"แม่ปุ๊กกี้" ลากไส้ "นาธาน" รอบ 2 เผย 22 กุมภาฯ นี้เตรียมลุยอำนาจเจริญเผชิญหน้าอดีตนักร้องผู้อื้อฉาว เผย "ทนายปุ๊" เตรียมยื่นฟ้องตนแต่ก็ไม่หวั่นเพราะพูดความจริง ขำ "น้าแอ๊ะ" บอกทนายปุ๊เป็นร่างทรงพระศิวะ กัดเจ็บกูนี่แหละเจ้าแม่กาลี !!
ตอนที่อยู่ออสเตรเลียก็ออกมาแฉ "นาธาน โอร์มาน" ให้ความกระจ่างกับสังคมไทย จนได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราว เพราะลีลาการให้สัมภาษณ์แบบถึงลูกถึงคนชนิดไม่เกรงกลัวใคร ของ "จารุพรรณ พรายแสง" นั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามข่าวเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าครบรสทั้งโหด มัน ฮา เลยทีเดียว
ล่าสุดจารุพรรณ พรายแสง ได้เดินทางกลับมาที่เมืองไทย ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ จึงไม่พลาดที่จะนัดสัมภาษณ์ EXCLUSIVE อีกครั้ง คราวนี้นอกจากจารุพรรณจะคงความตรง แฉนาธานต่อรอบ 2 แล้ว ก็ยังเปิดหน้าเปิดตัวชกกับ "ทนายปุ๊" พิราวรรณ ชลพิทักษ์พงษ์ คู่กรณีรายใหม่ เนื่องจากทราบมาว่า ทนายปุ๊กำลังจะฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาท
“ปุ๊กกี้ส่งแมสเสจไปบอกว่าทนายความ(ทนายปุ๊) เขาไปแจ้งความไว้ที่สน.อยุธยาว่า เราหมิ่นประมาท แต่ไม่ทราบว่าที่สภ.ไหน คิดว่าคงเป็นประเด็นที่มาให้สัมภาษณ์กับเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ที่พูดถึงเขากับนาธาน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ถามน้าแอ๊ะ แล้วน้าแอ๊ะเองก็ไม่ได้บอกอะไร”
“รู้สึกเฉยๆ เพราะเราพูดเรื่องจริง ไม่กลัวไม่รู้สึกอะไรเลย และไม่ได้ติดต่อไปทางสน.อยุธยาด้วย ตัวเขา(ทนายปุ๊)โดนแม่บ้านเต็มฟ้องที่กองปราบเขายังไม่ติดต่อเลย เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อ แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีหมายเรียกติดต่อมา แต่ถึงจะมีหมายเรียกมาจริงๆ ก็ไม่มีผลเพราะดิฉันเข้ามาในฐานะออสเตรเลี่ยนด้วย ไม่ใช่คนไทย ไม่ไปค่ะ อยากฟ้องก็ฟ้องไป"
ย้ำชัดถึงเจอแบบนี้ก็ไม่ทำให้เข็ดกับการให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพราะในเมื่อสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง
“ไม่ค่ะ รู้ข่าวก็ไม่ได้ตกใจอะไร ธรรมดาค่ะโดนบ่อยแล้ว(ยิ้ม) เพราะอยู่ที่ออสเตรเลียเวลาถูกฟ้องหมิ่นประมาทเราก็ชนะทุกครั้ง เพราะเราพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ครั้งนี้ก็เลยไม่มีอะไรต้องน่ากลัว (โกรธหรือน้อยใจมั้ย เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่น้าแอ๊ะไม่โทร.บอกเรา?) เขาคงไม่โทร.เพราะว่าต้องเสียค่าโทรศัพท์ทางไกลหลายตังค์(ยิ้ม)”
