บอสสหฯ ยังไม่ตื่น โต้เฉยไม่เคยจ้าง “เอ็ม แรมบ้า” ผู้ต้องหาคดีข่มขืนนักศึกษาปริญญาโท มาเป็นวิทยากร คาดน่าจะถูกลากไปเชื่อมโยงกับกระแสมากกว่า สวนทางกับครีเอทีฟที่บอกว่าผู้บริหารทราบเรื่องแล้ว และสั่งให้บล็อกข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรียกว่าโดนสองเด้งติดต่อกันเลยทีเดียว เพราะกรณีที่เคยตกเป็นข่าวโปรโมทหนัง “สาระแนห้าวเป้ง” เพิ่งจางไป ตอนนี้ค่ายหนังยักษ์ใหญ่สหฯมงคลฟิล์มก็โดนอีกระลอก เพราะหนังเรื่อง Horse Men (อำมหิต 4 สะท้าน) ที่ทางสหฯมงคลเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และนำมาฉายในเมืองไทยนั้น ได้มีการไปจ้างวานบริษัทนักสืบ INTERNATIONAL DETECTIVE (THAILAND) ของ “ดร.สุรชัย วิวัฒนชาติ” หรือ “เอ็ม แรมบ้า” ผู้ต้องหาคดีข่มขืนนักศึกษาปริญญาโทมาเป็นวิทยากร เพื่อโปรโมตหนังเรื่องดังกล่าว
ทาง “เจท พิสิษฐ์ พิรจิตรสิงห์” ครีเอทีฟของค่ายมงคลเมเจอร์ในเครือสหมงคลที่คิดกิจกรรมโปรโมตหนังเรื่องนี้ ได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และได้กล่าวขอโทษถึงความผิดพลาด รับปากจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก และได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับทางผู้บริหารของสหฯมงคลรับทราบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ได้มีการสั่งระงับข่าวดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
แต่พอสอบถามเรื่องนี้ไปยังทางผู้บริหารของค่ายสหมงคลฟิล์ม “อุ๋ย ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ” รองประธานกรรมการฝ่ายขายบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ลูกสาวของ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” กลับได้รับการเปิดเผยว่าไม่เคยมีการติดต่อจ้างวานหรือร่วมงานใดๆ กับ “เอ็ม แรมบ้า” ทั้งสิ้น ค้านกับคำให้สัมภาษณ์ของครีเอทีฟเจ้าของไอเดียชนิดฟังแล้วถึงกับงงกันเลยทีเดียว
“เรื่องแบบนี้ไม่มีนะ คือเรามีหนังเรื่อง Horse Men เพิ่งเข้าฉาย แต่ว่าเรื่องบริษัทนักสืบไม่เคยได้ยินนะ ไม่มีนะคะ เขาเป็นใครเรายังไม่รู้จักเลย อุ๋ยไม่เข้าใจว่าเราจะไปจ้างเขามาเพื่ออะไร Horse Men คือหนังปกติธรรมดามากเรื่องนึง ที่เราซึ้อมาจากบริษัทที่เรารู้จัก แล้วก็เอามาจัดจำหน่ายแค่นั้นเอง แต่ว่าไม่มีอะไรอย่างที่ว่านะคะ”
“คือมันเป็นหนังที่สร้างฆาตกรโรคจิตน่ะค่ะ อารมณ์แบบว่าโหดๆ นิดๆ เซ็นเซอร์ยังต้องตัดเลย คือหนังตัวเลขก็ไม่ได้ดี เราฉายไม่กี่โรงเอง แล้วเราก็มองว่าคนที่ดูหนังแนวนี้ในเมืองไทยมีค่อนข้างน้อย ถ้าถามจริงๆ ถ้าเกิดดูถอยหลังลงไปตัวเลขมันจะนิดเดียว เพราะฉะนั้นจำนวนก็อบของหนังพวกนี้มันจะถูกจำกัดลงเรื่อยๆ แล้วเราไม่ได้ทำโปรโมทรุนแรงมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่จ้างบริษัทเขาเพื่อไปสร้างกระแส สร้างข่าวหรอก”
“เราไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ จริงๆ ถ้าข่าวออกมาอย่างนี้เดี๋ยวต้องไปเช็คแหละ มันก็คงเสียหายสำหรับเรานะ แต่ว่าเราทำทุกอย่างถูกกฎหมาย แล้วเราก็โปรโมทหนังปกติ เราไม่เคยไปพลิกแพลงวิธีการให้ดูน่าเกลียดขนาดนั้น เราไม่ทำอยู่แล้ว”
ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการโปรโมทหนัง และคงไม่คุ้มถ้าจะต้องเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องแบบนี้ และบริษัทไม่เคยมีมาตรการโปรโมทหนังด้วยวิธีนี้อยู่แล้ว
“หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีการโปรโมทอะไรนะคะ จริงๆ ไปดู Horse Men ก็ยังไม่ได้มีกระแสอะไรที่ดูเป็นข่าวที่มันน่าจะเกี่ยวข้องกับ Horse Men เลยด้วยซ้ำ ส่วนตัวอุ๋ยไม่ทราบเลยค่ะว่าเขาเป็นใคร ยังไม่รู้เลย คงอาจจะต้องขอ Information ถ้าเกิดใครที่มาพูด แต่ว่ามันคนละธุรกิจกันนะคะ เราไม่รู้จักเขาอยู่แล้ว แล้วก็คงไม่ทำอะไรแบบนั้น”
“อุ๋ยว่าเราถูกจับไปโยงโดยไม่รู้เรื่องมากกว่าค่ะ แล้วจริงๆ ตอนนี้เรายังหนักกับสาระแนอยู่เลย แล้ว Horse Men จริงๆ ถ้าไปดูตามโรงมันฉายอยู่ประมาณ 10-15 โรงมันไม่คุ้มหรอกค่ะที่จะไปทำอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้ทำค่ะ แปลกดีค่ะ(หัวเราะ)”
ทางด้านผู้บริหารทายาทหนุ่มอีกคนอย่าง “หนึ่ง อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ” ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เผยถึงเรื่องนี้ว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน และมีวิธีการคัดเลือกบริษัทที่จะมาร่วมงานด้วยอย่างแข็งขันเป็นที่สุด
“ไม่น่าจะเกี่ยวกับทางบริษัทนะครับ ทางเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย จริงๆ ครับ ไม่มีนะครับ อันนี้ผมไม่ทราบเลยนะครับ ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นทางคุณพ่อคุยรึเปล่า แต่ว่าที่ผมรับเรื่องมาไม่มีนะครับ ไม่มีเลยครับ และไม่ทราบจริงๆ ครับ”
“อย่างแรกเลยในการที่เราจะเลือกบริษัทใดบริษัทนึงมาร่วมงาน ข้อหนึ่งเราคงต้องดูในความเป็นไปได้ของตัวบริษัทนั้นในการทำงานร่วมกัน ว่าเราคุยกันลงตัวรึเปล่า คือในส่วนตัวผมชอบทำงานที่แฮปปี้ ถ้างานไม่แฮปปี้ก็จะไม่ผ่านผมออกมาอยู่แล้ว”
“กับเรื่องคนๆ นี้เคยได้ยินบ้างครับ แต่ว่าในเรื่องของการร่วมงานกันไม่เคยมีการพูดคุยกันเลยครับ ไม่มีนะครับ เราไม่มีทำงานกับเขาแน่นอน ยอมรับเลยว่าไม่มี ไม่จริงๆ แล้วโดยคนนี้ไม่มีเกี่ยวข้องกับทางบริษัทครับ ไม่มีโปรเจ็คไหนด้วยครับ รับรองไม่เคยคุยกัน ไม่มีจ้างครับ ไม่เคยคุยกันเลย เพราะว่าจริงๆ ผมมาดูเรื่องโปรดักชั่นทั้งหมดแล้ว ถ้าเผื่อมีเรื่องนี้เข้ามามันน่าจะถึงผม แต่ผมไม่เคยคุยกับเขาเลย ไม่เคยเจอตัวกันเลยครับ”
“กลัวคนเข้าใจผิดเหมือนกันครับ แต่จริงๆ แล้วทางเราไม่เคยมีการพูดคุยกับเขาเลยจริงๆ อยู่แล้วครับ ไม่มีจริงๆ และสำหรับหนังเรื่องนี้เรารับหน้าที่ในการจัดจำหน่ายอย่างเดียว เราไม่ได้ทำอย่างอื่น เราไม่ได้ลงทุน เราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีไปจ้างใครที่ไหนแน่นอน ไม่มีครับ งงครับ(หัวเราะ)”