xs
xsm
sm
md
lg

7 วันหลังถูกด่าลวงโลก ! “อุ้ม คานส์” เครียดหนักเมาปลิ้น เปิดใจถึงความผิดพลาดหมดเปลือก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อุ้ม” ยังเครียดโดนตั้งกระทู้ด่า เผยเคยด่าคนอื่นไว้เข้าใจแล้วรู้สึกอย่างไร ชีวิตเปลี่ยนไปไหนมีแต่คนมอง บอกเข้ามาว่าเลยดีกว่าจะได้อธิบายให้ฟัง กลุ้มใจนอนไม่หลับต้องออกไปกินเหล้า เผยสุดอึดอัด “วิศาล” ยกเป็นสปีลเบิร์กเมืองไทย ขอโทษทำหลายฝ่ายเสียหาย เปิดปูมทำไมภาษาไทยไม่แข็งแรง

หลังจาก "อุ้ม พรภัชญา สุพรรณรัตน์" นักเรียนสาวไทยในอเมริกา และว่าที่ผู้กำกับค่ายสหมงคลฟิล์ม ตัดสินใจออกมาแถลงข่าวชี้แจงกรณีแหกตาสื่อคว้า 2 รางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ "คานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล 2009" ที่ประเทศฝรั่งเศสว่า เป็นความผิดพลาดทางการสื่อสาร แต่ก็ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะยังไม่จบแค่นั้น กระแสสังคมยังไม่ยุติเรื่องนี้ง่ายๆ ล่าสุดเจ้าตัวออกไปไหนมาไหนก็เจอกับสายตาและเสียงซุบซิบนินทา จนทำให้เครียดจัดนอนไม่หลับ ต้องหันไปพึ่งเหล้าเพื่อให้นอนหลับ โดยในวันนี้อุ้มขอเปิดใจอย่างหมดเปลือก ถึงเรื่องราวความผิดพลาดทั้งหมด รวมไปถึงที่มาที่ไปของภาษาไทยไม่แข็งแรง ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง

“ตอนนี้ก็ยังเครียดอยู่ แต่ก็ผ่อนคลายลงไปบ้างตรงที่มีโอกาสได้ทำความเข้าใจและมีโอกาสได้ขอโทษอย่างที่อยากขอโทษ แต่ส่วนตัวยังเครียดอยู่เพราะวันก่อนก็ตามข่าวตัวเองเปิดออนไลน์ อ่านแล้วร้องไห้เลยอุ้มเสียใจมาก ตัวอุ้มเองไม่ได้มีความคิดหรือพยายามจะสร้างอะไรขึ้นมาเลย โดยส่วนตัวแล้วอุ้มกลัวของพวกนี้ด้วย เพราะก็เคยโพสต์ว่าคนอื่นเหมือนกัน แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าเขารู้สึกยังไง และคิดอยู่ว่าจะทำยังไงให้เขาเข้าใจเรามากขึ้น”

“พอแถลงข่าวไปแล้วก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะเข้าใจหรือเปล่า เพราะว่าอันนี้ต้องแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าเขาจะมองยังไง ก็เป็นไปได้ว่าการออกมาให้สัมภาษณ์อาจจะเหมือนออกมาแก้ตัวเพิ่มก็ได้ ซึ่งอุ้มไม่มีอะไรจะแก้ตัวและพูดจากใจจริงว่าอุ้มเสียใจมาก เป็นความผิดพลาดของอุ้มเอง ไม่ใช่จากสื่อ ไม่ใช่จากใคร เป็นอุ้มเองคนเดียวทำให้สื่อออกมาผิด”

“ทุกวันนี้ไปไหนก็มีฟีดแบคกลับมาบ้าง ไปตามที่สาธารณะไม่ค่อยจะสะดวก บางคนก็เข้ามาถาม บางคนก็มอง แต่ถ้าใครเข้ามาคุยอุ้มก็อธิบายหมดเลยพยายามชี้แจงว่า โอเคสื่อออกมาแบบนี้นะเพราะความผิดอุ้มนะไม่ใช่เพราะสื่อ เพราะอุ้มสื่อสารไม่ระวังก็เลยออกมาเป็นแบบนี้”

“ตอนนี้ก็คงต้องทำใจเพราะภาพติดลบไปแล้ว โดยประสบการณ์แล้วอุ้มคิดว่าเรื่องลบมันติดนานกว่าเรื่องบวก ก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจ แต่ถ้ามีโอกาสทางการทำงานก็จะทำให้ดีที่สุด ก็ต้องรอดูค่ะ”

