“เก๋” กลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยโฮกลางงานหลังเจอซักวี่แววรีเทิร์น “หนึ่ง” บอกผู้ใหญ่แนะให้ห่างยังไม่ถึงขั้นเลิก และยังให้คำตอบไม่ได้จะลมพัดหวนหรือไม่ ปัดกุข่าวรักล่มสร้างกระแสโปรโมต พร้อมรับไม่อยากพูดมากเพราะหวั่นเสียงด่าจากประชาชน
ออกมาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ลง เหลือเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน เนื่องจากแฟนหนุ่ม “หนึ่ง อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบิ๊กบอสค่ายหนังสหมงคลฟิล์ม ตั้งใจจะทำเซอร์ไพร์สขอแต่งงาน แต่ข่าวดันรั่วหลุดมาก่อนที่พิธีกรสาว “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี” จะรู้ตัวซะอีก ทำเอาครอบครัวของฝ่ายหญิงเกิดอาการน้อยอกน้อยใจ ที่ฝ่ายชายไม่มาพูดจาเรื่องแต่งงานให้ทราบก่อนที่จะมีข่าวโผล่
พอถูกลดสถานะลง “หนึ่ง อัครพล” ก็ได้เข้าไปขอขมาครอบครัวของฝ่ายหญิง และพยายามตามงอนง้อขอคืนดี “เก๋” โดยแสดงความแมนรักจริงหวังแต่ง ด้วยการตามไปง้อที่งานแห่งหนึ่งต่อหน้าสื่อ ล่าสุดมีโอกาสเจอหน้าพิธีกรสาว จึงได้สอบถามถึงความคืบหน้า ยอมใจอ่อนคืนดีกับอดีตแฟนหนุ่มแล้วหรือไม่ เจ้าตัวกล่าวว่า
“จริงๆ แล้วมันยังไม่มีความคืบหน้า ถามถึงความสัมพันธ์ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ชัดเจนค่ะ ยังตอบไม่ได้ตอนนี้ วันนั้นอย่าเรียกว่าเขามาง้อดีกว่า คือวันนั้นหนึ่งก็มาคุย เขาตามมาที่งานคิงพาวเวอร์ พี่ๆ หลายคนก็เลยคิดว่ามาเฝ้ามาง้อ คือเก๋ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แต่ว่าวันนั้นเก๋ไปทำงานพิธีกรอยู่แล้วหนึ่งเขาก็ตามไป แล้วนักข่าวก็เลยไปสัมภาษณ์ เขาก็เลยบอกว่าอยากจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิม แต่ว่ามันต้องใช้เวลานะคะ ต้องใช้เวลาอย่างที่บอก เก๋บอกตั้งแต่แรกว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคนมันก็ถูกอยู่ แต่ในฐานะในทางปฏิบัติเนี้ยะก็จะบอกว่าความรักของเก๋กับหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไปแล้ว”
“ช่วงนี้ถามว่าโทรหากันทุกวันมั้ย คือเราคุยกันเป็นปกติค่ะ เราส่งแมสเซจคุยกันเป็นปกติ อย่างวันนี้เขาก็โทรมาถามว่าไปทำงานที่ไหน โอเคหรือเปล่า เคลียร์นักข่าวเองหรือเปล่าอะไรแบบนี้ ตามสบายเลยนะตอบเต็มที่ แต่มันก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร คือมันยังไม่เลิกแต่เว้นระยะห่าง ก็ใช้คำนี้ได้ค่ะ จริงๆเก๋ได้ความเมตตาจากผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงว่า ให้เราถอยออกมาตั้งสติทั้งคู่ แล้วเราจะได้รู้ว่า ชีวิตเราต้องการอะไร และมันยังขาดอะไร เพราะหลังจากนี้คนที่เราเลือกคือคู่ชีวิตแล้ว เราต้องคิดว่า เราจะแข็งแรงไปด้วยกันหรือเปล่า”
“พอได้ถอยออกมาคนละก้าว มันก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรขาดหายไปค่ะ เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันมานานพอสมควร สองเราก็เดินมาถึงจุดหนึ่ง คือจะเริ่มต้นอีกชีวิตหนึ่งด้วยกัน จะบอกว่าการแต่งงานไม่ใช่การสิ้นสุดของความรัก แต่ว่าการแต่งงานมันคือการเริ่มต้นของชีวิตคู่ พอเราเดินมาถึงจุดนั้นเก๋เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคน ก็คงจะรู้สึกเหมือนเก๋ว่า เราจะต้องเลือกคนที่เราคิดว่าใช่ที่สุดแล้ว ณ เวลานี้ ถ้ามันไม่ได้ก็เหมือนกับสร้างบ้านแล้วมีรอยร้าว รากฐานมันไม่แข็งแรง ตอนนี้เราก็พยายามทำให้มันทรงตัวไม่ให้มันพัง เพราะช่วงนี้บ้านเรามันมีพายุฝนฟ้าคะนอง พายุเข้าตลอดเวลาไม่รู้ว่าบ้านของเรามันจะแข็งแรงขนาดไหน”
ปัดสร้างข่าวเลิกกันเพื่อสร้างกระแส ลั่นแคนเซิลงานไปเยอะ เพราะลำบากใจที่จะให้สัมภาษณ์ แล้วถูกด่ากลับมาจากคนอ่านข่าว
