xs
xsm
sm
md
lg

ชูนายกฯ ฮีโร่ “ทรนง” ไม่หวั่นเสื้อแดงไม่ชอบ “2022 สึนามิฯ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ทรนง” เชื่อโรงถ่ายถูกเผา เพราะโฆษณาโยงการเมือง ไม่หวั่น “เสื้อแดง” ไม่ชอบ “2022 สึนามิ วันโลกสังหาร” เหตุให้พระเอกเป็นนายกฯ แถมคาแรกเตอร์ยังบังเอิญคล้าย “อภิสิทธิ์” ฟุ้งหนังสะท้อนสัจธรรม คนดูขนลุกแน่

มีปัญหาตั้งแต่เริ่มทำเรื่อยมาจนถึงช่วงโปรโมตเลยทีเดียว สำหรับภาพยนตร์ “2022 สึนามิวันโลกสังหาร” ของผู้กำกับ “ทรนง ศรีเชื้อ” หลังนำรูปศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี พ.ศ.2547 มาทำเป็นป้ายโฆษณาจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว

จากนั้นหนังก็เกาะกระแสความขัดแย้งทางด้านการเมืองที่เกิดขึ้น ด้วยการนำภาพด้านหลังของชายคนหนึ่ง (ที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่บอกว่าคือ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) พร้อมด้วยข้อความ “หรือจะรอให้ภัยพิบัติมาล้างสองสีออกจากแผ่นดิน 2022 สึนามิ ลูกหลานจะมีชีวิตอยู่อย่างไร” มาติดแทน

กระทั่งล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ได้มีมือดีลอบเข้าไปวางเพลิงโรงถ่ายที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งในขณะที่หลายคนสงสัยว่าจะเป็นการโปรโมตหนังหรือไม่ ตัวของทรนงก็ออกมาเปิดเผยว่าตนคงไม่โง่เผาโรงถ่ายพันล้าน เพื่อโปรโมตหนังทุน 160 ล้านบาทแต่อย่างใด

“ตอนแรกผมก็มองประเด็นที่ผมเอาคนงานออกไปประมาณ 30-40 คน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผมต้องขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อทำหนังเข้าฉาย ก็ไม่ได้ไปๆ มาๆ เหมือนเมื่อก่อน ผมเลยมีความจำเป็นต้องหยุดพักงาน พอหนังเข้าฉายผมก็กลับไปทำงานโรงถ่ายต่อ”

“ตอนนี้ก็มีคนงานอยู่จำนวน 10 กว่าคนเท่านั้นเองที่ยังอยู่ทำโน่นทำนี่กันอยู่ และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อยู่ๆ เราไปปลดคนงานออก คนงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในท้องที่นั้นด้วย แต่เท่าที่ทราบเขาทำกันมากกว่าสองคน และการทำแบบนี้ได้ มาเล่นแบบนี้มันก็ไม่ธรรมดาแน่นอน"

“จะให้เชื่อว่าเป็นคนงานมันก็เป็นไปไม่ได้ คือ พูดง่ายๆ ลองของมันก็ต้องลำบากแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่คนสองคนจะซื้อน้ำมันเบนซิน 50-60 ลิตรมา มันต้องมีคนมากกว่านั้น อันนี้คือเท่าที่เจ้าหน้าที่บอกมานะ”

มั่นใจว่า ป้ายโฆษณาอื้อฉาวเป็นตัวชนวนให้เกิดการลอบวางเพลิง
“คือมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ผมโฆษณาหนังแล้วเอาป้ายบิลบอร์ด (ภาพศพเรียง)ขนาดใหญ่สูง 12 เมตรไปติดในกรุงเทพฯ พอผมปลดป้ายนี้ลงแล้วเอาป้ายใหม่ (รูปนายกฯ)ไปติดแทนตรงแยกสามเหลี่ยมดินแดง ผมก็เอาป้ายบิลบอร์ดแผ่นที่มีปัญหาเรื่องศพกับอันนี้ไปเก็บไว้ในโรงถ่าย แล้วผมเห็นว่ามันดูดี ก็เลยเอาไปคลุมเฮลิคอปเตอร์ไว้ ซึ่งเป็นเนินใหญ่มาก คลุมไว้ประมาณเดือนกว่าแล้ว”

