หากถามว่าในบรรดาข่าวหลากหลายประเภทคุณชอบข่าวประเภทใดมากที่สุด?
เชื่อเหลือเกินว่า "ข่าวพยากรณ์อากาศ" คงจะเป็นคำตอบส่วนน้อยที่คนคิดถึง
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ทั้งที่ข่าวที่ว่านี้เป็นการายงานเรื่องราวรอบตัว เป็นการบอกกล่าวถึงเรื่องที่มีความสัมพันธ์และส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวันชนิดที่ไม่สามารถแยกจากกันได้
เหตุผลสำคัญก็คงจะไม่มีอะไรมากไปกว่าก็เพราะด้วยความใกล้ชิดถึงขนาดที่ไม่สามารถแยกจากกันได้นั่นเองที่ทำให้เราส่วนใหญ่รู้สึกว่าทำไมจะต้องไปสนใจ
หนาวก็ใส่เสื้อหนาว ฟ้าครึ้มก็พกร่ม ฯ
ทว่าหลังจากอ่านคอลัมน์นัดคุยในครั้งนี้จบลง มั่นใจว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะหันมาสนใจเรื่องลมฟ้าอากาศกันมากขึ้นอย่างแน่นอน
...
นับตั้งแต่ที่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ "เธอ" ผ่านทางหน้าจอทีวี "นัดคุย" ก็ตัดสินใจในเสี้ยววินาทีว่าจะต้องเชิญเธอมาเป็นแขกในคอลัมน์นี้ให้ได้
เธอที่มีชื่อเล่นว่า "บี" นามจริง-สกุลจริง "อำไพรัตน์-เตชะภูวภัทร" หนึ่งในทีมผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ของโมเดิร์นไนน์ ทีวี
"บีเรียนจบจาก ม.เกษตรค่ะ คณะสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แล้วก็มาเรียนบริหารธุรกิจ เอกมาร์เก็ตติ้ง ที่นิด้า ก็เพิ่งจบโท แต่รับปริญญาต้นปีหน้า...นิสัยเป็นอย่างไร ก็ตลกโปกฮา ร่าเริง ลุยๆ หน้าอาจจะหวานก็ดูขัดกับบุคลิกนิดหน่อยค่ะ(หัวเราะ)" น้ำเสียงที่ใสๆ ไม่แพ้ใบหน้าบอกกล่าวกับ "นัดคุย" ด้วยความคล่องแคล่ว
ซึ่งหากใครที่ได้มีโอกาสเจอะเจอตัวจริงก็จะรู้ว่าประโยคสุดท้ายที่เธอพูดนั้นหาได้เป็นคำคุยโวโอ้อวดแต่อย่างใด
บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาสาวคนนี้มาบ้างแล้วในฐานะนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง "สวยลากไส้" ซึ่งเธอเล่าถึงการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องดังกล่าวว่า..."ตอนนั้นอยู่ปี 3 พอดีว่าเขาอยากได้ฝาแฝดไปแสดง เราก็เลยลองดูก็มีเพื่อนที่เขาเป็นทีมงานของหนัง อยู่สถาปัตย์จุฬาฯ เขาชวน เราก็เหมือนกับว่าก็ลองดู ก็ได้ด้วย"
"ถ้าถามว่าตอนนั้นอยากทำอะไร ก็ยังไม่คิดมากนะ อยากสมัครแอร์ก็อยาก ขำๆ ไม่ได้วางอะไรไว้เต็มที่ เหมือนตอนเด็กๆ ก็จะชอบหลายอย่าง แล้วบีเป็นคนพูดมากก็เคยคิดอยากจะเป็นดีเจด้วย ซึ่งหลังจากเล่นหนังก็มีงานโฆษณาเข้ามา แต่ไม่ได้มากมายอะไร"
ตอนนั้นเคยคิดที่จะมุ่งไปทางบันเทิงเลยมั้ย?