“ส่วนตัวก็ไม่รู้จักกับทนายปุ๊ ทราบแค่ว่าเป็นเพื่อนน้องสาว(น้าแอ๊ะ) ก็น้องสาวเป็นคนมาเล่าให้ฟังเองเรื่องที่มีคนจ้างทนายปุ๊ไปว่าความที่ออสเตรเลีย แต่ไปถึงแล้วทำอะไรไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นทนายความของออสเตรเลีย จะไปขึ้นศาลที่โน่นได้ยังไง น้าแอ๊ะยังมาหัวเราะบอกเท่ากับถูกหลอกไปเสียค่าเครื่องบินตั้งสองสามหมื่น”
ยืนยัน ยังยินดีจะไปเป็นพยานให้แม่บ้านเต็มสู้คดีกับนาธานอย่างเต็มที่
“ยังยืนยันที่จะช่วยอย่างเมื่อกี้คุยกับน้าชาย(เจ้าของร้านตัดผมที่รร.ดุสิตธานี) ก็ยังรออยู่ ว่าถ้าเสร็จคดีเมื่อไหร่จะหาที่ทางให้แม่เต็มกับลูกเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง อาจจะไปอยู่ในหมู่บ้าน แล้วก็ให้แจ็คขี่มอเตอร์ไซด์ไปโฮมเดลิเวอร์รี่ แล้วให้แม่เต็มทำกับข้าวไป ส่วนแฟนแม่เต็มเขาก็กลับมาแล้วจะได้มาช่วยกัน”
“ตั้งแต่กลับมาก็ยังไม่ได้โทร.หาแม่เต็มเลยค่ะ คือเรารู้กันไงคะ เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็ลงมานะอะไรแบบนี้ แต่นัดหน้าวันที่ 22 นี้คงต้องดูก่อนว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนและจะจบมั้ย เพราะก่อนหน้านี้บอกต่อหน้าศาลว่าจะใช้หนี้ให้แต่ตอนหลังมาบอกเป็นโมฆะ แต่ที่มาเดินกอดคอบอกว่าดีกันแล้ว มันไม่จริงหรอกเพราะแม่เต็มเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนทางโน้นพยายามสร้างภาพว่าไม่มีอะไรแล้ว”
“ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกับใครเลย น้าแอ๊ะก็ยังเหมือนกัน (ไม่อยากเคลียร์เรื่องที่ทิ้งแม่ไปช่วยนาธานเหรอ?) อันนี้มันเกินไป ทิ้งคุณแม่อายุ 87 ไปเพื่อคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ใช่โคตรเง้านี่ไปทำไม ไปช่วยยุยงส่งเสริมให้มันพูดอย่างโน้นอย่างนี้ ยังมาพูดว่าอาจจะไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็หาหลักฐานมาสิว่าคืนเงินเขาไปแล้ว"
"แล้วน้าแอ๊ะจะมาบอกว่านาธานไม่เคยหลอกมันก็ไม่ใช่อีก เพราะมันมาบอกว่าเอาตังค์ไปวางตั๋วเครื่องบิน 2 ครั้ง ไปภูฏานกับไปฝรั่งเศส แล้วได้ไปมั้ย แล้วก็เรื่องไปถ่ายหนังเมืองนอกไปหรือเปล่าก็ไม่เคยไปไหนเลย เอาพาสปอร์ตมาดูสิ ก็ไม่ยอมให้ดู ยังจะมาบอกพ่อเป็นเนปาลแต่โอนสัญชาติแล้วอีก โกหกทุกเรื่อง มีเรื่องจริงอยู่เรื่องเดียวคือจบมหาวิทยาลับราชภัฏสวนสุนันทา นอกนั้นไม่มีเลย”
“ก็นี่ไงน้าชายรู้จักแม่กับยายนาธาน เขารู้จักกัน เกิดที่ปักษ์ใต้ เรียนหนังสือที่ทุ่งสง พ่อเป็นใครแม่เป็นใครชายเขาก็รู้ ยังจะมาบอกพ่อเป็นเนปาลแต่โอนสัญชาติมานาน มันไม่ใช่ง่ายอย่างนั้น ถ้าแน่จริงพ่อยังอยู่ไปจูงมาเลย"
