ต้องยอมรับครับว่า ระยะหลังๆ ธุรกิจกิจการเกี่ยวกับโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนั้นค่อนข้างจะบูมขึ้นมากทีเดียว
สังเกตได้จากตามที่หลังคาบ้าน หอพัก อพาร์ตเม้นท์ส่วนใหญ่ ต่างก็มีจานดาวเทียม สีเหลือง สีแดง สีดำ ติดกันให้พรึ่บพรั่บไปหมดราวกับดอกเห็ด
บ้านผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนเหตุผลหลักเลยที่ผมตัดสินใจติดตั้งจานรับดาวเทียมก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากดูทีวีหลายๆ ช่องหรือว่าฮิตอะไรตามเขาหรอกครับ หากแต่เป็นเรื่องของความเจ็บใจเสียมากกว่า
เป็นความเจ็บใจที่เกิดจากความทรมานอันมีมานานกว่า 10 ปีในการที่ต้องดูทีวีไม่ค่อยจะชัด
จริงๆ นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะบ้านผมมันเป็นจุดอับคลื่นหรืออย่างไรไม่ทราบ ต่อให้เปลี่ยนเสาอากาศให้สูงขึ้นก็แล้ว เปลี่ยนปีกก็แล้วไม่รู้กี่ครั้ง เปลี่ยนสายอากาศก็บ่อย ทำอย่างไรๆ ภาพและเสียงที่ออกมาก็อยู่ในระดับแค่พอดูได้
ขณะที่ทีวีบ้านป้าซึ่งอยู่รั้วเดียวกันภาพคมกริบชัดแจ๋วทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้วเสาอากาศก็อาจจะต่ำกว่าบ้านผมเสียด้วยซ้ำ
เรื่องความไม่ชัดของทีวีทำเอาผมเองเคยมีสภาพไม่ต่างอะไรจากลิงตัวหนึ่งเลยครับ เพราะต้องปีนขึ้น-ลงหลังคาเป็นว่าเล่นเพื่อขึ้นไปปรับปีก-หมุนเสาอากาศ กระทั่งถูกแม่ด่าด้วยความห่วงก็หลายหน
ครั้งหนึ่งที่หงุดหงิดมากๆ ก็คือช่วงถ่ายทอดสดแมทช์ชิงเอฟเอคัพ ระหว่างลิเวอร์พูล กับแมนยูฯ ปีอะไรจำไม่ได้แล้วครับ
คืนนั้นผมอุตส่าห์ชวนเพื่อนมานั่งดูทีวีที่บ้าน แรกๆ มันก็พอดูได้หรอกครับ แต่พอดึกเข้าแทนที่มันจะชัดขึ้น(บ้าง)เหมือนกับทุกๆ วันอันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมถึงได้กล้าชวนเพื่อนมา เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ภาพเริ่มล้น เสียงเริ่มซ่า ขณะที่เพื่อนๆ เริ่มเสียอารมณ์
ผมก็เลยต้องสวมวิญญาณหนุมานชาญปีนเสา แตกต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน ตัวเสามีน้ำค้างเกาะ ทำให้การปีนค่อนข้างจะยากลำบากอันเนื่องมาจากความลื่น
ว่าจะไม่ปีนอยู่แล้วครับ แต่เพราะถือว่าเป็นเจ้าบ้าน และมีความสุขของเพื่อนๆ เป็นเดิมพันก็เลย เอาก็เอาวะ
หลังขึ้นสู่หลังคาด้วยความทุลักทุเล เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมรู้สึกเกิดกลัวความสูงในระดับประมาณ 10 เมตร
โชคดีที่ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ถูกแม่ที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหลังคาสังกะสีที่ผมเหยียบด่าเปิง พร้อมสั่งห้ามไม่ให้ปีนเสา(อากาศ)อีก
ที่เสียอารมณ์มากกว่านั้นก็คือ ผมในฐานะแฟนหงส์แดง อุตส่าห์ปีนหลังคาบ้านไปหมุนเสาอากาศเพื่อที่จะได้ดูภาพคันโตน่าถอยหลังมาตวัดยิงด้วยเท้าขวาอย่างสุดสวยและเป็นประตูชัยของผีแดง
แต่ก็นั่นอีกแหละครับ ต่อมาผมก็ยังคงปีนเสาอากาศอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าความกลัวตกมีมากขึ้น และเริ่มรู้สึกว่าตนเองจะเป็นโรคกลัวความสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมาระยะหลังๆ หากจะต้องทำกิจกรรมอะไรบนหลังคาบ้านก็จะใช้วิธีการจ้างคนอื่นมาทำแทน ก่อนจะตัดสินใจควักเงินเกือบจะ 5 พันซื้อจานดาวเทียมมาติดย่างที่บอกกล่าวไปข้างต้นเมื่อประมาณสัก 1 ปีที่ผ่านมาเห็นจะได้