“ความจริงแล้วสื่อแรกที่มาสัมภาษณ์อุ้ม ก่อนหน้านี้เขาเคยมาสัมภาษณ์อุ้มแล้วแต่เป็นเรื่องเยาวชน พอเขามาสัมภาษณ์อีกอุ้มก็ยิ่งไม่ระวังใหญ่เลย บวกกับความตื่นเต้นก็ยิ่งทำให้ไม่ระวัง ตอนแรกนึกว่าเขาจะลงเป็นคอลัมน์เล็กๆ เหมือนติดตามผลงานว่าอุ้มถ่ายอะไรไปบ้างแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยระวัง พอมันมีอะไรที่ดีใจก็เลยพูดออกมาหมด ทำให้เกิดความผิดพลาดทางการสื่อสาร”

“หลังจากวันแรกที่ออกมาให้สัมภาษณ์ คุณปรัชญา(ปรัชญา ปิ่นแก้ว) ได้มาท้วงว่าระวังคนจะเข้าใจผิดนะ อุ้มก็ยังงงๆ อยู่ หลังจากนั้นเขาก็ให้อุ้มไปเชคดูว่ามันเป็นรางวัลหรือเปล่า ซึ่งมันก็ไม่มีรางวัล(เราเข้าใจผิดว่าเป็นรางวัล) คือตัวอุ้มเองเดี๋ยวนี้เวลาใครส่งอีเมลล์มา CONGRATULATION คือเวลาที่อุ้มได้ CERTIFICATE มา CERTIFICATE จะมาหลังจากที่ได้ CONGRATULATION ทางอีเมลล์”

หลังจากนั่งฟัง “อุ้ม” พูดมานาน พอถึงตรงนี้ “ปรัชญา” ก็ขอพูดเสริมเพื่อให้เกิดความเข้าใจแจ่มชัดขึ้น
“คือต้องอธิบายขั้นต้นนิดหนึ่งว่า ก่อนหน้าที่จะไปคานส์ ตั้งแต่หนังสั้นเรื่องแรกอุ้มส่งไปหลายเทศกาลมากๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็กไปเยอะมากส่งเสียตังค์ด้วย จนหมดเงินไป 7 – 8 หมื่นบาท ซึ่งเขาไม่ไหวแล้วเงินจะหมด สุดท้ายก็มาส่งทีคานส์ แต่คราวนี้ทุกเทศกาลมันก็จะมีอะไรที่คล้ายๆ กัน คือหนังฉายโชว์ซึ่งต้องคัดเลือก กับหนังประกวดซึ่งต้องมีการแข่งขัน แต่ในขั้นต้นไม่ว่าจะฉายโชว์หรือเข้าประกวด มันต้องการส่งไปให้คัดเลือก”

“ซึ่งหนังที่อุ้มส่งไปเทศกาลต่างๆ ก่อนทื่จะถึงคานส์ แต่ละเทศกาลก็มีการตอบอีเมลล์กลับมาโดยเจ้าหน้าที่ของเทศกาล พอดูเสร็จก็มี CONGRATULATION มีคำชมเข้ามา สุดท้ายก็บอกว่าเราเลือกยูนะ เขาก็ได้ๆ ตรงนี้มาตลอดจนเขาเริ่มชินกับตรงนี้ และบางเทศกาลก็จะมีใบประกาศให้ เขาจะถามว่าจะไปรับไหมหรือไม่รับ เขาจะส่งกลับมาให้ก็ได้ แต่อุ้มก็ไปรับที่ลาสเวกัส ส่วนที่แคนาดาตอนแรกว่าจะไปแต่ก็ผิดพลาดไปไม่ได้ สุดท้ายก็เลยโทรไปขอร้องให้เขาส่งมาให้ เขาก็เลยส่งมาให้”

“คราวนี้กลับมาถึงคานส์ คาแร็กเตอร์ของคานส์เป็นเทศกาลที่ใหญ่มากๆ และมีเซคชั่น เยอะมากๆ ผมเชื่อว่าเวลาที่อุ้มเชคดูให้เน็ต เขาก็คงเชคว่า เซคชั่นไหนที่พอจะไปได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาไป Short Film Corner ได้ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาไม่รู้หรอกว่าใน Short film Corner รายละเอียดมันต่างกันยังไง เขาคงไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นโต๊ะที่ต้องนั่งดู เพราะว่าไอ้หนังสั้นแต่ละเทศกาลมันต้องฉายในโรงหนัง ฉายจอเล็กๆ หรืออย่างน้อยก็โปรเจกเตอร์ แต่บังเอิญที่คานส์มันมีส่วนย่อยๆ เยอะ และใน Short Film Corner มันอยู่ในส่วนของตลาดก็เปิดโอกาสให้คนดูเข้ามาวิจารณ์”