"ตอนนั้นยังไม่ชัด เพราะว่ารู้สึกมันยาก แล้วเราไม่สวยเท่ากับเพื่อนๆ ด้วย คือไม่โดดเด่น บางทีอยู่หน้ากล้องเราก็เคอะๆ เขินๆ สู้เพื่อนที่เขามีประสบการณ์มานานแล้วไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นมันก็ไม่ได้มีงานต่อเนื่องก็เลยเฉยๆ"
"พอเรียนจบปริญญาตรี บีก็มาทำงานกับคุณพ่อ คือคุณพ่อมีธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเสียงรถยนต์ แต่พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าเราไม่ได้เรียนเรื่องการบริหารมา ก็เลยไปเรียนต่อ แล้วก็ไปเรียนทำขนม พอน้องเขาเปิดร้านเค้กก็มาช่วยๆ น้องดู จนวันนึงไปเดินเที่ยวห้างก็มีพี่ที่เอ็มทีวีที่เขากำลังออดิชั่นหาดีเจมาบอกให้เราไปลองดูมั้ย"
"คือไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยน่ะ แต่ก็อยากลอง ก็ขึ้นไปอีกชั้นนึง พูดแนะนำตัว จากนั้นก็ได้เข้ารอบมาเรื่อย เขาบอกเขาชอบบุคลิกท่าทางของเรา ก็เลยโอเค ตกลงทำที่เอ็มทีวี"
ทำงานอยู่ที่เอ็มทีวีได้เกือบ 2 ปี เส้นทางชีวิตของเธอก็เบนมาสู่การเป็นผู้ประกาศเพราะความต้องการพัฒนาความสามารถของตัวเอง..."ทำที่เอ็มทีวีก็โอเคนะ เราก็สนุก ได้อ่านข่าวด้วย จนมาอ่านสปอร์ตโฆษณาของช่อง 9 ว่ามีการคัดเลือกผู้ประกาศ ก็เลยสนใจ ซึ่งตอนนั้นบีไม่ได้คิดว่าจะไปเป็นผู้ประกาศเลยนะ เพียงแต่ว่ามันมีโอกาสที่เราจะไปอบรม 3 วัน เราจะได้มาพัฒนาตัวเรา คิดว่าได้แค่นั้น"
"ก็ลองมาสมัคร คนเยอะมากสองพันสามร้อยกว่าคน จากนั้นก็คัดอีกรอบนึงให้ลองมาอ่านข่าว ก็เหลือ 70 แล้วก็เหลือ 20 ที่ไปอบรม อีกอาทิตย์ถัดมาก็ตัดสินเหลือแปดคน"
จะบอกว่าสาวคนนี้เป็นผู้ประกาศใหม่เอี่ยมอ่องของอสมท.ก็คงไม่ผิดนักหลังเข้าสู่บทบาทที่ว่านี้อย่างเต็มตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง โดยการทำหน้าที่ประกาศข่าวต้นชั่วโมง ข่าวบันเทิง ก่อนจะรับหน้าที่เป็นทูตของลม ฟ้า อากาศ รายงานข่าวพยากรณ์ในช่วงข่าวเที่ยง
"ข่าวพยากรณ์อันนี้ไม่ได้คิดมาก่อน คือตอนมาใหม่ๆ เขาให้ลองอ่านข่าวทั่วไป มีบันเทิงด้วย ก็ให้ลอง ใครมีปัญหาตรงไหนก็ให้กลับไปแก้ ออกเสียงไม่ชัด ใครลงเสียงไม่มีหนักเบาเป็นโมโนโทน พี่เขาจะคอยบอกทุกอย่าง มีการลองกับสถานที่จริง ฝึกอ่านข่าวต้นชั่วโมง โปรยหัว มองกล้องเป็นอย่างไร คือให้เรียนรู้เหมือนงานจริงให้เป๊ะที่สุดเท่าที่จะได้ แล้วก็ทำงานจริงๆ ก็เมื่อเดือนมกราที่ผ่านมา"
"ส่วนข่าวพยากรณ์แทรกมาทีหลัง เหมือนกับผู้ใหญ่เขาอยากให้มีเพราะมันไม่มีมานานแล้ว แต่ก่อนมีคนคนพรีเซ็นแล้วก็แค่กราฟฟิก ผู้ใหญ่อยากให้หาอะไรที่มันน่าจะมีสีสันบ้าง ก็ลองให้ทำเดโม มี 3 คน ก็อือ น่าจะให้น้องบีนะ เขาบอกว่ารีแลกซ์ ดูสดใส ดี (หัวเราะ) แต่ก็จะสลับกับน้องผู้ชายอีกคน แต่ของบีจะเยอะกว่า"
"ก็แปลกๆ ดีนะคะ ตอนแรกก็งงๆ มันกะไม่ถูก เพราะทุกอย่างเป็นบลูสกรีนหมด เราก็เฮอะๆ ก็ต้องคอยหันไปมองมอนิเตอร์ ดูอีว่าเราชี้ถูกมั้ย แต่ข้างหลังน่ะไม่มีอะไรเลย (หัวเราะ) ก็ต้องคอยคอนโทรล"
รู้สึกอย่างไรที่มีคนมักจะแซวกรมอุตุฯ บ้านเราว่าถ้าบอกหนาวคือร้อน ถ้าร้อนคือหนาว ขณะที่คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับข่าวพยากรณ์สักเท่าไหร่ แตกต่างไปจากต่างประเทศ?