"บอกแม่เป็นโอร์มาน ซึ่งประเทศนี้มันเพิ่งเกิดเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แล้วคนเนปาลก็คงไม่เดินทางมาถึงปักษ์ใต้มาเจอแม่หรอก บอกย่าเป็นคนตุรกี มันร้อยชาติเลยนะเนี่ย พูดอะไรก็ไม่รู้ มันแต่งเรื่องโดยที่ไม่รู้ความจริงอะไรเลย (แต่นาธานยืนยันว่าสิ่งที่พูดคือเรื่องจริง และมักจะอ้างว่าศาสนาอิสลามพูดโกหกไม่ได้ เพราะการพูดออกไปคือการสาบานต่อพระเจ้า?) แล้วเป็นหนี้ได้มั้ย…(ทำหน้าล้อเลียนนาธาน) บอกวันที่โดนจับไม่โดนใส่กุญแจมือ แล้วรูปที่ลงเว็บไซต์ผู้จัดการนั่นกำไลติดกันเหรอ กะล่อนจริงๆ”
“ปั้นไว้หลายเรื่อง ก็ตอนที่เขาไปออสเตรเลีย เราก็ถามว่านาธานอายุเท่าไหร่ เขาบอกอ่อนกว่าปุ๊กกี้ เขาเกิด 2526 เราก็บอกเอ้า…ในพาสปอร์ตมันไม่ใช่นี่ เขาบอกยายแจ้งผิด ผิดไป 7 ปี แจ้งแก่ขึ้น เราก็ถามว่าทำไมอย่างนั้นล่ะ แล้วเขาก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารด้วยเพราะเรียนรด. ถ้าเป็นแขกจริงก็ต้องต่อวีซ่าทุกปี เราก็ถามว่าเข้าประเทศไทยได้ยังไง เพราะวีซ่าเข้าประเทศไทยไม่ง่าย เขาบอกยายจัดการให้ มาเห็นยายอองแล้วจะไปขอวีซ่าให้หลานได้มั้ย ตอแหลทุกอย่าง"
"ชายเป็นคนบอกบ้านมันอยู่หลังโรงน้ำแข็ง หิมาลัยอะไรของมัน เรียนก็ไม่จบม.3 มันหนีตามผู้ชายมาก่อน น้าชายบอกแม่ชื่อนุ้ย ฉันรู้จัก น้าคนที่เอเอสทีวีผู้จัดการไปสัมภาษณ์ก็เป็นน้าเขาจริงๆ ไอ้ครั้งหลังที่มันเอารูปออกมาเราก็ขำแล้ว เพราะรูปมันตลก ที่สาวอาหรับใส่ผ้าสีเหลืองมันไม่มี จูงอูฐคนจูงอูฐดันติดป้ายพนักงานโรงแรมอีก"
ส่วนกรณีที่ “เปี๊ยก โมเดลลิ่ง” ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าโดนนาธานหลอกไปให้ช่วยเมคถ่ายรูปที่โอร์มานนั้น นางจารุพรรณ เผยว่า...
“ก็ไม่เชิงโดนหลอกหรอกค่ะ เพราะเอาเสื้อผ้าเอาเครื่องแต่งหน้าไป แล้วจะเอาไปทำไมถ้าเป็นการไปเยี่ยมกองถ่ายใช่มั้ยคะ (แต่เขาบอกซื้อที่โอร์มาน?) ก็มีซื้อจากเมืองไทยแล้วก็ซื้อของที่โน่นด้วย ก็ต้องมีส่วนรู้เห็นบ้างแหละ แหมก็ต้องคิดบ้างแหละอยู่ๆ ชวนไปโอร์มานกับแม่แหม่มบอกกองถ่ายเขาให้ญาติไปสองคน แล้วก็ขึ้นเครื่องบินไปกัน แล้วก็ให้แต่งหน้าให้หน่อย แล้วที่เขียนเบดูอินนั่นก็ไม่ใช่นะ บ้าหรือเปล่า คนตายเขาถึงจะเขียนหน้าอย่างนั้น แล้วชนเผ่าเบดูอินเป็นชนเผ่าร่อนเร่ที่ต้อนแกะไปตามทะเลทรายไปเรื่อยๆ มีแต่คนที่ตายไปแล้วเขาถึงจะเขียนหน้าแบบนั้น”
“เคยไปค้างกับนาธาน 2 ครั้ง ที่คอนโดแถวถนนศรีนครินทร์ เป็นคอนโดเล็กๆ มีห้องนอนเดียว แล้วน้าตู่(เจ้าของร้านอาหารที่อยู่ซิดนีย์ ซึ่งเป็นคนที่เคยช่วยเหลือและดาวน์รถให้นาธาน) ไปซื้อเครื่องทองเหลืองให้ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ แล้วเราก็หิ้วมาให้เป็นกระเป๋า แล้วนาธานก็เอามาจัดห้อง"