แม้จะมีปัญหาภาพกระตุกเหมือนแผ่นวีซีดีเป็นรอยที่ไม่ได้ใช้เครื่องเล่นของพระเอกตัวจริง ในช่วงท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตกอยู่บ้างแต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าครับ
โดยเฉพาะในเรื่องของความชัดของภาพระดับเดียวกับการเล่นแผ่นดีวีดี
ขณะเดียวกัน ช่องหนัง 3-4 ช่อง (มงคลแชนแนล, MIX แล้วก็ช่อง Film อะไรสักอย่างที่เป็นเสียงซาวนด์แทร็ก ไม่มีซับ) แม้จะฉายหนังที่เก่าไปบ้างแต่ก็แก้เพลินได้, ช่องสารคดี earth, ช่องมิวสิควิดีโอเพลงเก่าใหม่ทั้งของแกรมมี่-และอาร์เอส, ช่องละครเก่าๆ ของค่ายเอ็กแซ็กท์, ช่องการ์ตูนอย่างแก๊งค์การ์ตูน, ช่องแฟชั่น, ช่องลาวแชนแนล, ช่องทีวีเวียดนาม, ทีวีเขมร, เนปาล ของแขก รวมกันแล้วก็กว่า 80 ช่อง (แต่รับเอเอสทีวีไม่ได้ครับ ช่างน่าเศร้าจริงๆ)
โดยรวมเนื้อหาที่ออกอากาศส่วนใหญ่แม้จะไม่มีรายการอะไรที่โดดเด่นพอที่จะต้องมาเขียนถึงหรือแนะนำให้ดู แต่ก็ไม่ถือว่าจะเป็นปัญหาพอที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะสิ่งที่น่าห่วงมากกว่าในความรู้สึกของผมก็คือเรื่องของการโฆษณาขายของ
ยกตัวอย่างที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ก็คือเรื่องของโฆษณาขายเจลปลุกนกเขาที่มีคุณอ้อย จุฑารัตน์เป็นพรีเซ็นเตอร์ (อ่านรายละเอียดได้ที่สธ.เต้นเจอ “หมออ้อย” โฆษณาเจลปลุกนกเขาทางทีวี สั่ง อย.เร่งจัดการ
จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เจลเท่านั้นหรอกครับ มันยังมีโฆษณาในเรื่องทำนองนี้ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอีกเยอะแยะไปหมด อาทิ กางเกงในที่ใส่แล้วน้องชายคุณจะใหญ่ขึ้น, โสม-ยา ที่ทานแล้วท่านจะฟิตปั๋งต่อยกับคู่รักได้ทั้งคืน ฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการโฆษณาสรรพคุณที่เกินจริงทั้งสิ้น
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมว่าน่าห่วงและทางผู้ที่รู้ตัวว่าเกี่ยวข้องน่าจะก็ลองเปิดไปดูหน่อยก็คือโฆษณาที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศด้วยการขึ้นคลิปและภาพวาบหวิวแล้วให้โหลดผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, ถ้าคุณเหงาโทรมาหาเราสิคะ เรามีน้องๆ นักศึกษาที่จะมาเล่าประสบการณ์ที่เร่าร้อนให้ท่านฟัง เรื่อยไปจนเรื่องของหมอดู พระเครื่อง การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หิน-แร่เพิ่มพลังชีวิต เสริมชะตาบารมี ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเคยดูอยู่ชิ้นหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าเป็นลูกแก้ว-หินหรือว่าอะไร แต่สรรพคุณของมันก็คือการเสริมพลังทำให้ร่างกายมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
มีการทดสอบให้เห็นพลังของมันจะๆ ผ่านหน้าจอทีวีด้วยครับ โดยให้ผู้ทดลองยืนด้วยขาข้างเดียว กางแขนทั้งสองข้างออก จากนั้นก็ให้อีกคนดันด้านข้างดูว่าผู้ทดสอบจะต้านแรงได้ขนาดไหน ซึ่งปรากฏว่าส่วนใหญ่โดนผลักเพียงเบาๆ ก็จะไม่เอียงจนไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้