“คราวนี้พอเมลล์มาจากคานส์ที่ส่งมาโดย Short Film Corner มันไปละหม้ายคล้ายคลึงกับเมลล์ที่อุ้มเคยได้จากเทศกาลอื่นๆ ซึ่งคอมเม้นท์จาก Short Film Corner ที่เปิดให้คนทั่วไปดูและคอมเม้นท์ออกมาแต่รวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ และเขาจะตัดดีเทลออกว่าใครเป็นคนคอมเม้นท์ และสุดท้ายก็ลงท้ายด้วย CONGRATULATION ซึ่งเป็นไปได้ที่น้องจะเข้าใจผิด”

ด้าน “อุ้ม” ก็สารภาพว่ามีความรู้เกี่ยวกับเทศกาลหนังค่อนข้างน้อย
“มันมีอีกเรื่องหนึ่ง คือมีคนสงสัยว่า ทำไมความรู้น้อยจังส่งหนังไปตามเทศกาลทำไมไม่รู้ว่าแต่ละเทศกาลเขาทำยังไงบ้าง ซึ่งตัวอุ้มเองก็ยอมรับว่าไม่เคยติดตามว่าแต่ละเทศกาลเขาทำอะไรบ้าง อุ้มสนใจแค่ว่าหนังสั้นเราไปที่ไหนได้บ้าง และตามที่อุ้มเคยส่งไปทั้งหมด หนังสั้นที่อุ้มเคยส่งไปจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัครเข้าไป และมีคำถามมาว่า ดูไม่ออกเลยเหรอว่าที่คานส์จ่ายตังค์เข้าไปหนังก็โชว์ได้ อุ้มไม่ได้คิดตรงนั้นเลย เพราะเวลาส่งก็จะต้องจ่ายตังค์ค่าสมัครตลอด”

ถึงแม้ว่า “อุ้ม” จะแถลงข่าวเคลียร์ตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังจะติดตัวต่อไปอีกนาน พร้อมกับสายคนทั่วไปที่อาจจะมองด้วยความสงสัยว่า “ลวงโลก” หรือเปล่า
“อุ้มทำใจว่าคงจะโดนเรื่องแบบนี้เร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้ก็มีการเขียนข่าวออกมาแบบนี้เยอะแล้ว อุ้มก็คงโดนด่าเยอะ ก็เห็นมีการโพสต์รูปอุ้มไปหลายที่แล้ว คิดว่าคงจะจำหน้ากันได้แล้ว สภาพจิตใจของอุ้มตอนนี้ไม่ค่อยดี อุ้มไม่ค่อยได้นอน แล้วก็ไม่ค่อยมีความสุข ใช้การกินเหล้าช่วย ออกไปไหนคนก็จำได้แล้ว”

“อุ้มเครียดมาก เครียดตรงที่เหมือนกับอยากจะให้บอกว่า อุ้มเป็นคนโกหก ตรงนี้เครียดมากเครียดจนร้องไห้ อุ้มไม่กล้าโกหกกับของแบบนี้หรอก คานส์เป็นเทศกาลที่ใหญ่มาก ไม่มีใครจะมาโกหกเรื่องนี้แล้วจะหลุด ข่าวสารทุกวันนี้มันเชคได้ทุกอย่าง อุ้มรู้สึกอึดอัดและก็รู้สึกผิดตรงที่ว่า คนเขาค่อนข้างผิดหวังเพราะตอนแรกเห็นข่าวเขาก็ดีใจกัน แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องโกหกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”

“อุ้มไม่ได้คิดว่าอุ้มชนะอะไรเลย อุ้มคิดแค่ว่าเรากำลังจะได้ใบประกาศเพิ่มอีกหนึ่งใบ(แต่เวลาพูดเหมือนได้รับรางวัล) คงเป็นความตื่นเต้น สำหรับอุ้มมันเป็นรางวัลที่ใหญ่มาก อันนี้แหละที่ให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น ถึงแม้ว่าอุ้มไม่ได้ใบประกาศมาเลย สมมติอุ้มเอาหนังไปฉายให้คนดู 10 คนแล้วทุกคนชอบหมดเลย อันนี้อุ้มก็คิดว่าเป็นรางวัลแล้ว เป็นรางวัลสำหรับการที่เราพยายามทำงาน และมีคนชอบ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่”

