“พลากร” รับ รายได้โฆษณาลดลงจริง เหตุเพราะช่องคู่แข่งสร้างแพ็คเกจตัวแถมเยอะ และมีช่วงเวลาการออกอากาศที่เยอะกว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ “คุณแดง” จะถอนหุ้น ปัดตอบมีปัญหากับเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่อย่าง “ยูนิลิเวอร์” ฟุ้ง ยังเป็นที่หนึ่งด้านส่วนแบ่งผู้ชม ทั้งเรตติ้งรายการข่าวที่เพิ่งปรับเปลี่ยน หรือรายการที่ต้องชนกับรายการที่แข็งๆ ของช่องคู่แข่ง ก็ยังครองอันดับหนึ่งอยู่
หลังจากที่มีกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงอย่างต่อเนื่องของทางช่อง7 แถมยังมีข่าวออกมาอีกว่าทาง 7 สี กำลังมีปัญหากับทางเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทยูนิลิเวอร์ ซึ่งได้กลายมาเป็นตัวแปลสำคัญที่ทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา รายได้ส่วนแบ่งโฆษณาสถานีลดลง จนต้องเสียแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดให้กับช่อง 3 ไปครอง
ล่าสุดได้เจอ “หน่อง พลากร สมสุวรรณ” ผู้จัดการฝ่ายรายการของช่อง 7 สี คนสนิท “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ซึ่งได้ชี้แจงว่า เม็ดเงินโฆษณาลดลงจริง เป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นที่หนึ่งในด้านส่วนแบ่งผู้ชม
“เศรษฐกิจอย่างนี้มันก็แน่นอนนะครับ ว่าอาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่โดยภาพรวมก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายอะไร มันก็เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ ในส่วนนี้ผมไม่ทราบ คือตอนนี้ผมดูแลทางด้านของรายการ”
“ตรงไหนโฆษณาลดลง เขานับจากอะไร จำนวนสปอตที่ออกอากาศคูณด้วยราคาโฆษณา ผมไม่ทราบเป็นอย่างนั้นรึเปล่า ขณะที่เราออกอากาศอยู่วันละ 18-20 ชั่วโมง กับช่องที่ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงนาทีโฆษณาอันไหนมากกว่ากันครับ ในขณะที่บางรายการของเราเรตติ้งดี เราไม่ได้มีตัวแถม เราไม่รู้ของเขาตัวแถมเยอะ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเขาก็ต้องคุยกัน ผมก็ดูรายการดูเรื่องเรตติ้งมันขึ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ไปๆ มาๆ ก็ทำท่าว่าจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในส่วนของละครก็ไป 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว”
ยัน ไม่ทราบเรื่องข่าวลือที่ทางช่อง7 สั่งปลดโฆษณาแฝงสินค้าในเครือยูนิลิเวอร์ในทุกรายการของทางสถานี
“ก็ต้องไปถามทางผู้ที่เกี่ยวข้อง บอกไปแล้วว่าเศรษฐกิจปีนี้มันไม่ดี การใช้เงินก็ต้องระมัดระวัง ลูกค้าใช้เงินเขาก็ต้องระมัดระวังกันทั้งนั้น เรื่องจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาเราก็ต้องมาคุยกัน ทุกอย่างมันก็คุยกันได้ทั้งนั้น ตัวผมเองตอบแทนผู้ที่รับผิดชอบไม่ได้”
บอกที่จำนวนโฆษณา ไม่เกี่ยวกับกรณีข่าวลือที่ทางช่องเตรียมปลดละวางอำนาจ คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์