จากนั้นจึงให้ผู้ทดสอบกำหินหรือลูกแก้วอะไรที่ว่าไว้ในมือข้างหนึ่ง ทีนี้ต่อให้คนดันออกแรงดันเยอะกว่าเดิม(ตามสีหน้าที่แสดงและคำพูดที่ออกมา)ผู้ทดสอบกลับสามารถทรงตัวได้อย่างสบายๆ ก่อนที่ทางพิธีกรจะสรุปว่าที่ไม่ล้มก็เพราะได้รับพลังจากหินหรือว่าลูกแก้วที่ว่านั่นเอง
ยังมีรายการตลอดจนโฆษณาอีกหลายชิ้นเลยครับที่มีการอวดอ้างโฆษณาสรรพคุณ ด้วยการอิงถึงเรื่องพลังเร้นลับ ความมหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เช่นนี้
เหตุที่ผมรู้สึกเป็นห่วงก็เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่า ตอนนี้คนที่ติดตามรายการประเภทเหล่านี้ผ่านโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงว่าด้วยพื้นฐานและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มีโอกาสสูงทีเดียวที่พวกเขาหรือเธอจะกลายเป็นเหยื่อของการรายการโฆษณาที่ว่า
แล้วสังคมมันจะขับเคลื่อนไปหาจุดที่มีคุณภาพด้วยหลักวิธีคิดอย่างมีเหตุมีผลได้อย่างไรกันล่ะครับ หากคนส่วนใหญ่ของเรายังงมงาย ถูกมอมเมาอย่างง่ายดายจากการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะเช่นนี้
จริงอยู่ แรกๆ ก็อาจจะไม่เชื่อ ไม่สนใจ ไม่ยอมรับ แต่ถ้าถูกกรอกหูกรอกตาอยู่ทุกวัน ใครจะมารับประกันว่าจะไม่เคลิ้มจะไม่คล้อย
ไม่ต้องดูอื่นไกลหรอกครับ ขนาดคนอย่างไอ้ตู่ที่ใครๆ เขาก็รู้กันดีว่าเป็นคนยังไง ทว่าพอไปเป็นดาราหน้าจอทีวีช่องหนึ่งเข้าหน่อยยังมีคนเรียกว่าท่านจตุพรเลยครับ
เอ๊ะ...ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนไปทำไมเนี่ย เอาเป็นว่าวันนี้ขอจบคอลัมน์ไปตั้งแต่ย่อหน้าที่ 29 ก็แล้วกันนะครับ
สังเกตได้จากตามที่หลังคาบ้าน หอพัก อพาร์ตเม้นท์ส่วนใหญ่ ต่างก็มีจานดาวเทียม สีเหลือง สีแดง สีดำ ติดกันให้พรึ่บพรั่บไปหมดราวกับดอกเห็ด
บ้านผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนเหตุผลหลักเลยที่ผมตัดสินใจติดตั้งจานรับดาวเทียมก็ไม่ใช่เพราะว่าอยากดูทีวีหลายๆ ช่องหรือว่าฮิตอะไรตามเขาหรอกครับ หากแต่เป็นเรื่องของความเจ็บใจเสียมากกว่า
เป็นความเจ็บใจที่เกิดจากความทรมานอันมีมานานกว่า 10 ปีในการที่ต้องดูทีวีไม่ค่อยจะชัด
จริงๆ นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะบ้านผมมันเป็นจุดอับคลื่นหรืออย่างไรไม่ทราบ ต่อให้เปลี่ยนเสาอากาศให้สูงขึ้นก็แล้ว เปลี่ยนปีกก็แล้วไม่รู้กี่ครั้ง เปลี่ยนสายอากาศก็บ่อย ทำอย่างไรๆ ภาพและเสียงที่ออกมาก็อยู่ในระดับแค่พอดูได้
ขณะที่ทีวีบ้านป้าซึ่งอยู่รั้วเดียวกันภาพคมกริบชัดแจ๋วทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้วเสาอากาศก็อาจจะต่ำกว่าบ้านผมเสียด้วยซ้ำ
เรื่องความไม่ชัดของทีวีทำเอาผมเองเคยมีสภาพไม่ต่างอะไรจากลิงตัวหนึ่งเลยครับ เพราะต้องปีนขึ้น-ลงหลังคาเป็นว่าเล่นเพื่อขึ้นไปปรับปีก-หมุนเสาอากาศ กระทั่งถูกแม่ด่าด้วยความห่วงก็หลายหน
ครั้งหนึ่งที่หงุดหงิดมากๆ ก็คือช่วงถ่ายทอดสดแมทช์ชิงเอฟเอคัพ ระหว่างลิเวอร์พูล กับแมนยูฯ ปีอะไรจำไม่ได้แล้วครับ