“มันเป็นหนังเรื่องแรกของอุ้ม อุ้มค่อนข้างเห่อ ถ้าได้ดูใน 18 เทศกาลที่อุ้มได้ไปก็จะเห็นว่ามันมีเป็นเทศกาลที่ไม่ใช่เทศกาลใหญ่ๆ เป็นเทศกาลเล็กๆ ไม่ได้โชว์หนังเป็นเรื่องราวอุ้มก็เอาหมด เทศกาลเก็บเกี่ยวมันฝรั่ง หรือเป็นภูเขาเล่นสโนว์บอร์ดทำเป็นกองไฟใครเอาอะไรมาฉาย อุ้มก็จะเก็บหมด อันไหนที่อุ้มยื่นได้ก็ยื่นหมดและก็บวกเข้ามานับเป็นเทศกาลด้วย”

ย้อนดูเทปวันที่ “อุ้ม” ไปให้สัมภาษณ์รายการ เที่ยงวันทันข่าว ช่อง 3 “วิศาล ดิลกวณิช” ผู้ดำเนินรายการ ก็มีการซักถามและพูดถึงคำว่า “รางวัล” ชัดเจน ซึ่ง
“อืม....ตรงนั้นมันมีหลายๆ ตอนที่......(เงียบไปชั่วครู่) พูดแล้วเดี๋ยวจะฟังดูไม่ดี คือเหมือนกับว่า ส่วนตัวอุ้มเอง อุ้มไปใส่ใจกับคำว่า BEST STUDENT FILM อุ้มกำลังพยายามงจะแปลว่า BEST STUDENT FILM นะ แปลว่าหนังเรื่องนี้ดีเด่นนะ ดีที่สุดนะ คือกำลังจะแปลต่อว่ามันเป็นอีเมลล์หรือมันเป็นอะไร แต่โอกาสมันมาไม่ทัน แต่ตอนหลังอุ้มก็พยายามบอกว่า อ๋ออุ้มได้รับอีเมลล์มา CONGRATULATION”

“อุ้มพยายามบอกว่านี่คือรางวัลสำหรับอุ้ม มันไม่แปลกเลยถ้าคนอื่นจะเข้าใจผิด เพราะคุณวิศาลเขาคงกำลังดีใจกับอุ้ม ส่วนตัวอุ้มก็ยังอยู่ในช่วงความหมายไม่ตรงกันอยู่ แต่อุ้มก็ยังคิดว่ามันเป็นรางวัลอยู่ เพียงแต่ว่าอุ้มไม่ได้ไปชนะอะไรมา แต่ว่าคำที่ใช้ในหนังสือพิมพ์หรือในรายการโทรทัศน์มันเหมือนกับว่า อุ้มไปชนะรางวัลที่หนึ่งอะไรมา แต่อุ้มยังไม่ได้เคยพูดว่าอุ้มไปชนะอะไรมาเลย”

ตื่นเต้นจนไม่ได้ฟังว่า “วิศาล” ใช้คำว่า “รางวัล” หรือเปล่า ?
“อุ้มพยายามจะบอกว่ารางวัลของอุ้มคืออะไรนั่นคือเมนหลัก เหตุการณ์ในวันนั้นเหมือนอุ้มจะนั่งยิ้ม เหมือนกับโอเค แต่ความจริงอุ้มพยายามข่มความตื่นอยู่ ยิ่งคุณวิศาลบอกว่าเป็นสปีลเบิร์ก โอ้โห....อุ้มอึดอัดมาก ไม่รู้จะพูดยังไง วันนั้นพอไปถึงไม่มีการเตรียมอะไรกันเลย ไปถึงก็สดเลย ไม่ทราบเลยว่าจะมีคำถามอะไรเกิดขึ้นกับตัวอุ้มบ้าง พอเขาพูดแบบนั้นออกมา เห็นนั่นยิ้มแต่ยิ้มแหย๋นะมันไปไม่ถูก ตายแล้ว....ไม่อยากให้คนชมขนาดนั้น”







CERTIFICATE หรือหนังสือรับรองที่ อุ้ม เคยได้มาจากเทศกาลหนังที่ลาสเวกัส

ไม่ว่าจะเกิดจากเข้าใจผิดหรืออะไรก็ตาม แต่การที่ “วิศาล” ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ ชื่นชมว่าเป็นสปีลเบิร์กเมืองไทยโดยที่ไม่ศึกษาข้อมูลว่า รางวัล “BEST STUDENT FILM” และ “OFFICAL SELECTION” มันมีอยู่ในเทศกาลคานส์หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้อุ้มหนักใจไม่น้อย หากใครจะมองว่า “วิศาลหน้าแหก โดนลูบคม”

