปัญหาอีก ขอให้จบเถอะ ผมก็ไม่ได้สบายใจที่จะมาตอบ แต่ถ้าบอกว่าผมรุนแรงกับน้องเขามากไป อันนี้ผมไม่ขอตอบดีกว่า มันต้องดูทั้งหมดนะ จะดูแค่บางส่วนไม่ได้ แล้วผมก็ไม่ได้อารมณ์ขึ้นตั้งแต่คำถามแรกแน่นอน ขอยืนยัน แล้วผมก็ขอโทษน้องไปแล้ว ผมมีพยาน แล้วน้องเขาก็บอกขอโทษผม แล้วผมก็ขอร้องเขาว่าอย่าเอาเทปไปออกนะ ผมขอ แต่ผมไม่ได้บอกว่าเฮ้ย น้องห้ามเอาเทปนี้ไปออก ผมไม่ได้สั่ง แต่ขอร้องกัน เพราะผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่เขา แต่นี่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ แต่สุดท้ายมันก็มีภาพนี้ขึ้น(หัวเราะ)”

“ผมไม่ได้ชี้ว่ากล้อง แต่พอหลังจากกลับมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมมีอารมณ์ ผมก็บอกเขาอีกทีว่าน้องครับ พี่กำลังโมโหนะครับ ผมบอกเขาเพราะเรารู้ว่าสภาวะตอนนั้นเราเกิดอะไรขึ้น แล้วเราไม่อยากมีปัญหา เราเลยเดินออกไปเท่านั้นเอง เพื่อให้เราสงบแล้วเราค่อนเดินเข้ามาใหม่ แต่ที่ว่าเรื่องจรรยาบรรณผมขอโทษไปแล้ว ผมแรง ผมขอโทษไปแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้อยากจะว่านักข่าวทุกคน ผมอาจจะพูดแค่บางคนเท่านั้นเอง แล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงน้องคนนั้น ผมบอกว่าผมจบวันนี้ ผมพยายามไม่มีปัญหากับใคร เพราะว่าตั้งแต่ 7 ปีที่เข้าวงการมาผมไม่เคยมีปัญหากับใครครับ ผมพยายามทำงานกับพี่ๆ น้องๆ นักข่าวแล้วก็เพื่อนร่วมงานให้ดีที่สุด ผมพยายามทำงานให้ดีที่สุดให้คุณผู้ชมได้ติดตามผลงานผม”

บอก ต่อไปถ้าโดนถามเรื่องส่วนตัวอีกก็คงจะขอร้องแบบเดิม พร้อมยกมือไหว้ขอโทษที่พูดแรงไป ยืนยันไม่ใช่พระเอกเทวดาที่ดังแล้วลืมตัว และเปลี่ยนไป เพราะตนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดังอะไร

“ผมไม่ได้บอกว่าน้องผิดนะครับ ถ้าน้องดูอยู่ พี่ไหว้เลยครับ(ยกมือไหว้) พี่ขอโทษแล้วกันนะครับ แค่นั้นเองน้อง ไม่มีอะไร พี่ไม่ติดใจนะครับ เพราะว่าอนาคตของน้องพี่ไม่อยากทำลาย แล้วพี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่ถูกนะ คือพี่ก็ถือว่าพี่ทำงานในวงการบันเทิงเหมือนกัน น้องก็ทำงานในวงการบันเทิงเหมือนกัน เราต่างคนต่างให้โอกาส แต่ถ้าน้องคิดว่าพี่ว่าน้องผิด พี่ยอมรับผิดเองดีกว่า เพราะพี่ถือว่าพี่อาวุโส พี่ไม่อยากไปทำอะไรกับคนอื่น ถ้าสมมติความผิดนั้นมันจะย้อนไปคนอื่น ผมรับผิดคนเดียวดีกว่าครับ”

“ผมเป็นพระเอกเทวดาเหรอ จริงๆ ผมก็เป็นอย่างนี้มา 7 ปีแล้วนะ(หัวเราะ) ผมก็เรื่อยๆ ของผม มีงานเรื่อยๆ ถ้าใครที่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของผม ได้สัมผัสผม ได้เจอผม เขาจะรู้ว่าผมประมาณไหน อารมณ์ไหนเขาคงรู้ แต่ที่ว่าผมดังแล้วเปลี่ยนเนี่ย นี่ผมดังแล้วเหรอ(หัวเราะ) คนมองอย่างนั้นเลยเหรอ เสียใจนะเนี่ย จริงๆ ผมก็เหมือนเดิมนะ ใช้ชีวิตปกติ วันนี้ผมยังนั่งรถไฟฟ้ามาเลย ถ้าผมเป็นเทวดาผมคงลอยมาจากฟ้าแล้วก็ลงมา แต่นี่ยังนั่งรถไฟฟ้ามา”

“ก็เข้าใจว่าสื่อมีหน้าที่นำเสนอข่าวครับ อย่างที่บอกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เรียกใช้กัน ไหว้วานกัน เป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่า เพราะผมก็ไม่ต้องการที่จะไม่ให้ข่าว ผมให้ข่าวทุกครั้งสังเกตดูถ้าถาม แต่ผมก็จะบอกว่าอันไหนผมให้ได้ อันไหนผมให้ไม่ได้บางคำถามนะ ผมก็จะขอร้องกันตรงๆ แค่นั้นเอง และถ้าครั้งต่อไปน้องเขามาสัมภาษณ์ผมก็ยินดีให้สัมภาษณ์ครับ เพราะผมก็ถือว่าผมก็เจอน้องๆ ฝึกงานมาเยอะเหมือนกัน ผมก็ให้โอกาสเขา เขามาขอถ่าย ผมก็โอเคไม่เป็นไร เพราะผมถือว่าทุกคนต้องมีก้าวเริ่มต้น ผมก็เคยเป็นนักแสดงที่เคยเจออย่างนั้นมาก่อน ผมก็รู้ว่ามันมีความผิดพลาด เพราะฉะนั้นเราให้โอกาสดีกว่า อย่าไปตัดโอกาสกันเลย”

“ซึ่งต่อไปถ้าเป็นไปได้ผมอาจจะใช้คำว่าขอร้องเหมือนเดิม แล้วก็อาจจะให้พี่ๆ ช่วยกัน แต่ผมก็คงตอบเหมือนเดิม ผมเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ก็ขอบคุณนะครับทุกคนที่เป็นห่วง(ยิ้ม) ก็คงไม่รู้จะทิ้งท้ายยังไง เพราะผมก็ไม่ได้ติดค้างอะไร ผมก็อยากจะขอให้จบเพราะผมก็ไม่ได้มีปัญหากับใคร แล้วผมก็ไม่อยากมีปัญหากับใครด้วย ทุกอย่างที่ทำถ้ามันออกไปดูไม่ดี และใครที่ได้เห็นข่าว ก็ขอโทษที่อาจจะเป็นภาพที่มันดูรุนแรง แต่จริงๆ มันไม่มีอะไรนะครับ”






อั๋นชี้ใส่กล้องห้ามไม่ให้นักข่าวนำภาพออกอากาศ
ฉากเลิฟซีนบางส่วนในเรื่องดอกส้มสีทองที่หวือหวาเกินบรรยายจนทำให้เกิดเป็นประเด็น


กำลังโหลดความคิดเห็น