คืนนั้นผมอุตส่าห์ชวนเพื่อนมานั่งดูทีวีที่บ้าน แรกๆ มันก็พอดูได้หรอกครับ แต่พอดึกเข้าแทนที่มันจะชัดขึ้น(บ้าง)เหมือนกับทุกๆ วันอันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมถึงได้กล้าชวนเพื่อนมา เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ภาพเริ่มล้น เสียงเริ่มซ่า ขณะที่เพื่อนๆ เริ่มเสียอารมณ์
ผมก็เลยต้องสวมวิญญาณหนุมานชาญปีนเสา แตกต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน ตัวเสามีน้ำค้างเกาะ ทำให้การปีนค่อนข้างจะยากลำบากอันเนื่องมาจากความลื่น
ว่าจะไม่ปีนอยู่แล้วครับ แต่เพราะถือว่าเป็นเจ้าบ้าน และมีความสุขของเพื่อนๆ เป็นเดิมพันก็เลย เอาก็เอาวะ
หลังขึ้นสู่หลังคาด้วยความทุลักทุเล เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมรู้สึกเกิดกลัวความสูงในระดับประมาณ 10 เมตร
โชคดีที่ไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ถูกแม่ที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหลังคาสังกะสีที่ผมเหยียบด่าเปิง พร้อมสั่งห้ามไม่ให้ปีนเสา(อากาศ)อีก
ที่เสียอารมณ์มากกว่านั้นก็คือ ผมในฐานะแฟนหงส์แดง อุตส่าห์ปีนหลังคาบ้านไปหมุนเสาอากาศเพื่อที่จะได้ดูภาพคันโตน่าถอยหลังมาตวัดยิงด้วยเท้าขวาอย่างสุดสวยและเป็นประตูชัยของผีแดง
แต่ก็นั่นอีกแหละครับ ต่อมาผมก็ยังคงปีนเสาอากาศอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าความกลัวตกมีมากขึ้น และเริ่มรู้สึกว่าตนเองจะเป็นโรคกลัวความสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมาระยะหลังๆ หากจะต้องทำกิจกรรมอะไรบนหลังคาบ้านก็จะใช้วิธีการจ้างคนอื่นมาทำแทน ก่อนจะตัดสินใจควักเงินเกือบจะ 5 พันซื้อจานดาวเทียมมาติดย่างที่บอกกล่าวไปข้างต้นเมื่อประมาณสัก 1 ปีที่ผ่านมาเห็นจะได้
แม้จะมีปัญหาภาพกระตุกเหมือนแผ่นวีซีดีเป็นรอยที่ไม่ได้ใช้เครื่องเล่นของพระเอกตัวจริง ในช่วงท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตกอยู่บ้างแต่ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าครับ
โดยเฉพาะในเรื่องของความชัดของภาพระดับเดียวกับการเล่นแผ่นดีวีดี
ขณะเดียวกัน ช่องหนัง 3-4 ช่อง (มงคลแชนแนล, MIX แล้วก็ช่อง Film อะไรสักอย่างที่เป็นเสียงซาวนด์แทร็ก ไม่มีซับ) แม้จะฉายหนังที่เก่าไปบ้างแต่ก็แก้เพลินได้, ช่องสารคดี earth, ช่องมิวสิควิดีโอเพลงเก่าใหม่ทั้งของแกรมมี่-และอาร์เอส, ช่องละครเก่าๆ ของค่ายเอ็กแซ็กท์, ช่องการ์ตูนอย่างแก๊งค์การ์ตูน, ช่องแฟชั่น, ช่องลาวแชนแนล, ช่องทีวีเวียดนาม, ทีวีเขมร, เนปาล ของแขก รวมกันแล้วก็กว่า 80 ช่อง (แต่รับเอเอสทีวีไม่ได้ครับ ช่างน่าเศร้าจริงๆ)
โดยรวมเนื้อหาที่ออกอากาศส่วนใหญ่แม้จะไม่มีรายการอะไรที่โดดเด่นพอที่จะต้องมาเขียนถึงหรือแนะนำให้ดู แต่ก็ไม่ถือว่าจะเป็นปัญหาพอที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะสิ่งที่น่าห่วงมากกว่าในความรู้สึกของผมก็คือเรื่องของการโฆษณาขายของ
ยกตัวอย่างที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ก็คือเรื่องของโฆษณาขายเจลปลุกนกเขาที่มีคุณอ้อย จุฑารัตน์เป็นพรีเซ็นเตอร์ (อ่านรายละเอียดได้ที่สธ.เต้นเจอ “หมออ้อย” โฆษณาเจลปลุกนกเขาทางทีวี สั่ง อย.เร่งจัดการ
จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เจลเท่านั้นหรอกครับ มันยังมีโฆษณาในเรื่องทำนองนี้ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอีกเยอะแยะไปหมด อาทิ กางเกงในที่ใส่แล้วน้องชายคุณจะใหญ่ขึ้น, โสม-ยา ที่ทานแล้วท่านจะฟิตปั๋งต่อยกับคู่รักได้ทั้งคืน ฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการโฆษณาสรรพคุณที่เกินจริงทั้งสิ้น
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมว่าน่าห่วงและทางผู้ที่รู้ตัวว่าเกี่ยวข้องน่าจะก็ลองเปิดไปดูหน่อยก็คือโฆษณาที่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศด้วยการขึ้นคลิปและภาพวาบหวิวแล้วให้โหลดผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, ถ้าคุณเหงาโทรมาหาเราสิคะ เรามีน้องๆ นักศึกษาที่จะมาเล่าประสบการณ์ที่เร่าร้อนให้ท่านฟัง เรื่อยไปจนเรื่องของหมอดู พระเครื่อง การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หิน-แร่เพิ่มพลังชีวิต เสริมชะตาบารมี ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเคยดูอยู่ชิ้นหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าเป็นลูกแก้ว-หินหรือว่าอะไร แต่สรรพคุณของมันก็คือการเสริมพลังทำให้ร่างกายมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
มีการทดสอบให้เห็นพลังของมันจะๆ ผ่านหน้าจอทีวีด้วยครับ โดยให้ผู้ทดลองยืนด้วยขาข้างเดียว กางแขนทั้งสองข้างออก จากนั้นก็ให้อีกคนดันด้านข้างดูว่าผู้ทดสอบจะต้านแรงได้ขนาดไหน ซึ่งปรากฏว่าส่วนใหญ่โดนผลักเพียงเบาๆ ก็จะไม่เอียงจนไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้
จากนั้นจึงให้ผู้ทดสอบกำหินหรือลูกแก้วอะไรที่ว่าไว้ในมือข้างหนึ่ง ทีนี้ต่อให้คนดันออกแรงดันเยอะกว่าเดิม(ตามสีหน้าที่แสดงและคำพูดที่ออกมา)ผู้ทดสอบกลับสามารถทรงตัวได้อย่างสบายๆ ก่อนที่ทางพิธีกรจะสรุปว่าที่ไม่ล้มก็เพราะได้รับพลังจากหินหรือว่าลูกแก้วที่ว่านั่นเอง
ยังมีรายการตลอดจนโฆษณาอีกหลายชิ้นเลยครับที่มีการอวดอ้างโฆษณาสรรพคุณ ด้วยการอิงถึงเรื่องพลังเร้นลับ ความมหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เช่นนี้
เหตุที่ผมรู้สึกเป็นห่วงก็เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่า ตอนนี้คนที่ติดตามรายการประเภทเหล่านี้ผ่านโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงว่าด้วยพื้นฐานและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มีโอกาสสูงทีเดียวที่พวกเขาหรือเธอจะกลายเป็นเหยื่อของการรายการโฆษณาที่ว่า
แล้วสังคมมันจะขับเคลื่อนไปหาจุดที่มีคุณภาพด้วยหลักวิธีคิดอย่างมีเหตุมีผลได้อย่างไรกันล่ะครับ หากคนส่วนใหญ่ของเรายังงมงาย ถูกมอมเมาอย่างง่ายดายจากการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะเช่นนี้
จริงอยู่ แรกๆ ก็อาจจะไม่เชื่อ ไม่สนใจ ไม่ยอมรับ แต่ถ้าถูกกรอกหูกรอกตาอยู่ทุกวัน ใครจะมารับประกันว่าจะไม่เคลิ้มจะไม่คล้อย
ไม่ต้องดูอื่นไกลหรอกครับ ขนาดคนอย่างไอ้ตู่ที่ใครๆ เขาก็รู้กันดีว่าเป็นคนยังไง ทว่าพอไปเป็นดาราหน้าจอทีวีช่องหนึ่งเข้าหน่อยยังมีคนเรียกว่าท่านจตุพรเลยครับ
เอ๊ะ...ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนไปทำไมเนี่ย เอาเป็นว่าวันนี้ขอจบคอลัมน์ไปตั้งแต่ย่อหน้าที่ 29 ก็แล้วกันนะครับ