“อุ้มทำให้เขาเสียหายเยอะ และก็ทำให้หนังสือพิมพ์ที่มาสัมภาษณ์อุ้มฉบับแรกเสียหายด้วย ในขณะเดียวกันก็มีพี่ๆ สื่อคนอื่นที่ยังไม่ทันได้มาสัมภาษณ์อุ้ม แต่หัวข้อสกู๊ปมันแรงมากก็มีการไปพูดกันในหลายๆ ที่ อุ้มก็ต้องขอโทษ(ยกมือกราบขอโทษ) เหตุการณ์นี้ไม่มีสื่อไหนผิด คุณวิศาลก็ไม่ผิด เพราะความเข้าใจผิดมันทำให้เขาเกิดการตื่นเต้นเกิดขึ้น”

“กว่าอุ้มจะเข้าใจว่ากระดาษที่อุ้มมีอยู่เขาไม่ได้เรียกว่ารางวัลนะ คำว่ารางวัลมันต้องหมายความว่าชนะเลิศเท่านั้น อุ้มก็งงเหมือนกันเพราะมันก็เป็นรางวัลนะ ในกระดาษมันก็เขียนคำว่า AWARD”

“มีอีกเรื่องหนึ่งคะที่คุณวิศาลพูดว่า อุ้มไม่ได้อยู่รับรางวัล แต่อุ้มหมายถึงไม่ได้อยู่รับประกาศนียบัตรวันที่เรียนจบนะ แต่เขาเข้าใจว่าเป็นคานส์ คือส่วนใหญ่อุ้มจะเป็นคนตอบไม่ได้เป็นคนถาม พออุ้มออกมาอาปรัชก็ถามอุ้มก็บอกว่า อุ้มพูดถึงโรงเรียนอุ้มอยู่นะ เพราะมีหวัดหมูพอดี อุ้มก็เลยไม่ได้อยู่วันจบของตัวเอง ใบจบก็ไม่ได้รับ ถ้ามีอะไรให้อุ้มก็คงไม่ได้รับ ถ้ามีรางวัลของอุ้มก็คงไม่ได้รับอีก อุ้มไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับวันจบของอุ้ม”

“จนมาพูดถึงเรื่องคานส์อุ้มก็พูดว่า คานส์อุ้มก็ไม่ได้ไปเพราะมีเรื่องหวัดหมู มันเข้าใจคนละอย่างกัน พยายามออกมาอธิบายแต่ก็ฟังไม่ขึ้น เขาก็จะไปดึงวีดีโอวันแรกมาโพสต์ แต่คนที่รู้จักอุ้มจริงๆ อย่างครูต้อม(ยุทธเลิศ สิปปภาค) จะบอกว่า ยูพลาดแล้ว อุ้มก็ยังเถียงเขาอยู่ว่า อุ้มพูดเคลียร์แล้วนะ อุ้มยังไม่เคยพูดเลยว่า อุ้มชนะได้รางวัลที่ 1 มา ครูต้อมก็จะบอกว่า ยูอย่าออกมาทำแบบนี้ อย่าออกมาอธิบายมันยิ่งไปกันใหญ่ ถ้ายูเสียใจก็พูดไปว่ายูเสียใจ ไม่ต้องอธิบายแล้ว

“ตอนนี้อุ้มก็ได้คุยกับคุณวิศาลไปแล้ว อุ้มเชื่อว่าคุณวิศาลคงจะเข้าใจ แต่อุ้มก็ทำเสียหายไปหมดเลย สองอาทิตย์ที่ผ่านมาอุ้มกำลังมึนคืออยากจะทำให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น แต่จะได้ผลหรือเปล่าไม่ทราบ แต่อุ้มก็อยากจะบอกว่า อุ้มไม่ได้อยากให้ของแบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แล้วก็.....อุ้มพลาด”

อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็คือ การที่ “อุ้ม” พยายามจะอธิบายว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดจากการสื่อสารผิดพลาด เข้าใจผิด หรือเป็นเพราะอุ้มไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทยก็ตาม แต่การตอบคำถามแบบนี้ ก็ทำให้หลายๆ คนสงสัยว่า อุ้มไปเรียนต่อที่เมืองนอกเพียง 4 ปี ทำไมถึงสื่อสารภาษาไทยผิดพลาด

