xs
xsm
sm
md
lg

นักการเมืองหมาๆ ตุลา 16- ตุลา 52

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ


(3) วิเคราะห์ระบบการเมืองหมาๆ 2519-2552

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 อาจแบ่งการเมืองไทยได้หยาบๆ เป็น 4 ยุค ดังนี้

ยุคที่ 1 “ทดลองประชาธิปไตย” ของคณะราษฎร (2475- พ.ย. 2490 = 15 ปี)

ยุคที่ 2 รัฐประหาร “เพราะเผด็จการทุนนิยม-สมยอมอเมริกัน” (2490-ตุลาคม 2516= 26 ปี) ของเผด็จการ 5 จอมพล คือ จอมพลป. พิบูลสงคราม จอมพลผิน ชุณหะวัณ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร

ยุคที่ 3 ตุลาสลับฉาก (ตุลา 2516-19=3 ปี) นายกฯ สัญญา ธรรมศักดิ์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

ยุคที่ 4 ทหารการเมือง+ทุนนิยมสามานย์ (ตุลา 2519-ปัจจุบัน=33 ปี) เริ่มจากนายกฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร จนถึงนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ผมขอวิเคราะห์รวบยอด ดังนี้

1. หากไม่นับการเปลี่ยนแปลงทางวัตถุและขนาดของระบบเศรษฐกิจที่เติบโตตามกาลเวลาแล้ว โครงสร้าง พฤติกรรม และอนาคตการเมืองไทยเสื่อมและเลวลงกว่าเดิมเรื่อยๆตั้งแต่ยุคที่ 2 เป็นต้นมา

2. ยุคที่ 1 นั้น การทดลองประชาธิปไตยเกือบจะลงตัวแล้ว ไม่มีคดโกงคอร์รัปชัน ผู้นำถึงจะแก่งแย่งและต่อสู้กันก็มีอุดมการณ์และซื่อสัตย์สุจริตทุกคน

3. ยุคที่ 2 รัฐประหารทำลายอนาคตประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง การต่อต้านคอมมิวนิสต์ ระบบราชการ กองทัพและตำรวจขยายตัว การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และความเติบโตของinfrastructure ได้แก่ ถนนหนทางไฟฟ้า การจัดระบบซื้อหาจัดจ้างสัมปทานและการประมูลงานภาครัฐโดยเอกชน ฯลฯ เป็นการปูพื้นฐานและเปิดหนทางให้มีการคดโกงคอร์รัปชันของหน่วยราชการ ส่วนผู้มีอำนาจทางการเมืองนั้นจะกินรวบยอดจากโครงการช่วยเหลือต่างประเทศ เช่นกองทัพและรัฐวิสาหกิจต่างๆ นักการเมืองเลือกตั้งถูกสยบหงออยู่ภายใต้ทอปบูท

4. ยุคที่ 3 สลับฉากรัฐบาลพระราชทานของนายกฯ สัญญาเลือกตั้งทางอ้อมกลับดีกว่าเลือกตั้งล้วนๆ ของม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นักเลือกตั้งเริ่มเรียนวิธีชิงอำนาจด้วยการบวกเลขจำนวนที่นั่ง ส.ส.หัวหน้ามุ้งต่างๆ ฝึกหากินกับงบประมาณและการโกงในยุคต่อไป ถึงผู้นำจะไม่คอร์รัปชันเสียเอง ก็ไม่สามารถห้ามข้าราชการและนักการเมืองบางคนที่ถือคัมภีร์ “เงินไม่มา-ข้าไม่เซ็น” ได้ พรรคมีพฤติกรรมเป็นแค่แก๊งเลือกตั้ง เผด็จการทหารจึงกลับมายึดอำนาจคืนได้

5. ยุคที่ 4 คือยุคที่การเมืองไทยตกต่ำที่สุด ยาวนานถึง 33 ปี ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะออกจากวงจรอุบาทว์และวัฏจักรน้ำเน่าสำเร็จหรือไม่ วงจรอุบาทว์เกิดจากทหารใช้กำลัง และวัฏจักรน้ำเน่าเกิดจากทุนสามานย์ใช้เงินยึดอำนาจรัฐ ขณะนี้ทั้งทหารและนักเลือกตั้งต่างก็ยังชิงไหวชิงพริบกันอยู่ ปลายยุคมีการทำลายกฎหมายและคอร์รัปชันโกงกินอย่างมโหฬารและต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้ขัดแย้งกันในประเทศอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสในวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ว่า “บ้านเมืองกำลังล่มจม ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปอย่างไร” และพระบรมราชินีนาถทรงดำรัสในเดือนเดียวกันว่า “(เขาว่า) ยุคปัจจุบันที่พวกเราฯ อยู่ คือ กลียุค”

