ช่อง 7 เปิดตัวทีมข่าวทางอากาศ Media Flying Team ลงทุนเช่าเครื่องบินไว้ทำข่าวด่วนเหมือนช่อง 3 ดึง “จำเริญ รัตนตั้งตระกูล” และ “ศศิวรรณ เลิศวิริยะประภา” อดีตทีมข่าว Sky News ไอทีวี ที่เคยร่วมงานกับ “กิตติ สิงหาปัด” ท้าชิงตำแหน่งสถานีข่าวอันดับ 1
เปิดตัวท้าชิงตำแหน่งสถานีข่าวอันดับหนึ่งอย่างเต็มตัวเลยทีเดียวสำหรับช่อง 7 ล่าสุด “ชาลอต โทณวณิก” ผู้บริหารมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ก็นำทีมกองทัพข่าวช่อง 7 เปิดตัวหน่วยปฏิบัติการรายงานข่าวทางอากาศ “Media Flying Team” ขึ้น ณ ห้องบริพัตร ชั้น 37 โรงแรมเพนนินซูล่า คลองสาน
โดยช่อง 7 ได้จับมือกับ บริษัทแอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งให้บริการเช่าเฮลิคอปเตอร์แบบเหมาลำสนับสนุนในการทำข่าว และที่สำคัญยังได้ 2 นักข่าวที่ชำนาญในเรื่องการรายงานข่าวทางอากาศอย่างทีมข่าว Sky News ของไอทีวีเดิมอย่าง “จำเริญ รัตนตั้งตระกูล” และ “ศศิวรรณ เลิศวิริยะประภา” มาร่วมทีม และเคยแสดงผลงานซัด “กิตติ สิงหาปัด” หงายท้องมาแล้วเมื่อครั้งที่จับ “เอิง เอริน” อดีตแฟนเก่า “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” มาสัมภาษณ์ในรายการ “ประเด็นเด็ด 7 สี” ชนกับ “ข่าว 3 มิติ” ที่ดึงเอาเต๋ามาสัมภาษณ์เรื่องแต่งงาน จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ซึ่งชาลอตก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า.....
“ก็ตื่นเต้นนะคะที่ได้มีวันนี้ คือความจริงตั้งแต่สมัยก่อนเป็นผู้ติดตามดูข่าว ก็จะบอกว่าการนำเสนอข่าวด้วยเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเราก็เห็นในรายการของต่างประเทศบ่อยๆ ที่มีถ่ายตามไล่ล่าอะไรต่างๆ แต่อันนี้ก็เหมือนกับฝันที่เป็นจริงอีกขั้นนึง ว่าเราตั้งใจที่จะนำเสนออะไรที่แปลกแตกต่างก็มาถึงวันนี้”
“อย่างที่เรียนว่าฮาร์ดแวร์หรือตัวเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นจุดหนึ่งที่น่าสนใจมาก ก่อนหน้านี้เคยไปร่วมงานเปิดตัวของบริษัท แอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่น แล้วและคิดว่าเป็นเครื่องที่ทันสมัยมาก แต่ว่าเมื่อมีฮาร์ดแวร์แล้วไม่มีบุคลากรก็ลำบาก เพราะว่างานนี้มันต้องคิดให้ทะลุว่าถ้าเราใช้เฮลิคอปเตอร์รายงานข่าว ควรจะทำออกมาทำนองไหน ถ้าคนไม่คุ้นไม่เคยมันก็อาจจะไม่ได้อรรถรส ก็พอดีทางคุณจำเริญ กับคุณศศิวรรณมาร่วมงานกับทางมีเดียฯ ก็เป็นทีมที่เคยทำอยู่ งานนี้ก็ตัดสินใจเลย ว่าเราเปิดตัว Media Flying Team แล้วกัน”
“กับการทำ Flying Team ก็คงต้องพิจารณาว่าเราคงต้องมีการประกันอะไรต่างๆ พิเศษให้กับทีมนี้ด้วย แต่ว่าของ แอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่นเขาก็มีประกันอยู่แล้ว ผลงานก็คงได้เห็นกันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะบินเลย ก็คงจะทำสกู๊ปอะไรขึ้นมาค่ะ คือมันเหมือนกับบะหมี่สำเร็จรูปน่ะ มาถึงชงน้ำร้อนใช้ได้เลย เพราะว่าทุกคนเคยทำมาหมดแล้ว เพียงแต่มีเครื่องมาให้เขา และเป็นเครื่องที่ค่อนข้างใหม่ และก็ต้องบอกว่าเป็นเครื่องวีไอพีนะคะ เพราะฉะนั้นเขาก็คิดได้เลย พรุ่งนี้เขาจะบินก็ต้องเช็คเวลากันแล้ว”