“อุ้มพยายามบอกตรงนี้มากๆ อุ้มไม่ได้ไม่เข้าใจภาษาไทยนะ อุ้มไม่รู้ทำไมทางอินเตอร์ไปฟังมาจากใครว่าอุ้มพูดภาษาไทยไม่รู้เรื่อง กลายเป็นว่าเอ๊ะยังไงคุณไปเมืองนอกมาแค่ 4 ปีทำไมฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง คือไม่ใช่ว่าอุ้มฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง เพียงแต่มันมีคำบางคำที่เกิดจากความไม่ระวัง อันนี้เป็นข้อใหญ่ที่อุ้มยอมรับ”

“อุ้มขอแก้ตรงนี้ก่อนว่าอุ้มพูดภาษไทยได้ แต่คนรอบๆ ข้างจะเห็นว่าอุ้มมีความเข้าใจแปลกๆ บวกกับตอนเด็กๆ อุ้มมีคำไหนสงสัยขึ้นมา บางทีก็ไม่ได้ถามกับคนไทยด้วยกันเองก็ไปถามกับภาษาอังกฤษ แล้วเขาก็บอกความหมายแบบภาษาอังกฤษ ซึ่งอุ้มก็ไปแปลเป็นไทยเองก็เป็นไปได้ว่าอุ้มอาจจะแปลผิด”

“คืออุ้มโตมาในที่ๆ คุณแม่โตมาอยู่กับคนต่างชาติเยอะ พูดภาษาอังกฤษเยอะ จบจากต่างชาติเยอะ เพราะเขาทำงานกับหนังเมืองนอก และเขาใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ในอินเตอร์เน็ตมีการหาประวัติอุ้มและบอกว่าอุ้มไม่ได้โตมากับคุณพ่อ”

“ใช่คะ...คุณพ่อกับคุณแม่ของอุ้มเขาเลิกกัน จำไม่ได้ว่าตอนกี่เดือน และคุณแม่ก็มีแฟนซึ่งไม่ใช่คนไทย ซึ่งก็ต้องมีเรื่องแบบจะต้องขอเงินไปโรงเรียนหรือว่าอะไร มันก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณแม่ฝึกอุ้ม เหมือนกับว่าอุ้มอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องพูดภาษาอังกฤษ จำเป็นจะต้องไปเปิดหนังสือหาว่า วิธีการที่เราจะขอเงิน วิธีการทีเราจะกินข้าว จะไปไหนจะทำอะไร ต้องทำยังไง มันเกิดจากตรงนี้ด้วย”

“อุ้มเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนสายน้ำผึ้ง เรียนมัธยมปลายที่เซนต์จอห์นอินเตอร์ เรียนมหาวิทยาลัยที่เอแบคอินเตอร์ ซึ่งเอแบคอินเตอร์ภาษาไทยเขาก็สอนวัฒนธรรมไทยเป็นภาษาอังกฤษ และก็ไปเรียนต่ออเมริกาแต่ไม่ได้เรียนด้านฟิล์มนะคะ”

“โรงเรียนที่อเมริกาฟังดูแล้วค่อนข้างจะสับสนนิดหนึ่ง มหาวิทยาลัยที่โน่นเราสามารถไปเก็บหน่วยกิตได้หลายที่เพราะค่าเรียนที่โน่นแพงมาก และมันจะมีมหาวิทยาลัยเล็กๆ ที่เป็นพวกคอลเลจอุ้มก็จะไปเรียน COMMUNITY COLLEGE ด้วย วิชาหลักเป็น BUSINESS และก็มีบางวิชาที่ไปลงที่ยูซีแอลเอด้วยก็เป็น BUSINESS เหมือนกัน ในสองปีจะทำแบบนี้ได้ แต่ก่อนจะเข้าสองปีสุดท้ายหรือปีครึ่ง เราจะต้องเอาคะแนนพวกนี้มารวมกันให้ได้ดีที่สุด เพื่อที่จะดูว่ามหาวิทยาลัยแต่ละที่จะต้องใช้คะแนนเท่าไหร่ถึงจะไปเรียนได้ ซึ่งที่โน่นจะไม่เหมือนที่นี่ เพราะที่นี่จะเอนทรานซ์ และเลือกเลยว่าจะเรียนอะไร แต่ที่โน่นจะเปลี่ยนได้”