6. ที่จริงยุค 4 อาจแบ่งได้อย่างน้อย 2 ยุค คือยุคทหารการเมืองหรือเผด็จการทหารกับยุคทุนสามานย์ แต่เนื่องจากมีลักษณะทางโครงสร้างและระบบพฤติกรรมตลอดจนองค์ประกอบหรือตัวบุคคลคาบเกี่ยวกัน จึงสงเคราะห์ให้เป็นยุคเดียว มีครม.ถึง 16 คณะ นายกรัฐมนตรี 14 คน (1) ใช้อำนาจกองทัพเข้าสู่อำนาจ 6 คน คือ ธานินทร์ เกรียงศักดิ์ เปรม อานันท์ (2 ครั้ง) สุจินดา สุรยุทธ์ รวมกันประมาณ 15 ปีและ (2) ใช้การเลือกตั้ง คือ ชาติชาย ชวน (2 ครั้ง) บรรหาร ชวลิต ทักษิณ สมัคร สมชาย รวมกันประมาณ 17 ปี กับ อภิสิทธิ์ยังไม่ครบ 1 ปีดี ซึ่งใช้อำนาจแฝงของกองทัพบวกกับเสียงพรรคการเมืองในสภาตามครรลองระบบสภาไทย

7. นายกรัฐมนตรียุคที่ 4 ที่ได้ชื่อว่าซื่อสัตย์มีหลายคน แต่หาได้ปลอดคอร์รัปชันไม่ ซ้ำมากมายใหญ่โตกว่ายุค 2 และ 3 จนเทียบกันไม่ได้ สาเหตุที่มักจะถูกมองข้ามก็คือรัฐบาลเกือบทุกรัฐบาลถือกำเนิดมาจากการคอร์รัปชันอำนาจ ถ้าไม่อำนาจกองทัพก็อำนาจเงิน หรือทั้งสองอย่าง นักการเมืองทุกคนตั้งแต่หัวแถวถึงปลายแถวต่างปฏิเสธว่าตนไม่ได้ซื้อเสียง ทุกคนโกหกว่าตนใช้เงินเกินตามที่ กกต.จำกัด คนที่ใช้อำนาจกองทัพ ทั้งอำนาจตรงและอำนาจแฝงก็น่าจะรู้แก่ใจตนเองดี เมื่อทั้งคนทั้งระบบของเราขาดอำนาจทางศีลธรรมเช่นนี้ จะเอาอะไรมาเป็นเครื่องมือป้องกันหรือควบคุมการคดโกงคอร์รัปชัน หรือแม้แต่การสร้างความสามัคคีและประชาธิปไตยที่แท้จริงได้

8. ยุคทักษิณตรงกับคำกล่าวว่า Power Corrupts, Absolute Power Corrupts Absolutely เป็นยุคเดียวผู้นำมีอำนาจสูงสุด นักการเมืองข้าราชการและพ่อค้ารวมหัวกันคอร์รัปชันอำนาจ และกอบโกยจนได้ชื่อว่าโคตรโกงและโกงทั้งโคตร มีลักษณะคล้ายระบบฮุนเซน ซึ่ง Global Witness วิเคราะห์ว่าเป็น Kleptocracy ของ Shadow State

Kleptocracy แปลว่าการปกครองที่รัฐบาลคอร์รัปชันและปล้นเงินหลวงไปบำเรอตนเองและพวกพ้อง มาจาก Kleptomania แปลว่าขโมยติดสันดานจนไม่รู้สึกตัวว่าขโมย

Shadow State คือประเทศที่อำนาจรัฐถูกใช้โดยคณะบุคคลเพื่อความมั่นคงและร่ำรวยของหัวหน้าและบริวาร ครอบงำ แทรกแซง และนำกลไกของรัฐมาใช้ส่วนตัว ในกองทัพ ตำรวจและศาลากลางล้วนมีตัวรัฐหรือบุคลากรซ้อนของผู้เป็นหัวหน้ากำกับอยู่ทั้งสิ้น

9. ถ้าตอบได้ว่าโสเภณีกับซ่องใครเกิดก่อนและใครเลวกว่ากัน ก็ตอบเรื่องนักการเมืองหมาๆ กับระบบการเมืองหมาๆ ได้ โดยพากันลืมหัวหน้าซ่องและหัวหน้าพรรคเสียสิ้น สิ่งที่ทำให้เกิดการเมืองหมาๆ และระบบการเมืองหมาๆ เกิดขึ้นเมื่อ