“สำหรับการรายงานข่าวจราจรคงเป็นตัวรองนะคะ แต่คิดว่ามันจะมี 2 ประเภท ประเภทหนึ่งคือเป็นสกู๊ปไปเจาะลึกตรงไหนยังไง ก็ใช้เฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจ แต่อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องด่วน พอมีก็เอาเฮลิคอปเตอร์ออกบินไปทำเรื่องด่วนเลย มันจะมีสองแบบค่ะ”
“แต่เราไม่ได้ใช้ทุกวันค่ะ มันจะใช้ทำสกู๊ป อย่างพรุ่งนี้ก็เป็นการทำสกู๊ปก็เป็นการนัด แล้วก็ทำสกู๊ปกันไป แต่ถ้าเกิดมีเหตุก็บินด่วน คืออะไรที่เราคิดว่ามันเป็นประเด็นแล้วเราต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เราก็จะใช้นะคะ แต่ว่าบางอย่างมันอาจจะไม่จำเป็นก็ใช้เครื่องบินธรรมดาบินไปได้ บางทีความสะดวกมันอาจจะมีมากกว่า ก็ใช้เครื่องบินธรรมดา แล้วก็ไปต่อเฮลิคอปเตอร์เอา”
“การใช้เฮลิคอปเตอร์สามารถตอบโจทย์ 3 รายการของเราได้เลยค่ะ เพราะว่าของเรามีตั้งแต่เช้า กลางคืน ถึงดึกไปเลย เพราะฉะนั้นก็จะรายงานได้ในทุกช่วงถ้าต้องการความเร่งด่วน เรื่องงบประมาณเราก็คำนึงถึงนะคะ ไม่ใช่ว่าจะไปลงทุนอะไรมากมาย คือการที่เราได้พาร์ทเนอร์คือทางแอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่นเนี่ย ก็ทำให้ความฝันอันนี้เป็นจริงได้โดยที่ค่าใช้จ่ายไม่เยอะนะคะ และวิธีการคิดของเราคือเราเอามาเฉลี่ยว่าถ้าเราต้องจ่ายเท่านี้ต่อตอนมันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเท่าไหร่ ซึ่งมันอยู่ในประมาณการที่เรารับได้”
“คือจากการที่เราเป็นพาร์ทเนอร์ชิพตอนนี้ก็จะมีบอกไว้ประมาณว่าเดือนหนึ่งเราจะใช้สักเท่าไหร่ แล้วก็คุยกันไปทีเดียวยาว 2 ปีไปเลย ราคาไม่สูงค่ะ อยู่ในอันที่ยอมรับได้ เพราะอย่าลืมว่ามีเดียฯ ก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เราจะทำอะไรไม่ใช่ว่าจะเอามัน เอาดีอย่างเดียวนะคะ ก็ต้องคำนึงถึงว่าค่าใช้จ่ายเป็นยังไง”
“ความจริงก่อนหน้านี้ก็เคยมีการคิด แต่ว่าตัวเลขมันไม่ได้ ก็มีหลายบริษัทมาเสนอ ทีนี้มันออกมาแล้วค่าใช้จ่ายมันเยอะ จนกระทั่งบริษัท แอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่น ก็ได้กรุณาที่ว่าเราจะจับมือกัน มันเป็นคนละลักษณะ มันเป็นลักษณะของพาร์ทเนอร์ชิพก็ทำให้มันเกิดขึ้นได้ค่ะ”
“ค่าใช้จ่ายต่อตอนเพิ่มขึ้นนิดเดียวค่ะ ไม่เยอะเลย คือถ้าเรามาเฉลี่ยหมดนะคะ แต่ความจริงเราไม่ได้ใช้กับทุกตอน ดังนั้นเราก็จะใช้กับบางเหตุการณ์ บางเรื่อง อยู่ในตัวที่เรียกว่าไม่กระทบกับงบประมาณที่เราวางไว้ ถามว่าเลย 8 หลักโอ๊ยไม่ค่ะไม่(หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่ในวิสัยที่รับได้นะคะ ความคุ้มมันคุ้มแน่นอนค่ะ เพราะสมัยนี้การทำอะไรเราก็ต้องนึกถึงผู้ชมเป็นหลักว่า อันนี้ผู้ชมจะชอบมั้ย ผู้ชมยอมรับมั้ย ถ้าผู้ชมชอบตอบรับ ทุกอย่างมันจะตามมาเอง”