“แต่อุ้มไม่ได้จบค่ะ คือนี่เป็นอีกข้อหนึ่งที่คนสงสัยว่าทำไมอุ้มไม่ได้อยู่พิธีจบ คือโรงเรียนนิวยอร์คอะคาเดมี่ที่อุ้มเรียนสองปีสุดท้ายจะแบ่งเป็น 2 แบบ เหมือนกับว่า ถ้าคุณมียูนิตครบก็ได้ใบจบเป็น BACHELOR DEGREE แต่ของอุ้มเก็บไม่เยอะเพราะใจอุ้มแค่ไปเรียนเก็บๆ คือที่บ้านอยากให้เรียน BUSINESS อุ้มก็ไปเรียนเรื่อยๆ ให้ แต่ตัวอุ้มเองแอบไปเรียน BUSINESS TOP FILM ที่ยูซีแอลเอ เขามีให้เรียน อุ้มก็ไปลงเรียนภาคาค่ำ และก็สนใจทางนั้นมากขึ้น เริ่มไม่เอาเรียนตอนกลางวันแล้ว”

“พอเรียนจบปุ๊บเขาจะให้เป็น DIFPOMA แต่ว่าไม่ได้แปลว่า อุ้มไปเรียนครอสสั้น หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าอุ้มไปเรียนครอสสั้น ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็มีครอสสั้น 4 อาทิตย์ 2 เดือน 3 เดือน แต่พวกนั้นจะเรียนไม่เหมือนเรา อาจจะได้กล้องดิจิตตอลตัวเดียว แต่ของเราจะเรียนหมดเลย พิธีจบเขาจะให้ DIFPOMA พอหนังที่ทุกคนทำเพื่อจบฉายปุ๊บเขาก็จะมีอาจารย์ใหญ่ทำพิธีมอบให้เรียกชื่อออกมารับทีละคน”

เผยเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหญ่
“คุณแม่เป็นแคสติ้งไดเร็กเตอร์เห็นชีวิตนักแสดงมาเยอะ ส่วนตัวอุ้มรู้สึกกลัวมากเพราะเป็นคนรู้จักเยอะ อุ้มชอบทำงานเบื้องหลังเพราะอยากเป็นผู้กำกับ แต่อีกส่วนหนึ่งคืออุ้มอยากอยู่ข้างหลังมากกว่า ไม่อยากให้มีคนรู้จัก แต่อันนี้มันผิดพลาดหมดเลย กลายเป็นว่าตอนนี้อุ้มทำอะไรปกติไม่ค่อยสะดวกเลย”

“อย่างเวลาที่อุ้มไปเที่ยวกับเพื่อน เวลาไปกินเหล้าอุ้มจะมีท่าเต้นแปลกๆ ท่าเต้นมันจะค่อนข้างทุเรศ มีวันหนึ่งไปกำลังทำท่ากิ้งกืออยู่และก็มีคนทักบนเวทีเลย สวัสดีค่ะคุณอุ้มได้รับรางวัลมาเหรอ อุ้มก็จะขึ้นไปอธิบายบนเวทีดีไหมเนี่ย ก็เริ่มไม่สนุกแล้วก็เลยกลับบ้าน”

“เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำให้ชีวิตอุ้มเปลี่ยนไปมาก ไม่รู้จะทำยังไงเพราะมันเกิดขึ้นแล้ว ทุกวันนี้ถ้าออกไปข้างนอกเจอสายตาคนมองก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อุ้มจะค่อนข้างกดดันตัวเอง ถ้าเห็นใครมองจะเซ้นส์เร็วมาก หันไปเจอก็เข้าใจว่าโดนแล้วนะก็รู้สึกแย่”

“แต่อุ้มก็ยังออกไปไหนมาไหนอยู่ เพราะการออกไปกินเหล้าช่วยให้หลับ และก็จะออกไปแถวๆ ข้างบ้าน ถ้าออกไปเจอบางทีก็อารมณ์เสียเหมือนกัน คือพี่คุยเลยก็ได้ อย่าทำแบบนี้เลย อยากจะว่าก็มาว่าเลย อยากให้เขาพูดออกมามากกว่า อยากให้เขาว่ามาอุ้มจะได้อธิบาย”

“ยอมรับว่าค่อนข้างเครียด อุ้มจะอ่านโพสต์ทุกที่เท่าที่อ่านได้ อ่านแล้วก็ทำให้เครียดนอนไม่หลับ แต่ตรงนั้นก็คงไม่มีใครผิดหรอกเพราะอุ้มทำให้เขารู้สึกแบบนั้นเอง ตรงนี้มันเป็นฟีดแบคที่อุ้มกำลังโดนความไม่ระวังของตัวเอง ซึ่งโดนบ้างก็ดีจะได้เป็นคนระวังมากขึ้น”