“ซึ่งตอนนั้นคนก็จะมาคอมเมนต์วิจารณ์ ว่า คุณเอามาวางแบบนี้คุณอยู่สีไหนกันแน่คุณทรนง บางคนก็มาพูดอีกว่าเฮ้ย! ทรนงตายแล้วใครจะดูแลโรงถ่าย มันก็มีข่าวแบบนี้อยู่ตลอดในละแวกนั้น แต่คนที่มาเผาผมว่ามันเป็นคนนอกพื้นที่ แล้วไอ้คนที่มาถามว่าทรนงตายแล้วใครจะดูแลโรงถ่ายก็เป็นคนแถวนั้น”

“เราก็รู้จักทะเบียนรถ แต่เราเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาสัก 3-4 อาทิตย์ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ อาจจะมีการจ้างวานกันอีกที”

เชื่อเป็นคนมีอำนาจ?
“ผมมองแล้วมันน่าจะเป็นคนที่หมั้นไส้ผมมากกว่า คนที่พอมันมีอำนาจ พอใครมี ก็เฮ้ย! กูหมั่นไส้มัน คงเป็นคนที่มีอำนาจ เพราะถ้าไม่มีคงไม่กล้าทำแบบนี้ ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเด็กผมก็ไล่เตะพวกมันแล้วสิ คงเป็นพวกที่ไม่ธรรมดา ต้องมีขบวนการวางแผนมา อย่างน้อยก็ต้องมีรถมาจอดอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุสักครึ่งกิโลไป”

“เพราะพื้นที่ผมกินรัศมีเป็นกิโลฯ แล้วเขาก็ต้องเดินตัดผ่านเข้ามา แล้วก็ใช้เบนซินราดอย่างดีแล้วถึงจะจุดไฟเผา เห็นเด็กบอกว่าเขาน่าจะมาเผาได้สัก 15 นาทีฝนถึงจะตกลงมา โชคดีมาก ขอโทษเถอะไม่งั้นเป็นงานช้าง วอดหมดแหละ เพราะโรงถ่ายนี้ผมใช้เงินที่ผมไปกู้เขามาจำนวนมากมายมหาศาล”

สำหรับ “2022 สึนามิวันโลกสังหาร” แม้จะเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องมหันตภัยจากธรรมชาติ กับการคาดเดาว่า ในปี ค.ศ.2022 (พ.ศ.2565) จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นมาอีก ทว่าตัวเอกของหนังจะอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี “ไตรภพ” (รับบทโดย ภาณุเดช วัฒนสุชาติ)

โดย ทรนง บอกว่า คาแรกเตอร์ของนายกฯ ในหนังที่เป็นคนหนุ่ม ไฟแรง บุคลิก ฐานะ รูปร่างหน้าตาดี นั้นก็ให้บังเอิญตรงกับนายกฯ ไทยคนปัจจุบัน และนั่นเองที่ทำให้เจ้าตัวเชื่อว่าหากหนังถูกฉายออกมา คนเสื้อแดงก็คงจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ตัวเอกของเรื่อง คือ นายกรัฐมนตรี แล้วเป็นหนังเรื่องแรกของเมืองไทยที่นายกรัฐมนตรีเล่นตั้งแต่ฉากแรกถึงฉากสุดท้าย แต่ผมใช้เรื่องของภัยพิบัติเป็นตัวเดินเรื่อง ตัวที่จะมาแก้ปัญหา ก็คือ นายกรัฐมนตรีตัวเอก เพราะว่าโลกนี้ทั้งโลกจะแตกเพราะภูเขาระเบิด แผ่นดินไหว เพราะภัยสึนามิ”

“ตัวนายกฯ ก็มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งกับพวกรัฐมนตรี เพราะว่าตัวนายกฯ ประกาศให้มีการอพยพผู้คน แต่พวกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย พอนายกฯประกาศบ่อยๆ 3-4 ครั้งขึ้นมามันก็ไม่เกิดสึนามิขึ้นสักที พวกเขาก็กดดันให้นายกฯ ลาออก นายกฯ ก็พยายามต่อสู้ทุกวิถีทางทั้งในเรื่องของการเมือง เศรษฐกิจ แล้วต้องมาแก้ปัญหาภัยพิบัติอีก”