เผยว่าเตรียมลงทุนในเรื่องของดาวเทียมต่อไป และถ้ามีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ก็พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มอีกแน่นอน
“คืออย่างที่บอกว่าอะไรที่มันเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วสามารถที่จะมาสร้างสีสันหน้าจอได้ หรือว่าลงในรายละเอียดของข่าวได้เราก็สนใจนะคะ แต่ก็ต้องดูเรื่องงบประมาณอะไรต่างๆ ด้วย ถ้าทั้งงบประมาณและสิ่งเหล่านั้นมันสมประโยชน์ด้วยกัน เราก็คงสนใจที่จะนำมาใช้นะคะ”
“เรื่องดาวเทียมจริงๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ จริงๆ มันก็เหมือนรถโอบีน่ะค่ะ แต่เราก็กำลังดูอยู่พวกดาวเทียมเคลื่อนที่ คือไปไหนก็พกไปด้วย แต่ไม่ได้พกทั้งดวงนะคะ คือเรามีอุปกรณ์ที่อัพลิ้งอะไรอย่างเนี้ยค่ะ ก็ดูอยู่ค่ะ”
เผยเรตติ้งรายการใหม่อย่าง “เช้านี้ที่หมอชิต” ออกมาไม่ถึงเดือน แต่เรตติ้งกระฉูดเกินคาด และตอนนี้ไม่มีความกังวลในเรื่องคู่แข่งแล้ว เพราะมั่นใจรูปแบบรายการไปได้ด้วยดี
“ในส่วนเรตติ้งเช้านี้ที่หมอชิต ถือว่าเป็นรายการที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ชม ต้องยอมรับว่าเปลี่ยนนะคะ คือว่าเราใช้ผู้ประกาศที่หลากหลาย แล้วก็ใช้เนื้อข่าวเป็นตัวเดินเรื่อง เรตติ้งก็มาเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ นะคะ ณ ตอนนี้เราก็คิดว่าใน 2 วันหลังเราค่อนข้างจะพอใจในรูปแบบการนำเสนอ และคิดว่าจากนี้ไปก็จะตะลุยเรื่องเนื้อหากันให้เข้มข้นกว่านี้ค่ะ”
“ตั้งเป้าที่หนึ่งมั้ย คือรายการเช้านี้ฯ กับรายการประเด็นเด็ด 7 สีจะไม่เหมือนกัน เพราะประเด็นเด็ด 7 สีมันเป็นการเปิดเวลาใหม่ แล้วก็เป็นรายการที่สั้น ซึ่งรายการที่สั้นมันทำง่าย แล้วก็ลงเนื้อข่าวเต็มๆ แต่ตอนเช้ามันจะเป็นเหมือนกับกึ่งรายการนะคะ เพราะฉะนั้นช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้มันจะเป็นช่วงที่เรานั่งดูเรตติ้ง ดูผลตอบรับแล้วก็มาปรับว่าช่วงไหนคนชอบ ช่วงไหนคนชอบน้อย ตรงไหนควรจะขยับอะไรยังไง”
“เพราะฉะนั้นคิดว่าเช้านี้ที่หมอชิต ประมาณสักหนึ่งเดือนรูปแบบทั้งหมดน่าจะลงตัว แต่ผลตอบรับตอนนี้ก็ค่อนข้างดีมาก อย่าง SMS เข้ามาทีนึงก็ 3 พัน ก็ถือว่าดีนะคะ เรตติ้งตอนนี้อยู่ประมาณ 1 กว่าค่ะ ก็ถือว่าเป็นฐานเดิมของ “จมูกมด” แต่เราก็รักษาฐานเดิมก่อน แล้วจากนั้นคิดว่าทำยังไงถึงจะพุ่งขึ้น”
“กับการแข่งขันช่วงเช้าเราไม่กังวลเลย เพราะว่าถ้าตามภาษาการตลาดเนี่ย เราถือว่าเราเป็น Challenging Brand คือเป็นเหมือนกับแบรนด์ที่มาท้าชิงถ้าพูดตามภาษาการตลาดนะคะ เพราะฉะนั้นความกดดันมันไม่ค่อยมี เพียงแต่ว่าเราก็ต้องวิเคราะห์วิจัยให้มากขึ้น และอย่าง 2 วันนี้ยอมรับว่าแฮปปี้กับรูปแบบที่มา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้าผม รูปร่าง หน้าตา โหวงเฮ้งรายการดีหมดแล้ว ก็เหลือเนื้อ เราก็จะใส่เนื้อให้มันเข้มข้นมากขึ้น”
