xs
xsm
sm
md
lg

ปลายเล็บ ของ Love Actually : ปาย อิน เลิฟ/อภินันท์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


อีเมล์ : apnunt@yahoo.com

คงต้องยอมรับกันอย่างจริงใจว่า มันเป็นความฉลาดหลักแหลมอย่างเหลือล้นของคนสร้างหนังเรื่องนี้ ที่เลือกหยิบเอาเมืองท่องเที่ยวอย่าง “ปาย” มาเป็นทั้งชื่อหนังและจุดเกิดเหตุของเนื้อหาเรื่องราว เพราะก็อย่างที่เราๆ ท่านๆ คงรู้ๆ กันอยู่แล้วนั่นล่ะครับว่า หลายปีมานี้ เมืองปายได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งของเมืองไทย ดังนั้น หนังเรื่องนี้จึงเท่ากับว่าได้กระแสความป๊อปของปายมาเป็นตัวช่วยในการขายไปโดยปริยาย

และเหนืออื่นใดเลยก็คือ ผมคิดว่ามันเป็นการ “ถูกที่ถูกเวลา” อย่างยิ่ง สำหรับหนังอย่าง “ปาย อิน เลิฟ” เนื่องจาก...หนึ่ง มันถูกสร้างออกมาในช่วงที่กระแสของปายยังกรุ่นๆ อยู่ เพราะถ้าสร้างช้ากว่านี้สัก 5 หรือ 10 ปี บางที ปายอาจจะเลิกป๊อปไปแล้วก็ได้ แน่นอน มันย่อมส่งผลต่อกระแสของหนังไปด้วยอย่างไม่อาจปฏิเสธ และ...สอง ผมว่า จังหวะที่หนังเข้าฉายก็เป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะหน้าหนาวแบบนี้ ใครต่อใครต่างก็กำลังคิดถึงปายในฐานะจุดหมายปลายทางแห่งการไปท่องเที่ยวพักผ่อน...

ก่อนจะพาคนดูเข้าสู่เรื่องรักอันหลากหลาย “ปาย อิน เลิฟ” เริ่มต้นเรื่องราวที่หนุ่มสาวนักศึกษาจากกรุงเทพฯกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางไปยังเมืองปายเพื่อถ่ายทำหนังสั้น แต่ทั้งๆ ที่มีโลเกชั่นเก๋ๆ อย่างเมืองปายเป็นสถานที่ถ่ายทำขนาดนั้นแล้ว ปัญหาหนักอกของพวกเขา กลับกลายเป็นว่ามันยังไม่มีบทหนังที่เจ๋งๆ โดนๆ พอที่จะสร้างได้ ด้วยเหตุนี้ ปฏิบัติการค้นหาบทหนังจึงเริ่มต้นขึ้น และนั่นก็กลายเป็นที่มาอันสำคัญซึ่งทำให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกับเรื่องรักหลากรูปแบบที่ถือกำเนิดขึ้นบนดินแดนแห่งนี้...

แน่นอนครับว่า สิ่งที่หลายๆ คนคงจับตาและคาดหวังว่าจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ลำดับแรกๆ น่าจะเป็นงานด้านภาพที่ได้เมืองท่องเที่ยวสวยๆ เป็นแบ็กกราวน์ฉากหลัง แต่มันก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเสียดายพอสมควร เพราะหนังไม่ได้ใช้สอยความสวยของปายอย่างคุ้มค่าเพียงพอ ไม่มีภาพภูมิทัศน์ที่โดดเด่นสะดุดตาให้รู้สึกว่ามันมีเสน่หาน่าหลงใหลอะไรเลย ซึ่งพูดก็พูดเถอะ ผมว่ารูปภาพที่บรรดานักท่องเที่ยวซึ่งไปเที่ยวที่ปายแล้วถ่ายเก็บมาโพสต์ไว้ให้หาดูได้ตามบอร์ดหรือบล็อกต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ยังดูงดงามกว่าเป็นไหนๆ

และคงเหมือนกับหนังไทยหลายๆ เรื่องที่ได้รับอิทธิพลทางรูปแบบการเล่าเรื่องมาจากหนังดีๆ อย่าง Love Actually ไม่ว่าจะเป็น ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น, Before Valentine หรือแม้แต่ “รักแห่งสยาม” ที่ว่ากันอย่างถึงที่สุด ก็ล้วนแล้วแต่มีลักษณะและกลิ่นอายของหนัง “หลายชีวิต” และ “หลายคู่รัก” แบบ Love Actually ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งสำหรับ ปาย อิน เลิฟ ก็เป็นเช่นนั้น

