xs
xsm
sm
md
lg

To Let : สมควรตาย!

เผยแพร่:   โดย: โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล


* หมายเหตุ: บทความชิ้นนี้เปิดเผยรายละเอียดที่คุณไม่ควรรู้ก่อนดูหนัง

น่าจะเป็น Scream ที่มีคำพูดเจ็บคันเสียดสีการกระทำสูตรสำเร็จ ‘สมควรตาย’ บางอย่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในหนังสยองขวัญ

เป็นต้นว่า เวลาคนร้ายบุกเข้ามา พวกเขาจะพยายามวิ่งหนีขึ้นชั้นบนแทนที่จะวิ่งออกไปข้างนอก, เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบสวบสาบไม่ชอบมาพากล พวกเขามักเดินมะงุมมะงาหราไปสำรวจมันตามลำพัง แทนที่จะรีบโทรแจ้งตำรวจ หรือบ่อยครั้ง พวกเขาก็ชอบที่จะทำซื่อใสร้องถามว่า “นั่นใคร” ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านอีกแล้วนอกจากตัวเอง ฯลฯ

พฤติกรรมเหล่านี้พบเห็นได้ในหนังสยองขวัญแทบจะทุกเรื่อง แน่นอน ในทางหนึ่งมันช่วยเพิ่มสถานการณ์คับขันให้กับตัวละคร และขับดันให้ผู้ชมตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งการเอาใจช่วยลุ้นระทึกอย่างได้ผล

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า เราพบเห็นอะไรทำนองนี้บ่อยและซ้ำซากมากเกินไป จนจุดหนึ่งมันก็ถึงขั้นหงุดหงิดน่ารำคาญ กระทั่งเราเองก็อาจจะนึกสงสัยอยากไปสะกิดถามตัวละครเหล่านั้น –ด้วยคำถามเดียวกับที่ ‘เจ้าหน้าผี’ ฆาตกรโรคจิตใน Scream ถามเหยื่อของตน- เหมือนกันว่า “พี่ๆ พี่ไม่เคยดูหนังสยองกันมั่งเลยหรือไงอ้ะ?!”

To Let เป็นหนังสยองขวัญสัญชาติสเปนที่ตัวละครมีพฤติกรรมเข้าข่าย ‘สมควรตาย’ ทำนองเดียวกับที่กล่าวไว้ข้างต้นเปี๊ยบ

หนังเป็นผลงานกำกับของ โฮเม บาลาเกโร (ซึ่งในเวลาต่อมาจะดังระเบิดจาก [REC] ที่เขากำกับร่วมกับ ปาโก ปลาซา) เป็น 1 ในหนัง 6 เรื่องในโครงการ Films to Keep You Awake ที่สร้างขึ้นเพื่อออกฉายทางโทรทัศน์ประเทศสเปนในปี 2006

ตัวเอกของเรื่องคือ มาริโอ กับ คลารา สามี-ภรรยาข้าวใหม่ปลามันซึ่งฝ่ายหญิงกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ทั้งคู่จึงพยายามจะเสาะแสวงหาอพาร์ตเมนต์ห้องใหม่ที่กว้างขวาง โอ่โถง สะดวกครบครัน เพื่อรองรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีก 5-6 เดือนข้างหน้า

หนังบอกเล่าผ่านบทสนทนาของทั้งคู่ว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาไปดูอพาร์ตเมนต์มาแล้วหลายห้อง แต่ยังไม่พบที่ถูกใจและเหมาะสมกับฐานะเลยสักห้อง จนกระทั่งในวันเกิดเหตุ มาริโอก็มาพบคลาราพร้อมกับข่าวดี เขาพบใบปลิวโฆษณาชิ้นหนึ่งลงประกาศว่า มีอพาร์ตเมนต์ขนาดหลายห้องนอน ตกแต่งพร้อมให้เข้าอยู่ มีห้องครัวหรูๆ ภายในดูดี ให้เช่าในสนนราคาที่ถูกแสนถูก ถูกจนแทบจะต้องตบหน้าตัวเองซ้าย-ขวาเพื่อถามว่า “ข้าฝันไปหรือเปล่านี่?” เลยทีเดียว

แน่นอน มาริโอชวนคลาราควบรถไปดูมันให้เห็นกับตาทันที

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่รถจอดเทียบหน้าตึก ทั้งสองก็แทบจะเปลี่ยนใจพารถกลับหลังหันทะยานกลับบ้านเก่า เพราะหนึ่ง มันอยู่ไกลจากตัวเมืองมากเกินไป อีกทั้งเส้นทางกว่าจะมาถึงก็ยังวกวนคดเคี้ยว ไม่สะดวกในการเดินทางอย่างยิ่ง นอกจากนั้น สิ่งแวดล้อมรอบบริเวณยังอยู่ในสภาพทรุดโทรม ราวกับกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่แล้วเสร็จเสียทีอย่างไรอย่างนั้น

กระนั้น ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะลงมือทำอะไร ป้าแร้งทึ้งคนหนึ่งก็โผล่พรวดมาเคาะกระจกรถแล้วประกาศตัวว่า ตนคือนายหน้าที่ทั้งคู่นัดหมายไว้และกำลังรอคอยที่จะพาทั้งคู่ไปดู ‘บ้าน’ หลังใหม่