"ด้านนาธานเขาก็วาดรูปพระราชาและพระราชินีเนปาลติดไว้ที่ห้อง รูปพ่อแม่ไม่มี แล้วก็หาซื้อธงติดแล้วก็ให้หนังสือพิมพ์ไปถ่าย แล้วให้สัมภาษณ์ว่าเขาคิดถึงบ้านก็เลยต้องแต่งเป็นแบบเนปาล ไอ้เราเห็นแล้วก็โธ่เอ้ย ของกูทั้งนั้น โต๊ะเต๊อะ โคมไฟที่ตั้งๆ อยู่นั่นน่ะ โอ้ย..มันเก่ง แล้วน้าตู่นี่ก็ไม่เข็ดซื้อโน๊ตบุ๊คส์ให้นาธานเอาไว้แชทกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แชทหรอก นาธานขายกินไป”
บอก แม่บ้านเต็มอาจจะไม่ได้เงินคืน เพราะนาธานไม่มีเงิน
“ไอ้เงินนี่นาธานไม่มีเงินมาให้เด็ดขาดเลย จะเอาเงินที่ไหนมาคะ แหม นี่บอกว่าได้เงินจากเล่นหนังมา 100 ล้าน จะซื้อรถสปอร์ตให้น้าแอ๊ะ จะซื้อบ้าน 10 ล้านให้ แต่ค่าทางด่วนมันยังต้องหันมาขอคุณแม่(นาธานเรียกนางจารุพรรณว่าคุณแม่) 40 บาทเลย ไม่มีตังค์ ไม่เคยมี”
“ตอนนี้ตัวเขาเองก็เอาจากแม่บุญธรรมนั่นแหละมาใช้ ถ้ามาขอน้าแอ๊ะเขาก็คงให้ ตอนที่นาธานมีเรื่องน้าแอ๊ะก็อยากให้นาธานมาอยู่ที่คอนโดเรา ปรากฏว่าเราเอากุญแจกลับไปด้วย นี่ถ้าเราเอาคุณยายกลับไปออสเตรเลียดีไม่ดีน้าแอ๊ะจะเอานาธานมาอยู่ที่บ้าน เพราะทิ้งคุยยายไว้คนเดียวตั้งหลายวันเพื่อไปช่วยนาธาน พี่สาวที่อยู่ซิดนีย์ก็ไม่แฮปปี้นะเรื่องนี้ เห็นคนอื่นดีกว่าแม่ได้ยังไง"
"โอ้ย..ด่าไปก็ไม่รู้สึก พี่น้องก็เบื่อน้าแอ๊ะกันหมดแล้ว เตือนก็ไม่เชื่อ น้าชายเขารู้ว่านาธานเป็นลูกใคร น้าแอ๊ะโดนต้มจนกระดูกหลุดแล้ว ก็ยังไม่เชื่อ บอกแก่เฒ่ามาจะดูแลน้าแอ๊ะเอง แม่ตัวเองยายตัวเองทำไมไม่ไปเลี้ยงล่ะ ก็ยิ่งหลงไปกันใหญ่ ตัวเองงกจะตายพี่น้องยืม 400 ทวงเช้าทวงเย็น แต่นาธานยืมทีให้เป็นแสน เป็นบุญของนาธาน แต่เป็นกรรมของคุณนายแอ๊ะ”
"ตอนที่ให้เงินไปแสนนึง บอกจะไปถ่ายหนังนิวยอร์กไม่กี่วันก็ได้ตังค์มาเยอะแยะแล้วจะโอนคืน น้าแอ๊ะก็นั่งคอยไปสิ หายไปไม่กี่วันก็โผล่มาแล้ว ขนตางอนมาเชียว ใส่ขนตาผ่าคางมาเลย พอดีตอนนั้นดิฉันยังอยู่เมืองไทยเลยเห็น หิ้วกระเป๋ามาใบเล็กๆ เราก็ถามว่าได้เงินมาหรือเปล่า เขาก็บอกว่าได้ตังค์แต่ทางกองถ่ายเอาเข้าบัญชีไว้ที่นิวยอร์ก"
"รอบที่ไปจอร์แดนก็ไม่ได้เงินอีก บอกฝากไว้ที่จอร์แดนหมด ก็เลยบอกนาธานฉันก็ไปนิวยอร์กบ่อย แล้วฉันก็เคยไปอยู่จอร์แดนแต่มันเปิดบัญชีธนาคารไม่ได้เพราะเราไม่ใช่เรสซิเด้นท์ แล้วเธอจะเปิดได้ยังไง เพราะจะต้องมีบ้านอยู่อย่างถูกต้อง เธออย่ามาโม้ เขาก็บอกเขาถอนไม่ได้ เราก็บอกไม่จริงหรอกเพราะอย่างปุ๊กกี้ไปถ่ายโฆษณาของออสเตรเลีย เขาก็จ่ายเช็คเดี๋ยวนั้นเลย หักภาษีไปพร้อม เราก็เอาเช็คไปเข้าแบงค์ก็จบ (พอเรารู้ทันนาธานทำยังไง?) เขาก็เฉยๆ กลับมาทีไรก็ไม่เคยมีเงินมาเลย"
แต่นาธานกำลังจะทำรีสอร์ทสไตล์เนปาล?