“กลยุทธ์ของเราคือการศึกษาพฤติกรรมคนดู เพราะว่าพฤติกรรมตอนเช้าส่วนใหญ่จะเป็นการเตรียมตัวเพื่อจะออกไปนอกบ้าน ไม่ได้ต้องการจะเห็นอะไรแบบนั่งดูคาจอ แต่ว่าจะเป็นการฟัง เป็นการอัพเดทข่าวนะคะ ก็คิดว่าไม่กังวล”
เผยถึงโครงการต่อไปของ มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ว่าเตรียมที่จะเปิดตัวละครอีกหนึ่งเรื่อง และเสนอรายการใหม่ให้กับช่อง 7 ไปแล้ว แต่ยังรอเรื่องของเวลาที่แน่ชัด ย้ำไม่คิดตั้งตัวแทนบอสใหญ่คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ แค่เป็นบริษัทลูกอย่างนี้ก็พอใจแล้ว
“กำลังจะเปิดกล้องละคร 2 เรื่องในเร็วๆ นี้ แล้วก็กำลังเตรียมสำหรับอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับมีเดียฯ ตอนนี้คงยังไม่มีอะไรในช่อง 9 นะคะ ตอนนี้พอดีการทำรายการข่าวมันค่อนข้างต้องใช้เวลาและใช้บุคลากร คือโดยเฉพาะเวลาของตัวเองที่อยากจะทำอะไรที่ให้มันดีทีละรายการ คือไม่ได้อยากทำเยอะ แต่อยากทำแล้วอยู่ทนอยู่นาน ทำแล้วดีได้ผลตอบรับที่ดี”
“ในส่วนของการเพิ่มรายการตอนนี้ยังนะคะ ก็มีเสนอเข้าไปบ้าง แต่ก็คงดูว่าเวลาช่วงไหนที่สถานีเขาให้มา หรือทางช่อง 7 สีเขาให้มาก็จะทำ ตอนนี้ของเราก็มี 3 รายการนี้นะคะ แล้วเราก็ยังมีรายการอื่นมี เส้นทางเศรษฐี หรือ หนึ่งสมองสองมือ ซึ่งตอนนี้เรตติ้งรายการใช้ได้ทางช่องเขาก็ขยับเวลาให้มาเป็นเวลาที่ใกล้ข่าว ก็คือ 4 โมงครึ่งของวันพฤหัสบดี ซึ่งมันก็จะสอดคล้องกับกลุ่มคนดูข่าวตอนเย็น มันก็มีการพัฒนาในตัวของรายการเอง”
“ช่วงนี้ยังไม่ได้เสนอช่องอื่นเลยค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็เต็มมือกันพอสมควร แต่เราคิดว่าที่มีอยู่ทำให้มันดี แล้วก็อย่างที่บอกอยู่ทนอยู่นานดีกว่านะคะ ความพอใจของช่องถ้าดูอย่างประเด็นเด็ด 7 สี ออกมาพอถัดมาเดือนหนึ่งให้เป็นเช้านี้ที่หมอชิต ก็คิดว่าคงมีความพอใจในระดับหนึ่งนะคะ แต่อย่างที่บอกว่าเราก็ต้องพยายามทำให้ดีทุกอย่างนะคะ เราก็เป็นผู้จัดคนหนึ่ง ถ้าไม่ดีหรือว่าไม่ใช่ มันก็มีสิทธิโดนถอดได้เหมือนกันค่ะ”
“กับที่ว่าจะมาแทนคุณแดง(สุรางค์ เปรมปรีดิ์) เนี่ย ก็ยังตอบเหมือนเดิมนะคะว่าทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่ของมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ให้ดีที่สุด และพี่คิดว่าเราได้มีโอกาสทำนู้น ทำนี่ เปิดตัวใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ เนี่ยมันก็เป็นความสุขที่สุดของคนที่อยู่ในธุรกิจบันเทิงแล้ว ไม่ได้เคยคิดว่าจะต้องไปเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไหนอีก ไม่ได้มีการพูดคุยเลยค่ะ ไม่เกี่ยวเลย เพราะว่ามีเดียฯ เนี่ยค่อนข้างจะเป็นบริษัทที่ได้รับการทำงานแบบอิสระนะคะ แต่ว่าแน่นอนในเรื่องของถ้าจะทำละคร จะทำรายการเข้าไปก็ต้องนำเสนอเหมือนผู้จัดอื่นปกติค่ะ”