"(หัวเราะ) ตอนที่ไปอบรมบีก็ถามเขานะ เขาก็อธิบายมีดีประมาณว่าบ้านเราเนี่ยสภาพภูมิประเทศมันจะเป็นทะเลทั้งสองด้านแล้วมันก็ใกล้กับลมใต้ลมเหนือซึ่งมันชนกันบ่อยมาก เพราะฉะนั้นอากาศมันจะเปลี่ยนบ่อย ไม่เหมือนทางแถบที่มันเป็นทวีปที่เป็นพื้นดินอย่างเดียว อันนั้นอากาศมันจะนิ่ง"
"เพราะฉะนั้นของเขาจะพยากรณ์อากาศได้ดีกว่า ก็โอเค เข้าใจ เขาก็บอกว่าเพราะฉะนั้นถ้ามันสามารถรายงานได้บ่อยๆ ประมาณทุกๆ สามชั่วโมง มันจะยิ่งดี คือเหมือนกับว่ารายงานถี่เท่าไหร่ความแม่นยำมันจะมากขึ้นๆ ซึ่งทางเขาเองก็พยายามปรับอยู่"
มีโอกาสได้ไปศึกษาเรื่องนี้บ้างมั้ย?..."ก็ไปเรียน อย่างเรื่องฝนเขาก็จะบอกท้องฟ้ามีเมฆมาแล้วอยู่ๆ มันก็หายไป ก็คืออากาศร้อนอากาศเย็นมันมาชนกันน่ะ ถ้าชนกันแบบตั้งฉากกันเมื่อไหร่มันก็จะหายไป แต่ถ้าเป็นลมพัดสอบมันก็จะเกิดเมฆอีกแบบนึงนะ คนที่เขาเก่งๆ เนี่ยเขาดูเมฆเขาก็จะรู้เลย"
"เรียนจริงๆ มันต้องหลายปีแต่บีไปอบรมแค่ 3 วัน หลักๆ จะเอาคำพูดของกรมอุตุมาอธิบายให้คนเข้าใจมากกว่า (แล้วเราดูเมฆเป็นมั้ย?) ยากไปค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็จะมีแบบสอนเบาๆ นะ คือถ้าเป็นเมฆแบบปุยๆ เหมือนขนแกะ ท้องฟ้าดี สวยงาม แจ่มใจ"
"แต่หลักๆ คือเราจะดูว่าเราจะเอาข้อมูลที่มันเป็นวิชาการมาอธิบายให้คนเข้าใจได้ง่ายได้อย่างไร ร้อยละ 20 ร้อยละ 30 มันอะไร อย่างถ้าเป็นญี่ปุ่นเขาจะบอกเลยว่าโอกาสที่ฝนจะตกคือ 50% แต่ของบ้านราจะมีฝน 20% ของพื้นที่ ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ เวลาเรารายงานก็อาจจะบอกว่ามีฝนเล็กน้อย บางพื้นที่ ใช้คำพูดคนเข้าใจง่าย วันนี้มีโอกาสที่ฝนจะตกต้องพกร่มไปด้วยนะคะ แต่ถ้ามันเสี่ยงมากเราก็จะไม่พูดมาก กลางๆ ไว้มากกว่า"
"อย่างเวลาพยากรณ์ไปพี่ๆ เขาก็จะคอยดูท้องฟ้านะ น้องบีบอกให้พกร่ม เขาก็จะมาลุ้นกัน ตกแล้วค่ะ ตกแล้วนะ ทุกคนก็จะแฮปปี้ด้วย เราก็โล่ง (หัวเราะ)"