“ง่ายเลยสไตล์เนปาลเอาอะไรมุงๆ ก็อยู่ได้แล้ว ก็โม้ไปเรื่อย…”
ประกาศจะตามไปเจอทนายปุ๊ที่ศาลอำนาจเจริญ แต่ไม่ตอบจะมีเรื่องกันหรือเปล่า
“เดี๋ยววันที่ 22 นี่ถ้าเขาไปก็คงเจอกันที่อำนาจเจริญ นี่ก็ชวนน้าชายไปด้วยกัน เอาเงินน้าชายไป 1.8 หมื่นเขาก็ไปแจ้งความไว้ที่สน.ลุมพินีไว้แล้ว (จะต้องไปเจอทั้งทนายปุ๊ทั้งน้าแอ๊ะจะมีวางมวยกันมั้ย?) (ไม่ตอบแต่ตอบเป็นรอยยิ้มแทน) …ก็รู้สึกว่าทำไมโง่จัง ทำให้นามสกุลเสียหมดเลยนะ ญาติพี่น้องไม่มีใครโง่แบบนี้นะ วันนั้นถ้าไปก็ยืนคนละฝั่งเรื่องอะไรจะไปช่วยมัน คุณยายก็ไม่ชอบนาธานนะ แต่แค่ไม่ยุ่ง”
“ถ้าต้องเจอกันก็คงไม่พูดกับเขาหรอกค่ะ แกสิต้องไหว้ฉัน ปุ๊ ไม่ถามเรื่องอะไรจะไปถาม ก็ให้ไปฟ้องสิ อยากฟ้องก็ฟ้องไป แล้วยังมาบอกกับน้าแอ๊ะด้วยนะว่าตัวเองมีร่างทรงเป็นองค์พระศิวะ เราบอกอ๋อหรอ กูเนี่ยเจ้าแม่กาลีเว้ย(หัวเราะ) ทาปากแดงไปศาลนึกว่ากินหมาก”
เจ้าตัวเผยเสียงหนักแน่น ไม่รู้สึกกลัวที่ต้องมีเรื่องกับทนายรุ่นใหญ่ เพราะสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริง
“ไม่กลัวจะไปกลัวมันทำไม ในเมื่อสิ่งที่เราพูดมันเป็นความจริง (ตั้งแต่ออกมาให้สัมภาษณ์ทางนาธานมีฟีดแบ็กกลับมาบ้างหรือยัง?) ไม่มีค่ะ เพราะเรารู้เรื่องจริงมีภาพประกอบพร้อม ก็เลยไม่กล้า จริงๆ เจ้าทุกข์มีอีกเยอะแต่เขาไม่อยากออกมาก็มีนะ คนที่โดนหลอกจะไปเนปาลแล้วไม่ได้ไปที่แจ้งความไว้ทีสน.บางพลัดก็ยังไม่ได้เรื่องเลย เงียบไปเลย (การที่น้าแอ๊ะรู้จักคนใหญ่คนโต ส่วนแม่บุญธรรมก็รู้จักตำรวจหลายคน มีส่วนทำให้คดีล่าช้ากว่าปกติหรือเปล่า?) แต่คราวนี้คงไม่กล้าแล้วมั้งที่จะไปขอร้องผู้ใหญ่ให้ช่วยนาธาน ถ้าทำแบบนั้นก็แย่แล้ว”
ถึงลูกถึงคนตรงไปตรงมาแบบนี้ หลายๆ คนคงอยากจะรู้แล้วว่า "จารุพรรณ พรายแสง" แม่ของอดีตนักร้อง "ปุ๊กกี้ ปริศนา พรายแสง" เป็นใครและทำอะไรอยู่ที่ออสเตรเลีย
“เรากำลังจะออกหนังสือที่ออสเตรเลียด้วย เป็นแมกกาซีนที่มีรูปเยอะๆ ออกเดือนละครั้ง เพราะว่าเพื่อนที่เขาทำเขามีธุรกิจปริ้นติ้งอยู่แล้ว และเขาก็ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยต่างๆ เดือนหนึ่งๆ ใช้ไปกับตรงนี้ตั้ง 3,000-4,000 เหรียญ ทำไมไม่ทำเองเลย โรงพิมพ์ก็มีอยู่แล้ว ก็เลยมาเปิดหนังสือทำให้คนอีก 7 หมื่นคนได้อ่านดีกว่า (ทำหน้าที่อะไรในนั้น?) เป็นคอลัมน์นิสต์ไม่อยากเป็นบรรณาธิการแล้ว เพราะเวลาถูกฟ้องเขาฟ้องหนังสือก่อน(หัวเราะ)”