“ก็เหมือนกับว่า ทุกวันนี้ คุณอภิสิทธิ์ มีปัญหาที่หนักอกอยู่แล้ว เราก็เพิ่มประเด็นที่จะต้องมาแก้ปัญหาเรื่องภัยพิบัติอีก ผลสุดท้ายพอนายกฯ เข้ามุมอับมันก็เกิดสึนามิขึ้นมาจริงๆ ทำให้ตัวนายกฯ ต้องมาออกแอ็กชั่น มันก็เหมือนหนังเมืองนอกเรื่อง Airforceone บวกกับ the day after tomorrow และอะไรอีกหลายๆ เรื่องนั้นแหละครับ”

“ผมเชื่อว่า ฟีดแบกของหนังเรื่องนี้ต้องแรงมาก ถ้าคนที่ไปดูแล้ว...ผมพูดตรงๆ นะ คนที่ไปดูหนังผมถ้าเป็นสีแดงคงโกรธผมร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วล่ะ เพราะนายกฯ บังเอิญก็ไปตรงกับคุณอภิสิทธิ์พอดี ไม่มีทางเลือกก็ต้องว่าไปตามเรื่องตามเนื้อผ้า ผมเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร ผมก็เดินตามความเป็นจริง แล้วผมก็สบายใจอย่างที่ผมทำหนังของผมไปในทิศทางข้อมูลของความเป็นจริง ฉะนั้น ผมไม่ต้องกลัวหรือระแวงอะไร”

บอกไม่อยากใช้การเมืองโฆษณานำหน้าเพราะกลัวไม่มีคนดู
“ขอโทษเถอะหนังไทยเขาถือกันมาหลายรุ่นไหนต่อรุ่นไหนแล้วที่ว่า ห้ามเอาหนังไทยมาแปดเปื้อนกับเรื่องของการเมือง มันไม่มีใครดูหรอกมันเป็นสูตรสำเร็จมานานแล้ว ทำหนังอย่าทำการเมือง แต่ยุคผมมันไม่ใช่แล้ว ผมต้องการสร้างมิติใหม่ให้กับหนังไทย”

“ในเมื่อเราไม่ยุ่งกับการเมือง การเมืองก็อย่ามายุ่งกับเรา ผมประกาศเลยนะว่าหนังผมจะเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่มีพระเอกเป็นนายกรัฐมนตรี ผมท้าให้มาดูเลย ช็อตแรกของหนังเล่นกันจนถึงฉากสุดท้าย แล้วผมเชื่อว่าคนที่ดูแล้วจะต้องขนลุก แล้วก็ร้องไห้กับนายกรัฐมนตรีคนนี้แน่นอน”

ฟุ้งหนังสะท้อนให้เห็นเรื่องของ “สัจธรรม” โดยเฉพาะเรื่องของธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สมควรจะละเลย
“หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์คือ หนึ่งเรื่องของภัยพิบัติแห่งชาติ สองคือตอบโจทย์สังคมเรื่องของการเมืองและเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องความคิด ปัญหาที่ยิ่งใหญ่อย่างพวกปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ใหญ่กว่านั้นคือภัยพิบัติ”

“คือ ถ้าไม่มีโลกอยู่แล้วเราจะอยู่กันยังไง นั่นคือคำตอบ โอเคว่าทุกวันนี้เราทะเลาะกันได้เพราะเรามีบ้าน เรามีประเทศเรามีสังคมของเรา เรามีการต่อสู้ เรามีการขัดแย้งกัน ซึ่งนั่นเป็นประเด็นทางการเมือง ขณะเดียวกันที่เราต่อสู้กันทางการเมือง ประเด็นทางเศรษฐกิจก็เสียหาย”

“และที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นก็ประเด็นเรื่องของภัยพิบัติ ถ้าวันหนึ่งแผ่นดินมันถล่ม มันยุบลงไปน้ำท่วมประเทศไทยอยู่กันไม่ได้ แล้วถามว่าใครจะแก้ปัญหา ฉะนั้นเราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ปัญหาที่เราควรจะแก้ไขมันก็มีหลายประเด็น และระหว่างที่เรากำลังต่อสู้กันอยู่นั้นเราก็จะหลงลืมสิ่งที่มันเป็นสัจธรรมที่เราจะหลงลืมไปไม่ได้”