“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่รู้ อยู่กันคนละฝ่ายไม่มีหรอกครับ จริงๆ แล้วไม่มีอะไร มันก็เป็นข่าวไปอย่างนั้นแหละครับ ก็ไม่ยังไงทุกอย่างยังเหมือนเดิม ก็มีข่าวออกมาแล้วนี่ว่าเขาสุขสบายดี ไม่มีการโอนหรือถอนหุ้นอะไรทั้งนั้นครับ (ตกลงข่าวที่ลือมาทั้งหมดไม่เป็นความจริง?) ไม่รู้”
แจงหลังจากการปรับเปลี่ยนผังรายการข่าวที่ไม่ได้ปรับมา 3 ปี ผลที่ได้น่าพอใจทำเรตติ้งพุ่ง
“เราก็เพิ่มเนื้อที่ให้ข่าว เริ่มจากเจาะเกาะติดที่ให้มีเดียทำ พอมีเดียทำแล้วเขาก็มีคน เมื่อเขามีคนมากขึ้น มีความพร้อมมากขึ้น มีศักยภาพมากขึ้น ทางช่องก็เลยให้เวลาให้เขาทำรายการประเด็นเด็ด 7 สีดู ซึ่งมันก็เป็นการเพิ่มศักยภาพทั้งของมีเดียและของช่องเองในเรื่องของข่าว จากนั้นแล้วถ้าเขามีความพร้อมเพิ่มมากขึ้น เราก็เลยให้เวลาตอนช่วงรายการเช้าเพิ่มดู ดังนั้นประเด็นมันจะต่างกัน”
“ทางมีเดียจะทำในลักษณะของรายการข่าว คือเช้านี้ที่หมอชิต แล้วก็มาประเด็นเด็ด 7 สี แล้วก็เจาะเกาะติด ซึ่งประเด็นของข่าวนั้นนำเสนอในแง่มุมของรายละเอียดต่างๆ ในช่วงเวลาที่ต่างกันส่วนฝ่ายข่าวนั้นก็ยังทำหน้าที่เสนอข่าวหรือข่าวตามเหตุการณ์อยู่ มีเดียจะมีเวลาข่าวอยู่ในสถานีประมาณ 15 ชั่งโมงต่อสัปดาห์ในขณะที่เวลาเสนอข่าวของเราที่เหลืออยู่ประมาณ 20 กว่าชั่งโมง ฝ่ายข่าวของสถานียังเป็นผู้ดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเด็ด 7 สี ข่าวภาคเที่ยง ข่าวภาคค่ำช่วงที่1 ตอน 5 โมงเย็น ข่าว 2 ทุ่ม แล้วก็ยังมีอาทิตย์ติดข่าว แล้วก็คอข่าวเราขยายออกเป็น 2 วัน ดังนั้นเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นคือรายการข่าว ก็เพิ่มขึ้นพอสมควรประมาณ 25-26 เปอร์เซ็นต์ เอาตัวเลขเป๊ะๆ มันคงไม่ได้ ต่อไปก็อาจจะมีการขยับขยายกันอีกเล็กน้อย”
“รายการข่าวภาคค่ำจนถึงปัจจุบัน ยังเป็นรายการข่าวที่มีคนดูมากที่สุดในประเทศไทยอยู่ ติดต่อกันมาจากทุกช่องอยู่ แล้วก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
ส่วนกรณี “เต๋า สมชาย” ที่ออกมาบอกว่ารายการประเด็นเด็ด 7 สี ไร้จรรยาบรรณ หลังจากที่นำเสนอข่าว “เอิง” แฟนเก่า ที่เชียงใหม่ออกมาชนกับข่าวสามมิติที่หนุ่มเต๋า ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งงานครั้งใหม่
“ก็มันเป็นข่าวรึเปล่า คือข่าวคุณเต๋าตอนนั้นก็กำลังเป็นที่สนใจ โดยส่วยตัวแล้วผมยังไม่ได้ยินเต๋าพูดอย่างนั้นนะ ฉะนั้นผมยังไม่อยากจะตอบอะไร ผมไม่ทราบ ผมไม่ได้ยินตรงนั้น เขาก็พูดถูกต้องแล้ว เป็นสื่อก็ควรที่จะมีจรรยาบรรณ”
“ผมคิดว่าทางสถานีระมัดระวังอยู่แล้ว คือทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ในเรื่องของข่าวเรื่องอะไร ผมเองยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ ไว้เจอเต๋าแล้วเดี่ยวผมจะถามเขา เขาก็เตะบอล ผมก็เตะบอล”
มองอนาคตจะมีการขยายเวลาในช่วงข่าวเพิ่มขึ้นอีก ฟุ้งทีมงานของทางสถานีกับทางมีเดียฯทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ส่วนจะมีการดึงผู้ประกาศข่าว หรือซื้อตัวมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ให้ทางมีเดียฯตัดสินใจ