แต่ทว่าด้วยพื้นฐานที่มาซึ่งแตกต่างกัน ส่งผลให้ “ปาย อิน เลิฟ” กับ Love Actually เปรียบเสมือนฟุตบอลคนละลีกกันไปเลย เพราะในขณะที่เรื่องราว “หลายคู่รักหลากชีวิต” ของ Love Actually นั้นมันถูกคิดขึ้นมาเบ็ดเสร็จตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าหนังจะมีเนื้อหาอารมณ์แบบนี้และใช้การเล่าเรื่องแบบนี้ๆ แต่ “ปาย อิน เลิฟ” มันเป็นการต่อยอดที่ไปหยิบเอาหนังสั้นๆ 6 เรื่องซึ่งเคยฉายในเทศกาลหนังเมืองปายมาขยาย แล้วใส่เรื่องของนักศึกษาทำหนังเข้ามาเป็นตัวเชื่อมร้อยเรื่องสั้นแต่ละเรื่องเข้าด้วยกัน (อันที่จริง ผมคิดว่าลักษณะของมันคล้ายๆ กับ New York, I Love You มากกว่า เพียงแต่เรื่องหลัง คะแนนนำห่างหนังของพี่ไทยเราเยอะมากในแง่คุณภาพ)

อย่างไรก็ตาม นั่นดูเหมือนจะไม่สลักสำคัญเลย เมื่อพูดถึงว่า เนื้อหาเรื่องราว ตลอดจนการดำเนินเรื่องของ Love Actually ดูมีมิติหลากรสหลายอารมณ์ซึ่งกลมกล่อมกลมกลืนทั้งเนื้อหาและอารมณ์ ที่มีทั้งขื่นขม ขบขัน และหวานซึ้ง แต่บรรยากาศโดยรวมของ “ปาย อิน เลิฟ” ดำเนินไปแบบนิ่งๆ เนือยๆ และที่สำคัญก็คือ ขาดไร้อารมณ์ขันที่จะเป็นสีสันของเรื่องอย่างแทบจะสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่หนังมีตัวละครเป็นวัยรุ่นๆ ซึ่งน่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความสนุกให้กับเรื่องราวได้
โอเคล่ะ แม้เราจะเห็นความพยายามของคนทำอยู่เหมือนกันที่จะใช้สอยตัวละครวัยรุ่นเหล่านั้นเป็นตัวสร้างสีสันความสนุก แต่ทว่ามุกส่วนใหญ่ของวัยรุ่นในเรื่องก็ดูจะเป็นมุกแป้กไปซะมากกว่า และที่น่าแปลกใจเหลือหลายก็คือ การที่หนังใส่บทของพ่อผู้หงอๆ กับลูกชายจอมบงการเข้ามาเพราะ (คง) เข้าใจไปว่ามันจะเป็นเรื่องตลก!!

ขณะเดียวกัน ความลึกซึ้งโดนใจของเรื่องรักแต่ละเรื่อง ก็ดูจะจับต้องได้น้อยเหลือเกิน คือจริงๆ เราอาจจะบอกว่ามันก็เป็นหนังรักที่พอกล้อมแกล้มดูไปได้เรื่อยๆ แทรกสลับกับถ้อยคำจำพวกที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือคำคมความรักและสั่งสอนใจการใช้ชีวิต

แต่ถึงกระนั้น ถ้าถามถึงความซึ้งความอินของเรื่องราว ผมว่าคนทำอาจจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการผูกปมและสร้างพล็อตที่แข็งแรง อย่างไรก็ดี ถ้ามันจะมีตอนหนึ่งตอนใดที่พอจะกล่าวได้ว่า “มีไอเดีย” น่าชมอยู่บ้าง ผมคิดว่าก็คงเป็นตอน “รักเธอที่ศูนย์”

ครับ, ว่ากันอย่างถึงที่สุด ถ้าไม่พยายามไปคิดเล็กคิดน้อยว่า มันเป็นหนังที่เกาะกระแสความดังของเมืองปายและอาศัยความป๊อปของปายมาเป็นจุดขาย แต่ในทางกลับกัน ผมว่า “ปาย อิน เลิฟ” โดยตัวของมันเอง ก็ได้ทำหน้าที่ไม่ต่างไปจากเสียงอีกเสียงหนึ่งซึ่งช่วยกระจายชื่อเสียงให้กับเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ไปด้วยในขณะเดียวกัน และนั่น...ก็คือสิ่งที่ผมคิดว่า ดีที่สุดแล้วสำหรับงานชิ้นนี้...






กำลังโหลดความคิดเห็น