9.1 อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เผยแพร่คัมภีร์ที่กลายเป็นศาสนาในหมู่นักเลือกตั้งทุกคนว่า “เป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้งเกือบตาย” (เป็นรัฐบาลอิ่มหมีพีมัน) คุณหญิงอดีตนายกฯ บอกเสนาะ เทียนทอง ว่า “การเมืองก็เหมือนธุรกิจ ลงทุนขนาดนี้ต้องอยู่ถึง 12 ปีจึงจะคุ้ม”

9.2 เกิดการซื้อเสียงเลือกตั้งทุกพรรคอย่างเป็นระบบ การซื้อเสียงแบบสุจินต์ ปลาทูเค็ม โรคร้อยเอ็ดหนึ่งและสอง (สุนีย์รัตน์-เกรียงศักดิ์) เป็นเรื่องบุคคลไม่ถือว่าเป็นระบบ ระบบเกิดขึ้นในสมัยเปรม เมื่อรัฐมนตรีว่าการเกษตรถูกเด้งสมัยเปรม 2 รู้ว่าเปรมต้องเคารพโควตาพรรคจึงจะอยู่ได้ พรรคต่างๆ จึงพากันซื้อเสียงอย่างเป็นระบบ รัฐมนตรีคนนั้นกลับมาในเปรม 3 และต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี

10. ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาโครงสร้าง คือ Old Paradigm ที่อยู่ในความคิดและกฎหมายที่เขียนออกมาบังคับใช้รวมทั้งรัฐธรรมนูญ

11. ผมเขียนไว้มากแล้ว เช่น ใน “คอร์รัปชัน..กับความเป็นไปไม่ได้ในระบบพรรคการเมืองไทย” ( 8 ส.ค. 44) กับ “พรรคหัวหน้าตั้งไม่ยั่งยืน 1-2” (15-19 ก.พ. 50) ดั่งนี้ นักการเมืองจึงต้องแย่งกันกอบโกยเพื่อเป็นทุนเลือกตั้งครั้งหน้าและรักษาอำนาจ และศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ ก็ได้ตอกย้ำเร็วๆ นี้ว่า ด้วยความรู้อันต่ำต้อยนักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จึงพากันเขียนกฎหมายบังคับให้ ส.ส.สังกัดพรรคและให้นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.เท่านั้น ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลกเขาทำกัน เป็นเหตุให้เผด็จการทุนนิยมสามานย์ครองอำนาจรัฐได้ตลอดกาล จนกว่าจะมีรัฐบุรุษมาปฏิวัติ (ประชาธิปไตย) ล้มล้างกติกาดังกล่าว (ของสุนัขเสื้อแดงและขุนทหารการเมืองทั้งหลาย)

12. นักจิตวิทยาทั่วโลกเชื่อทฤษฎีการเรียนรู้ (อันนำไปสู่การกระทำ) ของ Pavlov และยกให้มนุษย์รวมทั้งนักการเมืองทุกคนเป็นสุนัขของ Pavlov หมด เรื่องมีว่า Pavlov เอาอาหารให้หมาในกรงทดลองกิน ทุกครั้งที่ได้กินหมาจะน้ำลายไหล แม้กระทั่งกลิ่นและเสียงเดินของผู้ที่นำอาหารมา สุนัขก็จำได้ และน้ำลายทะลักออกมาก่อน ทั้งที่ไม่เคยอ่าน Pavlov คนไทยก็มีคำพังเพยว่า ตราบใดที่หมายังกินขี้ นักการเมืองก็ยังโกง และความเคยชินของนักการเมืองเคยได้อำนาจมาด้วยวิธีใดก็ยึดมั่นในวิธีนั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

คำถามปีใหม่นี้สำหรับคนไทยที่รักในหลวงห่วงบ้านเมืองและลูกหลานทุกคนก็คือ พวกเราจะยอมเป็นพลเมืองหมาๆ ที่คอยเทิดทูนรักษานักการเมืองหมาๆ กับระบบการเมืองหมาๆ ไว้อีกนานเท่าใด


การ์ตูนล้อการทดลองของ Pavlov
“แกคอยดูนะ ข้าแกล้งน้ำลายไหลทีไร ไอ้หมอนี่จะยิ้มและรีบจด”
กำลังโหลดความคิดเห็น