สาวนักพยากรณ์ผู้ประกาศหน้าใหม่ยอมรับว่าการทำหน้าที่ของเธอยังมีข้อที่ต้องพัฒนาและนั่นก็คือสิ่งที่เธอต้องทำ..."ตอนแรกค่อนข้างจะพูดเร็ว รัว ตอนนี้ก็ช้าลงแล้วค่ะ คือทุกอย่างมันต้องฝึกน่ะ อย่างตอนที่ฝึกอ่านข่าวต้นชั่วโมง พอพี่เขาอ่านเสร็จเราก็ขอสคริปต์มาอ่านๆ อ่านให้คนนั้นคนนี้ฟังบ้าง"
"แล้วตอนที่มาประกาศข่าวพยากรณ์ใหม่ๆ ก็ต้องซ้อมมาก เพราะถ้าเราไม่ซ้อมเราก็จะไม่คุ้นกับแผนที่ แรกๆ ก็จะปริ้นท์แผนที่ด้วย พูดไปก็หัดเอามือวางว่ามันจะตรงมั้ย"
เป็นที่น่าเสียดายว่าการเซ็นสัญญากับทางอสมท.ในระยะเวลา 5 ปีนั้นทำให้เราหมดโอกาสที่จะเห็นสาวคนนี้ไปรับงานอื่นได้ ทั้งการถ่ายแบบ แสดงละคร ภาพยนตร์ ฯ ทว่าสำหรับเจ้าตัวแล้วเธอบอกว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างไร เพราะเธอก็กำลังสนุกมากๆ กับการเรียนรู้การเป็นผู้ประกาศในช่วงเวลา ณ ขณะนี้อยู่
"เราเรียนรู้อะไรเยอะมาก รวมถึงความเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศ ที่ไหนเกิดพายุที่ไหนมีแผ่นดินไหว เราก็ต้องดู ก็เป็นอาชีพที่เปิดกว้างทำให้เรามีอะไรในหัวมากขึ้น ก็ยังสนุกอยู่ ยังใหม่ เพิ่ง 3 เดือน ยังโอเค ยังเรียนรู้ได้ทุกวัน ทำอะไรให้ดีที่สุด ค่อยคิดมุกว่าจะทำอย่างไรให้การพยากรณ์ที่ทำอยู่ดูไม่น่าเบื่อ"
"อย่างเช่นวาเลนไทน์ ก็เอาดอกไม้มาให้ตัวเองดีมั้ย (หัวเราะ) อะไรอย่างเนี้ย คิดมุกเยอะมาก เพราะมันเป็นของใหม่ ผู้ใหญ่ก็บอกใส่อะไรได้เต็มที่ ก็ให้เราคิดแล้วก็ไปขายพี่เขาว่าจะซื้อมั้ย เขาซื้อก็โอเค..."
ลีลาและท่าทางอาจจะไม่ต้องลงทุนทำถึง 360 องศา ทว่าหน้าตาและความสามารถของเธอคนนี้ก็ทำให้ข่าวพยากรณ์อากาศน่าดูได้ไม่แพ้กันแน่นอน
...
หมายเหตุ : ใครอยากทานเค้กจากฝีมือของสาวสวยคนนี้กับน้องสาว (อำไพวรรณ เตชะภูวภัทร) ไปชิมกันได้ที่ร้าน MPB Sweet Cake ทั้งสองสาขา (ทาวอินทางน์-นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว)