xs
xsm
sm
md
lg

“เก๋” ยัวะ “หนึ่ง” เซอร์ไพร์สแต่งงานไม่ดูตาม้าตาเรือ จวกทำอะไรไม่บอก ลั่นอาจไม่มีงานแต่งเกิดขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เก๋ ชลดา” อึ้งกิมกี่หลังถูก “หนึ่ง” ทายาทสหมงคลแฟนหนุ่มทำเซอร์ไพร์สด้วยการจองโรงแรม , สตูดิโอถ่ายภาพ เพื่อจัดงานขอแต่งงานเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่คนอื่นกลับรู้เรื่องหมด โวยจะทำอะไรทำไมไม่บอก เผยตนและครอบตัวค่อนข้างเสียความรู้สึก ประกาศเว้นวรรคความรักลดระดับความสัมพันธ์ ส่วนจะมีงานแต่งเกิดขึ้นหรือไม่ยังไม่แน่ใจ

คบหาดูใจกันมาก็หลายปี จนถูกเล็งว่าคู่ของนางแบบสาว “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี” กับทายาทสหมงคลฟิล์มอย่าง “หนึ่ง อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ” จะเป็นคู่ที่เตรียมสละโสดเป็นคู่ต่อไปแน่นอน โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทั้งคู่จะเข้าพิธีวิวาห์วันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีงานวิวาห์เกิดขึ้น จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บางก็ว่าสาเหตุเกิดจากฝ่ายชายเอาเงินไปซื้อรถสปอร์ตจนหมด บ้างก็ว่าเก๋เป็นเจ้าสาวที่กลัวฝนประกาศเลื่อนการแต่งงานเอง

แต่ล่าสุดเก๋ก็ออกมายอมรับว่า วันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมาหนึ่งได้วางแผนทำเซอร์ไพร์สขอแต่งงานขึ้นจริงๆ ซ้ำยังมีการจองโรงแรม และสตูดิโอถ่ายภาพไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่ตนเองไม่รู้เรื่อง พึ่งจะมาทราบก่อนถึงวันงานเพียง 2 วันเท่านั้นสร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของเก๋เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นชนวนบาดหมางทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจถอยห่างกันไปในที่สุด

“เราต้องถอยห่างมาตั้งตัวด้วยกันทั้งคู่ว่าเราเกิดความผิดพลาดอะไร ทำไมถึงมีข่าวไม่ดีออกมาอย่างนี้ได้ ข่าวที่ว่าไม่ดีก็คือที่ว่าจะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นถูกเลื่อน คือจริงๆ แล้วมันไม่ได้มีการเลื่อน เพราะมันไม่ได้มีการกำหนดวันกันเลยด้วยซ้ำค่ะ อย่างที่บอกว่าตัวเก๋เองตอนนี้ถูกเป็นจำเลยโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะในเนื้อข่าวบอกว่าเป็นเจ้าสาวที่ถูกเลื่อนการแต่งงาน ซึ่งจริงๆ งานแต่งงานยังไม่มีการกำหนดวันเกิดขึ้นเลย”

“จริงๆ มันเป็นเรื่องเสียความรู้สึกมากกว่านะคะ คือเก๋เข้าใจว่าจริงๆ แล้วคุณหนึ่งเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เก๋เชื่อว่าเป็นเจตนาดี แต่จุดประสงค์เราอาจจะคลาดกัน คงไม่คิดว่าจุดประสงค์นั้นจะออกมาเป็นผลในลักษณะนี้ หนึ่งเองเขาก็คงต้องเสียใจมากนะคะ เพราะเรื่องมันไม่เป็นเรื่องเลย เก๋ว่าทุกๆ ชีวิตคู่ไม่ว่าจะเป็นคนรัก คนพิเศษต่อกัน ก็คงจะมีปัญหาระหองระแหงกัน อันนี้มันเป็นปัญหาที่เป็นนอกประเด็น นอกปัจจัย มันไม่ใช่เรื่องราวของความรัก ความรู้สึกอย่างที่บอกว่าเราต้องแยกสองเรื่องนะคะ”

“ต้องบอกก่อนว่าความรักของเราก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย แต่ว่าเรื่องงานแต่งงานที่มันเกิดขึ้นมันทำให้ความรักของเราเกิดปัญหาขึ้น ชีวิตแต่งงานมันมีองค์ประกอบน่ะค่ะ เก๋ว่าตรงนี้องค์ประกอบอาจจะเยอะเกินไป และที่ทำให้เราถอยห่างกัน คือใช้ศัพท์คำนี้ได้เลยว่าเราไม่เข้าใจ ตัวเก๋เองเก๋ก็ไม่เข้าใจว่าหนึ่งเขาคิดอะไรอยู่ตอนที่เขาทำ ทำไมมันถึงมีข่าวเล็ดลอด”

“ซึ่งที่ผ่านมาสื่อมวลชนทุกคนก็ถามเก๋ตลอดว่าจะมีงานแต่งงานนี่ คือเอาเป็นว่าคนรอบๆ ข้างเก๋รู้เรื่องหมดเลย แต่ตัวเก๋กับครอบครัวเก๋ไม่ได้รับทราบตรงนี้เลยว่ามันจะมีงานดีเกิดขึ้น สถานที่จัดงานต่างๆ แม้กระทั่งวีทีอาร์ หรือสตูดิโอที่เขาถ่ายภาพเขาก็รู้เรื่อง โดยที่เจ้าตัวรู้เป็นคนสุดท้ายน่ะค่ะ”

“จริงๆ เก๋ไม่ได้เสียใจที่หนึ่งจะทำเซอร์ไพรส์แบบนี้นะคะ เพียงแต่ว่าจะทำแล้วข่าวมันหลุดออกไปได้ยังไง พี่ๆ น้องๆ รู้หมดแล้วข่าวก็มากดดันว่าทำไมไม่มีงานเกิดขึ้น ไปทำอะไรอยู่ พอไม่มีงานเกิดขึ้นเก๋ก็กลายเป็นคนวิ่งหนีหรือว่าเลื่อนวิวาห์กลายเป็นเรื่องเป็นราว”

เผยพึ่งมารู้เรื่องงานแต่งก่อนจะถึงวันแต่งเพียง 2 วันเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นรู้กันหมดแล้ว ทำให้ทางครอบครัวไม่พอใจมาก
“ก็ถามหนึ่งค่ะ แล้วก็ได้มีโอกาสอ่านสัมภาษณ์ที่เขาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไปเมื่อวันเสาร์นะคะ เขาก็บอกว่ายอมรับผิดตรงนี้ว่าเขาสะเพร่าเอง คือความลับมันไม่มีในโลกน่ะค่ะ เขาไปจ้างให้คนนั้นคนนี้แต่งเพลง และสตูดิโออันนี้ก็มาเจอเก๋ทำงาน ก็มีคนมาเล่าให้ฟัง”

“หรือแม้กระทั่งสถานที่จัดงาน คือเก๋ไปทานข้าวกับที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ พนักงานเขาก็บอกว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงเกิดขึ้นนะคะ พนักงานเขาก็หวังดี มาบอกเราว่าเดี๋ยววันที่ 9 จะมีงาน ซึ่งวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมาเก๋ก็ทำงาน วิ่งตั้งหลายงาน วันนั้นเป็นวันดีทุกคนก็ทำงานกันหมด วันเปิดอัลบั้ม วันเปิดสถานเสริมความงาม วันงานพิธีกรมันก็งานเยอะน่ะค่ะ ตัวเก๋เองก็ไม่ได้มีการรู้ตัวล่วงหน้าเลย”

“เก๋รู้ก่อนวันที่ 9 ได้ 2 วันเองค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันที่ 6 วันที่ 7 เอง คือไม่ใช่ว่าบอกปุ๊บเขาจะแต่งปั๊บหรอก แต่วันที่ 9 ที่คุณหนึ่งจองห้องไว้คือเหมือนกับจะทำเป็นงานเลี้ยง เรียกเพื่อนๆ มาว่าจะเซอร์ไพรส์ใหญ่ว่าจะขอแต่งงานต่อหน้าเพื่อนๆ อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ”

“จริงๆ การเซอร์ไพรส์แต่งงานมันไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะคะ คือสิ่งที่หนึ่งทำเก๋ว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่เนียนมากๆ แต่ว่าเผอิญข่าวมันหลุดออกมา แล้วพี่ๆ สื่อมวลชนตีข่าวทุกวันไงคะว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้น ไปถามคุณพ่อคุณแม่เหมือนกับเป็นข่าวออกมา แต่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ได้รับทราบ ทางคุณพ่อคุณแม่หนึ่งก็ยังไม่รับทราบ ก็ยังให้คนไปดูฤกษ์ ตามข่าวอย่างที่หนึ่งเคยให้สัมภาษณ์เลยว่าจริงๆ เรามีฤกษ์แต่งงานกันปีหน้า”

“แต่คุณพ่อคุณแม่เก๋ก็ไม่ได้ทราบเรื่องนี้เลย มีคนมาถามทุกวัน ข่าวก็ออกทุกวันมันก็มีผลกระทบทำให้เกิดความกดดันน่ะค่ะ มันก็เหมือนบั่นทอน คือก่อนหน้านี้เก๋ถามหนึ่งว่าเราจะมีอะไรอย่างนี้หรือเปล่า หนึ่งก็ไม่มีๆ เก๋ก็บอกแน่ใจนะ จะได้ตอบคำถามกับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชน เก๋ไม่อยากดูเป็นคนโกหก เก๋ไม่อยากดูเป็นคนไม่รู้น่ะค่ะ”

“ทางครอบครัวคุณหนึ่งเก๋ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปคุยกันแบบลึกซึ้ง เพราะอย่างที่ทราบว่าเก๋เพิ่งรู้ข่าวเมื่อวันเสาร์เอง แต่ว่าทางครอบครัวเก๋คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ค่อยแฮปปี้นะคะ เพราะต้องบอกว่าท่านไม่ทราบเลย และก็ไม่รู้เรื่อง แล้วพอหนังสือพิมพ์ตีข่าวว่ามีงานวิวาห์ คือต้องบอกว่าข่าวมันมีส่วนกระทบทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใจกันด้วยค่ะ เราก็เลยรู้สึกว่าเราไม่มีโอกาสพูดกันด้วย ในที่สุดก็เลยกลายเป็นเรื่อง มันก็บั่นทอนในความรู้สึก”

“ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่เก๋ค่อนข้างเสียความรู้สึก เพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนถามป๊ากับม๊าเยอะพอสมควร ท่านก็บอกไม่มีนะๆ ยังไม่มีการมาบอก ยังไม่มีการมาเป็นเรื่องเป็นราวเลย กับของที่เตรียมไว้ทั้งวีดีโอ ทั้งสถานที่จัดเลี้ยงก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือเปล่านะคะ(หน้าเศร้า) ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เรื่องแต่งที่ว่าจะมีปีหน้ามันก็ยังไม่เที่ยงนะคะ คือเข้าวัดมาแล้ว ตอนนี้ก็ท่องว่าไม่เที่ยงหนอ อะไรที่ว่าแน่นอนยังไม่แน่เลย”

ยอมรับว่ายิ่งกลัวการแต่งงานมากขึ้นจากเดิมที่ก็กลัวอยู่แล้ว แถม “หนึ่ง” ยังมาเปลี่ยนไปอีก กลับเป็นฝ่ายจุกจิกมากขึ้น ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจในตัวแฟนหนุ่มแล้ว
“ถามว่ามองเรื่องแต่งงานตอนนี้ยังไง บอกความเดิมเลยว่าเก๋ค่อนข้างจะกลัวเกรงอยู่แล้วนะคะ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เก๋ต้องบอกว่า ความรักเราดีมาตลอดเลยนะคะ เราไม่เคยมีปัญหาเลย แต่พอมีข่าวแต่งงานออกมาเราก็ทะเลาะระหองระแหงกันมาเรื่อยเลย นิดหน่อยหนึ่งก็กลายเป็นคนขี้น้อยใจ คือมีกฎเกณฑ์ต่างๆ ตั้งขึ้นมากมาย ต้องไปออกงานคู่กัน ต้องอะไรหลายๆ อย่าง มีข้อบังคับเยอะมาก เก๋ถึงบอกว่าเราต้องแบ่งคนละเรื่อง เรื่องความรักกับเรื่องแต่งงานมันคนละเรื่องกัน ตอนนี้มันเลยกลายเป็นว่าจากเดิมที่เก๋กลัวอยู่แล้วมันเลยรู้สึกเหมือนไม่ค่อยมั่นใจน่ะค่ะ ไม่ค่อยมั่นใจในตัวหนึ่ง”

“สถานะตอนนี้เก๋อยากจะถอยห่างออกมา เหมือนเราพักใจสักครู่นะคะ ความแตกต่างก็แค่เราเจอกันน้อยลงเท่านั้นเอง แต่ยังคุยโทรศัพท์กันเหมือนเดิมทุกวัน ส่งข่าวคุยกันตลอด แมสเซจหากันว่ายังโอเคมั้ย เช็คความเคลื่อนไหวเรื่องที่ให้สัมภาษณ์ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า ถามว่ายังรักมั้ย คือความรู้สึกดีๆ ถึงขั้นที่เราเคยคุยอนาคตด้วยกันแล้ว แปลว่าผู้ชายคนนี้ก็ต้องเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่ใช่พอสมควรนะคะ ก็ยังเป็นคนพิเศษอยู่นะคะ แต่ลดระดับลงมา”

“แต่หนึ่งได้มาเจอคุณแม่เก๋แล้วค่ะ แต่ยังไม่เจอคุณพ่อ คุณแม่เขาก็บอกไม่น่าทำแบบนี้เลย คนก็ถามแม่มาเยอะนะ แม่ก็บอกว่าไม่มีๆ นะ แค่นั้นเอง ถ้าผู้ใหญ่สองฝ่ายโอเคเหรอ อันนี้ก็ต้องกลับมาดูที่เก๋แล้วล่ะ เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งก็บอกแล้วว่าความรักอยู่ที่คนสองคน แต่ไปๆ มาๆ ความรักของเราไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแล้ว มันมีองค์ประกอบคนรอบๆ ข้างเยอะเหลือเกิน ถ้าเขาเข้ามาขอทางคุณแม่ก็คงต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง เก๋ยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ อย่างที่บอกไอ้ที่ว่าแน่ยังไม่แน่เลย ตอนนี้ก็ท่องยุบหนอพองหนอค่ะ”

“แหวนที่ใส่นี่ก็ไม่ใช่แหวนคุณหนึ่งแล้วค่ะ เป็นแหวนของเพื่อนรักมากๆ เลยที่เขาเป็นกำลังใจ ก็ขอพักใจค่ะ คือตอนนี้เราก็พยายามจูนนะคะ ยังไงก็ต้องขอความเห็นใจจากพี่ๆ สื่อมวลชนด้วย บางทีการเขียนข่าวบางอย่าง การพาดหัวข่าวบางอันมันสำคัญน่ะค่ะ คือครั้งนี้ต้องขอจริงๆ ว่าการพาดหัวข่าวมันมีส่วนกระทบ คือตัวเก๋เองเป็นบุคคลในวงการบันเทิงเก๋เข้าใจ แต่ตัวหนึ่งเขาไม่ใช่ และตัวหนึ่งเองเขาก็ทำใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นผลการกระทำมันมาจากเหตุ เมื่อไม่อยากให้เหตุเกิดมันก็ไม่ควรจะสร้างอันนี้ให้เกิดขึ้น”

กำลังโหลดความคิดเห็น