“ถ้าพูดจริงๆ ความคิดของคนเรามันห้ามไม่ได้ ตัวเก๋เองก็ค่อนข้างสะบักสะบอมพอสมควร ถ้าจะมาสร้างกระแสกับเรื่องหัวใจ เก๋ว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น มันเป็นเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ และหน้าที่การทำงานด้วย เก๋ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไง แต่ตัวเก๋เองค่อนข้างลำบากมาก อย่างดาราบางคนเก๋นับถือจริงๆ นะว่า เขายังสามารถทำงานได้ บางคนบอกว่ามีข่าวแบบนี้แล้วกระแสงานเข้า แต่เก๋ว่าจริงๆ แล้วตอนนี้เก๋ไม่มีงานอีเว้นท์ที่ไหน เก๋แคนเซิลตลอดเลย ไม่รับเลยอย่างงานอีเว้นท์บางงาน เขาบอกว่ามีนักข่าวมารอเยอะๆ เอามาเป็นกระแสในการทำงาน บอกตรงๆ เลยว่าเก๋ลำบากใจในการทำงานประเภทนั้น”
“เรื่องให้กำหนดเวลาในการดูหนึ่ง บอกตรงๆว่าเก๋ไม่อยากกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยกำหนดเวลาว่าจะถึงเมื่อไหร่ มันเป็นความรู้สึกของหัวใจเราทั้งคู่ ที่จะต้องมาตอบคำถามกัน ถามว่าแย่มากน้อยแค่ไหน ต้องบอกจริงๆว่าเก๋บั่นทอนมากๆ เวลาเราพูดอะไรออกทีวีไป มันยังมีหลักฐาน มีภาพเรคคอร์ด พี่น้องประชาชนดูข่าวก็คงเข้าใจ แต่พอมาถอดคำพูดขึ้นข่าวบนเว็บไซด์หรือเป็นหนังสือ มันก็บั่นทอนมากๆ"
"คือเก๋ไม่เคยอ่านข่าวในเว็บเลย ถึงแม้ว่าเก๋ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมานาน และก็เคยทำเกี่ยวกับสื่อ ทำพีอาร์ยุคแรกๆ เก๋ไม่เคยอ่านเลยว่าคนในเว็บไซด์เขาวิจารณ์อะไรบ้าง เพราะเคยมีคนมาให้อ่านเลยบั่นทอนมากๆ คือบางอย่างที่เราพูด คนก็ไปตีความหมายไปอีกแบบหนึ่ง คนละอย่างกับที่เราพูดไป อย่างวันนี้ที่เก๋ออกมาให้สัมภาษณ์กับพี่ๆ เก๋เชื่อเลยว่าเดี๋ยวในเว็บไซด์ก็ต้องด่าอีกว่า ไม่อยากออกมาพูด แล้วมาพูดทำไมอะไร ให้สัมภาษณ์ทำไม มันก็จะเป็นวงเวียนวัฏจักรอะไรแบบนี้ค่ะ”
รับครอบครัวทั้งสองฝ่ายรู้สึกเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ย้ำพ่อแม่ไม่ได้เรื่องมาก แค่น้อยใจว่าทำไมไม่บอกกล่าวเรื่องแต่งงานก่อนมีข่าวออกมา
“ ถามว่าทางครอบครัวของเราทั้งสองว่ายังไงบ้าง เก๋ว่าตอนนี้ทุกคนก็มีแผลในใจกันถ้วนหน้า คือจริงๆทั้งเก๋และหนึ่งก็เป็นคนกลางทั้งคู่ คือเราเป็นคนกลางของกันและกัน ตัวเก๋เองก็เป็นคนกลางของบ้านเก๋และบ้านหนึ่ง อย่างหนึ่งเขาก็จะเป็นคนกลางระหว่างตัวหนึ่งเองและบ้านเก๋ด้วย คือมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เก๋ไม่ได้บอกเลยนะคะว่า คุณพ่อคุณแม่เก๋เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง อยากจะบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย มันเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า"
"ทุกคนก็บอกกล่าว ผู้ใหญ่ก็อยากให้พูดคุยกัน เก๋ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็คงน้อยใจว่า ทำไมไม่มีการพูดกัน แล้วก็มีข่าวออกมา มันกระทบกระทั่งจิตใจ เขารู้สึกว่าเอ๊ะ...เก๋เป็นลูกสาวคนเดียว เขาก็อยากจะเห็นเราเดินไปในทางที่อบอุ่น ออกจากบ้านหลังนี้ไปแล้วไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ เขาต้องต้อนรับและให้ความอบอุ่นกับเก๋เต็มที่”
เผยไม่คิดให้ฝ่ายชายปรับเปลี่ยนอะไร เพราะไม่เคยมีข้อเสีย บอกเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ จากนั้นเจ้าตัวก็ต่อมน้ำตาแตกรีบเดินหนี หลังโดนคำถามแทงใจ
“ถามว่าอยากให้หนึ่งปรับอะไรบ้างมั้ย คือมันเป็นสิ่งที่แปลกมาก เราอยู่กันมานานเก๋ไม่เคยรู้สึกว่า คุณหนึ่งมีข้อเสียอะไรเลยนะคะ ทุกวันนี้เลยตอบไม่ได้ว่าคุณหนึ่งมีข้อเสียอะไร เก๋ว่ามันเป็นเรื่องของหัวใจค่ะ ก็เลยไม่รู้จะบอกให้เขาปรับปรุงอะไร มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ"
"พอคนเรามันไม่คลิ๊กกัน คือตอนนี้เก๋รู้สึกว่าใจเราสองคนมันน้อย พอมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันก็บั่นทอนไปหมด อย่างวันนี้เก๋สัมภาษณ์ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข่าวออกไป เก๋ก็ไม่รู้ว่าคุณหนึ่งจะรู้สึกยังไง คือเก๋ไม่อยากออกทีวี... (น้ำตาไหลหันหลังปล่อยโฮ จากนั้นก็เดินหนีออกจากวงล้อมนักข่าวไปทันที)”