ด้วยความเกรงใจ มาริโอกับคลาราจูงมือกันเดินตามป้าเข้าไปในตึกอย่างเสียไม่ได้ ในใจคิดว่า แค่มาดูให้มันจบๆ ไป จากนั้นก็จะรีบปฏิเสธ รีบเผ่นไปให้พ้นๆ – แค่นั้น

แน่นอนว่า ทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายสบายบรื๋อดังคาด เพราะภายในตึกที่สภาพชำรุดทรุดโทรมไม่น่าอยู่เสียยิ่งกว่าภายนอก ป้าแร้งทึ้งกึ่งคะยั้นคะยอกึ่งบีบบังคับ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม ให้มาริโอกับคลาราตกลงปลงใจอยู่เสียที่นั่น และต้องอยู่เดี๋ยวนั้นทันที ยิ่งสองสามี-ภรรยาพยายามปฏิเสธ ป้าก็ยิ่งบีบหนัก จนถึงจุดหนึ่งที่ทั้งคู่ถึงกับอดรนทนไม่ไหว ต้องประกาศโพล่งอย่างชัดเจนแข็งกร้าวว่า “เราไม่อยู่! และเราจะไปเดี๋ยวนี้!”

ความโหดของหนัง และการกระทำที่เหลวไหลไม่เข้าท่าของตัวละคร เริ่มต้นตั้งแต่ตรงนี้

ทันทีที่กลั้นใจประกาศกร้าวปฏิเสธป้าไป คลาราก็เกิดอาการหน้ามืดคลื่นไส้ตามประสาคนท้องขึ้นมากระทันหัน เธอปรารถนาจะให้สามีพากลับไปพักที่รถ ทว่าป้าเสนออีกทางเลือกหนึ่ง คือ ให้เธอเดินเข้าไปนอนพักบนเตียงในอีกห้องที่อยู่ลึกเข้าไป คลารากับมาริโอ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่า ยัยป้าคนนี้เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงน่าสงสัยและมีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ แต่ทั้งคู่ก็ยังอุตส่าห์เชื่อป้า พาตัวเองเดินเข้าสู่มุมอับในห้องลึกลับของป้าหน้าตาเฉยซะงั้น!

เหตุการณ์ถัดจากนี้คือการต่อสู้ห้ำหั่นระหว่างมาริโอ-คลารากับป้าแร้งทึ้ง โดยคู่แรกเป็นผู้ถูกล่า และคนหลังเป็นผู้ล่า โดยที่ฝ่ายแรกกระทำในสิ่งที่จะนำพาตัวเองไปตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพลี่ยงพล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เป็นต้นว่า เสียเวลาแวะช่วยเหลือเหยื่ออีกคนทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ห้องไหน, วิ่งขึ้นบันได 3 ชั้นกลับไปเอากุญแจประตูใหญ่เพราะตายใจนึกว่าป้าตายแล้ว (แต่ที่จริงตอนนั้นป้าแค่แขนขาด), พยายามจะปลดปล่อยบุรุษลึกลับนายหนึ่งเป็นอิสระจากโซ่ตรวนที่ล่ามมัดเขาอยู่ ทั้งที่เพิ่งเห็นจะๆ กับตาไปเมื่อครู่ว่า หมอนั่นมีพฤติกรรมรุนแรงก้าวร้าว และไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าน่าไว้ใจเลยสักนิด (และท้ายที่สุดหนังก็เฉลยว่า บุรุษลึกลับผู้นั้นเป็นพวกเดียวกับป้า และเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้ป้า ‘ปิดเกม’ จัดการมาริโอและคลาราได้อย่างเบ็ดเสร็จ) ฯลฯ

ว่ากันอย่างเป็นธรรมและพยายามจะมองอย่างเข้าใจว่า นี่คือหนังสยองขวัญที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ผู้ชมลุ้นเหงื่อพุ่งโดยเฉพาะ มันก็ไม่ผิดที่โฮเม บาลาเกโร ผู้กำกับ จะแทรกใส่เหตุการณ์เหล่านี้เข้ามาเพื่อกระตุกกราฟของหนังและต่อมเสียวของผู้ชม

ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า นับตั้งแต่ Scream ของ เวส คราเวน ออกฉายเป็นต้นมา ดูเหมือนว่ามันจะจุดประกายให้ผู้ที่รักใคร่ชื่นชมหนังสยองฯ ตระหนักว่า ตนมีสิทธิเรียกร้องทวงหาความแปลกใหม่ของเรื่องราว ชั้นเชิงในการนำเสนอ และลูกล่อลูกชนการพลิกผันหักมุมที่ชาญฉลาด จากหนังกลุ่มนี้ – ไม่ใช่แค่สักแต่จับตัวละครไปโยนใส่สถานการณ์คับขัน บังคับให้ตัวละครทำอะไร ‘รนหาที่’ แล้วก็วิ่งหนีๆๆ ขณะที่ฆาตกรก็วิ่งไล่ๆๆ เหมือนที่เคยเป็นมาหลายยุคหลายสมัยอีกต่อไป

พูดให้ชัดก็คือ To Let นั้น ในแง่ของความบันเทิง มันเป็นหนังที่ดูสนุกในระดับพอใช้ เพียงแต่เป็นความสนุกที่ ‘จบแล้วจบกัน’ ไม่ได้มีอะไรพิเศษน่าจดจำมากไปกว่าหนังกลุ่มเดียวกันอีกสิบอีกร้อยเรื่องที่คุณเคยผ่านหูผ่านตามาก่อนหน้านี้สักนิด



กำลังโหลดความคิดเห็น