“ก็มีขยายเวลาเพิ่มข่าว แล้วก็ผสมผสานการทำงาน ข่าวในลักษณะในเชิงประเด็นหรือว่าเจาะลึกตีแผ่รายละเอียดก็อาจจะเป็นมีเดียทำ ข่าวสถานการณ์บ้านเมืองต่างๆ ก็เป็นฝ่ายข่าวของเรา แต่ทั้งสองเองทั้งมีเดียและก็ฝ่ายข่าวของเรา ก็ต้องทำงานประสานกันโดยตลอด ใช้คนงาน ใช้เครื่องมือร่วมกัน คือเราจะแชร์กันในเรื่องของข้อมูล คือข้อมูลทั้งสองฝ่ายก็จะเสริมซึ่งกันและกัน เราก็ได้มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งแล้ว”
“ตอนนี้ยัง ผมเห็นว่ารายการเช้านี้ที่หมอชิตก็มีคนใหม่ๆ เข้ามาไม่ใช่เหรอครับ มันก็มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นธรรมดา ก็ต้องรอฟังทางฝ่ายข่าวเขา คือตอนนี้พูดถึงข่าวทางมีเดียเขาก็เปิดตัวไปแล้วจะเสริมหรือไม่เสริมอีกยังไงคงต้องไปถามที่เขา”
ส่วนรายการภาพยนตร์ในช่วงวันพุธ ที่มาแทน “รายการชิงร้อนชิงล้าน” ที่ย้ายเวลาไป เจ้าตัวได้ชี้แจงว่าเรตติ้งดีเกินคาด แต่หากมีผู้จัดรายไหนสนใจจะมาซื้อเวลาก็พร้อมให้
“ก็เชื่อไหมว่าเปิดรายการมา ไอ้รายการหนังที่ว่ารายการว่างๆ เนี่ย เรตติ้ง 7 แชร์ 60 เปอร์เซ็นต์ พอย้ายมา 5 ทุ่มเรตติ้งเฉลี่ยก็อยู่ที่ 4-5 เรตติ้งเฉลี่ยก็อยู่ที่ 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ของในช่วงนั้น เรตติ้งดี”
“อันนี้ก็คงต้องพิจารณากันให้รอบคอบ เพราะเราก็เปิดโอกาสให้ผู้จัดรายการหรือผู้ผลิตรายการเสนอรายการเข้ามาด้วยเช่นกัน เราก็ต้องมองทั้งสองทาง แต่ว่าการที่เรานำภาพยนตร์ไทยมาฉายก็ถือว่าประสบความสำเร็จครับ เรตติ้งเราที่ผ่านมาก็ชนะ”
ส่วนช่วงวันจันทร์รายการ “จันทร์พันดาว” ที่ต้องไปชนกับรายการ “ทูไนท์โชว์” ของ “ต๋อย ไตรภพ” เจ้าตัวบอกว่าเรติ้งของทางสถานีก็ยังมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ต่อไปอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการเพิ่มขึ้น
“เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเรตติ้งก็ยังครอบอันดับหนึ่งในช่วงเวลานั้น ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่มีการปรับอะไร อาจจะเป็นการปรับของรูปแบบรายการบ้าง แต่เรื่องอื่นที่เป็นข่าวยังไม่มีอะไร”
และกับ “รายการจ้อจี้” ที่กำลังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในกรณีที่นำเรื่องของแมวมาต้มกิน เพื่อรักษาโรคหอบหืด ทำเอาคนรักสัตว์ออกมาแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากผิดศีลธรรม เจ้าตัวบอกรับทราบเรื่องแล้วและกำลังดำเนินการเอาเทปในตอนนั้นมาตรวจสอบเพื่อหาข้อสรุปต่อไป
“ตอนนี้ทางเราก็กำลังดูเทปกันอยู่ จริงๆ ทางเราเองก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายการอยู่ ก็ต้องดูด้วยว่าทางมุมมองของผู้ตรวจสอบรายการ เขาจะว่ามายังไง ดูรายละเอียดให้มันครบ เราเองก็เข้าใจคนรักสัตว์ เห็นแล้วล่ะ ก็กำลังตรวจสอบอยู่ แล้วทางเราก็คงจะต้องเชิญทีมงานเขาเข้ามาคุยกันอีกที คุยแล้วขณะเดียวกันเราก็ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบรายการด้วย ว่าถ้ามีอย่างนี้เกิดขึ้นมาอีก เราควรจะทำอย่างไรให้เหมาะสมต่อไป ก็รับฟังทราบแล้ว ทางเราไม่ได้เฉยเมยแต่ทางเราก็ต้องขอดูรายละเอียดอีกทีนิดนึง”
“เอาเป็นว่าให้ได้ดูก่อน ก็ต้องคุยกัน ต้องดูกันอีกทีว่ามันมีผลกระทบอะไรบ้าง เผอิญว่าจ้อจี้มันก็ไม่ใช่เรื่องจริงผ่านจอซะด้วย เพียงแต่ว่ามันเป็นตัวจอด้วยกันเท่านั้นเอง”