“ปัจจุบันก็เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษให้หนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็นคอลัมน์ชุมชนไทยในต่างแดน ทำให้เดลินิวส์มา 14 ปี แล้วก็ย้ายมาคมชัดลึก ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ เมื่อก่อนเคยเขียนให้หนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ก็จะมีคนมาสั่งให้เขียนอย่างโน้นอย่างนี้สิ อยากได้แกก็ไปเขียนซะเองก็หมดเรื่อง มาสั่ง”
“เมื่อก่อนก็ทำหนังสืออยู่แล้วแต่เป็นเฉพาะกิจ(ที่ออสเตรเลีย) ทำแจกฟรี เล่มปัจจุบันก็ทำแจกฟรีอีกเราไม่อยากขาย เพราะเรามีเงินพอ แล้วก็มีสปอนเซอร์ด้วย ก็ได้กำไรแล้ว ทีมงานก็เป็นคนไทยทั้งหมด เพราะเป็นหนังสือสำหรับคนไทยอ่าน เป็นภาษาไทย ที่ได้รับเชิญมาคราวนี้คือในฐานะสื่อมวลชนไทย มาชมงานโครงการหลวงของพระเจ้าอยู่หัว ไปศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ไปดอยอินทนนท์ ไปดอยตุง”
“เราจะหาบุคคลที่ไม่อยากให้ใครๆ ลืม อย่างคุณพิศมัย วิไลศักดิ์ คุณเพชรา เชาวราษฎร์ ไปเอารูปสวยๆ เก่าๆ ไปลงในหนังสือเรา แต่ไม่ได้เน้นแค่ดารา แต่เน้นไปที่บุคคลที่ไม่น่าจะลืม เหมือนกับที่เราไปโครงการหลวงในครั้งนี้ก็เพราะเราไม่อยากให้ใครลืมสมเด็จย่า ซึ่งท่านได้ทำอะไรไว้ให้คนไทยหลายโครงการซึ่งเป็นประโยชน์กับคนไทยทั้งนั้น”
“นอกเหนือจากนี้ก็ทำเป็นนายหน้าขายปูนซีเมนต์ ขายกระเบื้องปูพื้นก็กินเปอร์เซ็นต์ เราก็หาลูกค้าแต่ส่วนมากก็จะเป็นลูกค้าเก่า ตอนนี้กำลังขายไปที่อิรักเพราะเขามีสงครามเขาก็เริ่มก่อสร้างไอ้ที่พังๆ ไป เราก็สั่งซื้อซีเมนต์ไปส่ง แต่ของไทยค่อนข้างแพง เราก็หาที่มันใกล้หน่อยก็คืออินเดีย ก็เดินทางตลอด อย่างเมืองไทยก็กลับบ่อย อย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง”
“แม่ปุ๊กกี้” ประกาศยืนคนละฝั่งกับน้องสาว ลั่นจะไปเป็นพยานให้ “แม่บ้านสมาน” สุดทนอีกฝ่ายทิ้งแม่ไปหา "นาธาน"
“แม่ปุ๊กกี้” อัดซ้ำ “นาธาน” จับมือ “แม่บุญธรรม” จัดฉากถ่ายรูปเมคเรื่องฮอลลีวูด ลากไส้สุดติ่งมันหยด