“นี่ผมกำลังจะบอกให้เห็นภาพรวมที่เราปฎิเสธไม่ได้ว่า ประเทศที่ยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจ แต่พอเกิดไฟป่าขึ้นมาแก้ไขกันไม่ได้ ประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่นก็เจอแผนดินไหว สึนามีถล่ม มันเป็นภาพที่ผมมองแล้ว หากเราพยายามเข้ากับโลก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ต้องมีความเอื้ออาทรกันระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม”

“ทุกคนเกิดมาต้องยอมรับความจริง ทุกคนเกิดมาเพื่อตาย เพียงแต่ว่าใครจะอายุ 1 วันใครจะอายุ 80 ปี ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย แต่ว่าตอนที่คุณเกิดมานี้ คุณจะทำประโยชน์อะไรให้กับโลกและสังคมได้บ้างเท่านั้นเอง”

หวั่นภาพยนตร์หมิ่นเหม่การเมืองจะไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ พร้อมทำใจยอมรับหนังเจ๊ง-ขาดทุนย่อยยับอย่างแน่นอน...“ทุกวันนี้หนังพร้อมฉายแล้ว นี่มันก็เลื่อนมา จริงๆ แล้วกำหนดฉายมันตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ก็เลื่อนมาวันที่ 28 พ.ค.นี้ ตอนนี้ตัวหนังก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองเซ็นเซอร์แต่อย่างใด”

“ถ้ากองเซ็นเซอร์แบนหนังผม ผมก็จุกหมดตัวเลย เพราะผมลงทุนกับหนังเรื่องนี้ไปสูงมาก รวม ณ ตอนนี้ 175 ล้านรวมค่าโปรโมท ค่าโฆษณาด้วย มันก็พูดยากนะ มันก็เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นตัวเอก ก็ไม่รู้ว่ากองเซ็นเซอร์เขาจะคิดยังไง ก็ทำใจไว้แล้ว”

“เรื่องรายได้นี่ผมไม่พูดถึงเลย ผมขาดทุนอยู่แล้ว ผมลงไป 160 ล้านปิดกล้อง ตอนนี้ดูแล้วผมน่าจะเก็บเงินในกรุงเทพฯ ได้ประมาณ 70 กว่าล้าน แบ่งกับโรงก็คนละ 30 ล้าน ที่เหลือก็เอามาจ่ายค่าโฆษณาก็หมดแล้ว จะเคลียร์ต้นทุนทั้งหมดได้ก็ต้องไปหาเอาที่เมืองนอก”

“ตอนนี้เราก็เริ่มเดินสายกันแล้ว เราก็ขายได้ประเทศละหมื่นเหรียญ 5 หมื่นเหรียญ สองแสนเหรียญ ก็เก็บๆ ไป เพราะเรามาจากประเทศกำลังพัฒนา มันก็เป็นแบบนี้แหละ เราก็ต้องวิ่งเดินสายขายหนังของเราไปรอบโลกทุกตลาดที่มี ฮ่องกง อเมริกา เทศกาลภาพยนตร์เราไปทุกที่ เท่าที่ทราบผลตอบรับจากต่างประเทศก็ดีนะ”

“เรื่องนี้ผมก็ทุ่มเกือบหมดหน้าตัก ไม่ว่าจะเป็นยังไงผมก็จะทำหนังของผมต่อไป ผมทำหนังของผมมา 30 ปีแล้ว แล้วผมก็มุ่งมั่นในวิถีทางของผม ผมทำหนังมาแล้วหลายแบบไม่ว่าจะเป็นหนังสงครามไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม กัมพูชา หรือเรื่องราวเกี่ยวกับโสเภณี”

มาวันนี้ผมจะมาจับหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมโดยตรง คือ อายุผมก็มากแล้ว ผมก็อยากจะทำหนังที่มันเป็นแก่นสารให้กับสังคมบ้าง”




กำลังโหลดความคิดเห็น