แต่สิ่งที่ทำให้อุ้มเสียใจมากๆ ก็คือสิ่งที่คนพูดว่า ขนาดแค่พูดยังทำให้เข้าใจผิดแล้วจะทำหนังได้เหรอ อันนี้คือสิ่งที่อุ้มเสียใจมาก อุ้มผิดไปแล้ว อุ้มทำเดือดร้อนไปทั้งเมือง พี่ๆ ผู้สื่อข่าวคนอื่นก็คงจะโกรธอุ้มน่าดูที่ทำให้เขาทำข่าวพลาด อุ้มก็เครียดถ้ารู้จักใครเป็นส่วนตัวก็จะโทรไปขอโทษก่อนเลย อุ้มไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน อุ้มไม่มีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้น”

“อย่างพี่นักข่าวข่าวสดที่สัมภาษณ์อุ้มครั้งแรก อุ้มก็โทรไปขอโทษเขาและก็พยายามอธิบายว่า การสื่อสารของอุ้มมันทำให้เขาเข้าใจผิด ความตื่นเต้นของอุ้มมันทำให้อุ้มรู้สึกว่า ตรงนั้นมันเป็นความยิ่งใหญ่สำหรับอุ้ม ก็เลยทำให้เกิดการเข้าใจผิด อุ้มก็หวังว่าเขาจะโอเค”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะผ่านตรงนี้ไปได้ยังไง ตอนนี้เหมือนคุยกับใครก็ทะเลาะกับเขาหมด คุณแม่พยายามมาให้กำลังใจแต่เรากลับรู้สึกเหมือนเขามากดดันเราเพิ่ม ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้มากดดันอะไรเราเลย ตอนนี้ใครโทรมาอุ้มแทบไม่รับโทรศัพท์ วันนี้อุ้มไม่ได้ยึดกับอะไร แต่ยึดกับเรื่องงาน การที่อุ้มจะทำหนังเรื่องหนึ่งทำไงให้หนังออกมาแล้วเป็นของดีคนยอมรับได้”

“ถึงจะท้อแต่อุ้มก็ยังไงจะทำหนังต่อไป แต่ถามว่ากลัวไหม กลัวมาก กลัวจนกลัวว่าจะทำงานไม่ดีออกมา แต่ตัดสินใจมาทางนี้และเป็นทางที่อุ้มรักอยากจะทำ เป็นสิ่งที่อุ้มรักมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่ายังไงก็คงจะทำ โดนว่าอีกก็จะทำ ถ้าโดนว่าเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้โดนว่าน้อยลง อุ้มมาใหม่ อุ้มพึ่ง 24 เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ความใหม่ก็กลัวอยู่แล้วเพราะเราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เรื่องตลาด ไม่รู้เรื่องฟิล์มเฟสติวัล ผู้ใหญ่ถามก็ตอบตรงๆ ว่าไม่ทราบ”

“สำหรับงานหนังตอนนี้อยู่ในช่วงเขียนบท โดยใช้บทละครของคุณต้อม แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงยังไงหรือเปล่า สไตล์ของหนังก็จะเป็นแนวชีวิตที่อยู่ในมุมมืด ซึ่งตอนนี้อุ้มกำลังมืดอยู่ด้วย ก็กลัวตัวเองจะไม่ไหวเหมือนกัน ก็ยอมรับว่าอ่านโพสต์ไปหลายๆ อย่างแล้วก็แย่เหมือนกัน โอ๊ย...ทำไมคิดว่าไปได้ขนาดนั้น คือ...อุ้มไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้คนไทยรู้สึกว่าไม่ได้ให้เกียรติเขา”

“แต่จะเห็นผลงานตอนไหนก็ยังไม่ทราบค่ะ ไม่ทราบจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดไว้ว่าจะออกช่วงเวลานี้ๆ แต่ตอนนี้ไม่ทราบจริงๆ เพราะเรื่องนี้(เรื่องเมืองคานส์) มันค่อนข้างแรง สภาพจิตใจมันค่อนข้างแย่ ถ้าทำหนังเสร็จก็ต้องไปลุ้นอีกว่า หนังจะออกมายังไง คนจะรู้สึกยังไง แต่ก็ยังยืนยันว่าจะทำต่อไป”

CERTIFICATE หนังสือรับรองที่ อุ้ม ได้มาจากเทศกาลหนังที่แคนาดา

โปสเตอร์หนังที่มีการนำรางวัลที่เข้ารอบสุดท้ายการประกวดหนังมาการันตี ซึ่งเป็นรางวัลที่เหมือนกับที่ อุ้ม ได้รับ โดย ปรัชญา อธิบายว่าน่าจะเป็นรางวัลเช่นกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น