กรุงเทพฯ - โถ...น่าฉงฉาน หมอ-พยาบาลรุมเตือน "ปู้จิ้น" อย่าพลิกลิ้นบ่อยครั้งจนเกินเหตุ ไม่งั้นต้องเดือดร้อนลูกชาย "เสี่ยหนู" ให้จับใส่รถเข็นก่อนแจ้นมาพึ่งโรงพยาบาล ติงอายุตั้ง 73 แล้ว สมควรอยู่กับร่องกับรอย ออกฤทธิ์โลเลบ่อยๆ ระวังปากจะห้อยเหมือน "หัวหน้า Win"
ระทึกกันทั้งโรงพยาบาล เมื่อรถร่วมกตัญญูเปิดหวอ (ว้าย! โป๊ 555) เสียงดังสนั่นลั่นเมือง เล่นเอาพยาบาลและนายแพทย์ที่กำลังหลับนกตกอกตกใจ วิ่งกันตับแลบเพื่อไปดูอาการคนไข้ที่อาสาสมัครกำลังช่วยกันหามลงจากกระบะรถปิกอัพด้วยความทุลักทุเล ต่อมาทราบชื่อคนไข้วัยแรกแย้มฝาโลง คือกระทาชายนายปู่จิ้น อายุ 73 ปี ที่บุตรชาย ได้แก่ "เสี่ยหนู" ทำหน้าที่เข็นรถพาคุณปู่จิ้นมายังหน่วยฉุกเฉินด้วยสีหน้าหวั่นวิตกตลอดเวลา อาจเพราะเกรงว่าบิดาจะทนความเจ็บปวดไม่ไหว เพราะวัยก็ล่วงเข้าสู่ปูนนี้แล้ว
อาการของคุณปู่จิ้นในตอนแรกที่ถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าลิ้นห้อยย้อยออกมาจากปากแล้วไม่สามารถกลับคืนไปอยู่ในจุดเดิมได้ เบื้องแรกปู่จิ้นหายใจไม่ออก ใบหน้าเขียวคล้ำราวกับถูกหมอผีเขมรบีบกล่องดวงใจ หรือไม่ก็ถูกใครสักคนที่มีอิทธิพลสูงกว่าในพรรคเดียวกัน บังคับให้ใช้ลิ้นทำอะไรบางอย่างแทน จนในที่สุดถึงกับชักลิ้นกลับไปอยู่ในปากไม่ได้ จำใจต้องปล่อยให้ห้อยคาปากอยู่เช่นนั้น
นายแพทย์เจ้าของไข้กล่าวภายหลังตรวจอย่างละเอียดแล้วว่า ปู่จิ้นต้องอย่าพลิกลิ้นบ่อย เพราะการพลิกลิ้นบ่อยเกินกว่าคนปกติสุ่มเสี่ยงต่อการเจ็บไข้ในลักษณะนี้มากกว่าผู้อื่น ยิ่งปัจจุบันปู่จิ้นมีอายุกว่า 70 ปี จำเป็นว่าเวลาจะพูดอะไรก็ควรตัดสินใจให้แน่วแน่แล้วจึงค่อยๆ พูดออกมา ไม่ใช่วันนี้พูดอย่าง พอรุ่งขึ้นตวัดลิ้นพูดอีกอย่าง ท้ายที่สุดจะเกิดอาการลิ้นห้อยคาปากอย่างที่เห็นนี้ได้ ต่อมานายแพทย์จึงนำคนไข้วัย 73 ปี ไปยังห้องปฐมพยาบาล จากนั้นได้ยินเสียง ผัวะ ตุ้บ ตั้บ เพียะ โอ๊ย ดังออกมาเหมือนมีเหตุการณ์ซ้อมกันอุบัติขึ้นในยามวิกาล
อีกประมาณ 3 นาที ปู่จิ้นกลับออกมาพบหน้าเสี่ยหนูด้วยความปกติ กล่าวคือลิ้นที่ห้อยคาปากกลับไปอยู่ในที่ๆ สมควรอยู่ ยกเว้นบริเวณมุมปากและแก้มที่แดงเถือกประหนึ่งเพิ่งถูกตบแบบไม่แบมือมาหมาดๆ
"ผมขอเตือนคนไข้ไว้ ณ ที่นี้อีกสักครั้งหนึ่งนะครับ อย่าได้พูดกลับไปกลับมา หรืออย่างที่เรียกว่าพลิกลิ้นอีกต่อไปเลย เก็บปากไว้เคี้ยวหมากกับอมนมจะเหมาะสมกว่านะครับ แก่จนปูนนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาจถึงขั้นเดียวกับคุณวินก็ได้" คุณหมอเปรยพลางส่ายหน้า จากนั้นหันไปใช้ยาหม่องทาสันมือที่ดูเหมือนเพิ่งกระทบกับโหนกแก้มและมุมปากของใครมาสดๆ ร้อนๆ
ปู่จิ้นทำตาละห้อยถามว่าเก็บปากไว้กินหมาก แล้วร่างกายควรจะเก็บไว้ทำอะไร ได้ยินเสียงพยาบาลตอบสวนแทนคุณหมอว่า "เก็บไว้เป็นปุ๋ยมะม่วงข้างบ้านก็ได้นี่คะ เผื่อชาติหน้าจะเป็นประโยชน์ทำให้โลกร้อนลดลงติ๊ดนึง คิกคิกคิก"