“จอห์น มกจ๊ก” ตลกแคระเมีย “โจ้ สมชาย” ตลกแคระที่ถูกปาก้อนหินตาย ตกอับเร่ขายน้ำพริกบนสะพานลอย เจ้าตัวโอดชีวิตลำบาก แต่ก็สู้ตายไม่ขอทาน น้อยใจสมาคมตลกไม่เคยให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่รู้อยู่ว่าขายของอยู่ที่นี่
หลังจากที่ “โจ้ สมชาย จันทรเจือ” ตลกแคระคณะ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” เสียชีวิตจากเหตุถูกปาก้อนหินเมื่อปี 2547 จนทำให้ “จอห์น ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก” ภรรยา ซึ่งเป็นตลกแคระคณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยง “น้องเจนนี่” ลูกสาวเพียงลำพัง แต่เมื่อปี 2549 ก็ต้องสูญเสียลูกสาว เพราะอุบัติเหตุรถเหยียบ ซึ่งขณะนั้นทางสมาคมตลกก็ประกาศจะเข้าให้การช่วยเหลือ และ เหลือเฟือ มกจ๊ก เองก็รับปากจะดูแลจอห์น
แต่ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พบเห็นจอหน์ตลกแคระเร่ขายน้ำพริกตาแดง อยู่บนสะพานลอย หน้าห้างบิ๊กซี รามคำแหง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดเผยถึงชีวิตลำเค็ญ หลังจากต้องสูญเสียสามีและลูกในเวลาไล่เลี่ยกันว่า
“หลังจากที่พี่โจ้กับนอนเจนนี่ เสีย ก็อยู่คนเดียวมาตลอด เช่าห้องอยู่แถวๆ พุทธมณฑลสาย 4 ค่าเช้าห้องก็เดือนละ 1,200 บาท รวมค่าน้ำค่าไฟก็ 2,000 ตอนนี้ไม่ได้เล่นตลกแล้ว ตั้งแต่ลูกเสียก็ไม่ได้เล่นแล้ว คงเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คณะก็เลยถูกยุบ สมาชิกในคณะก็ต่างคนต่างอยู่คนละทิศคนละทาง ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ พี่เหลือเฟือ บอกว่า จะดูแล แต่อาจจะเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจไม่ดี ต่างคนต่างย่ำแย่ เขาก็เลยไม่ได้ดูแลเรา ตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย”
“เริ่มมาขายน้ำพริกที่นี่มาตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของลูก 2 ปี ตอนนั้นไม่มีเงินทำบุญให้ลูกก็เลยมาขายของที่ตรงนี้ จากนั้นก็ขายมาเรื่อยๆ เพราะเราก็ไม่รู้จะไปทำอะไรก็ตำน้ำพริกมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว”
“ที่ต้องมาขายไกลถึงขนาดนี้ เพราะคิดว่า ตรงนี้คนเยอะก็เลยเลือกที่จะมาขายตรงนี้ เพื่อนที่มาขายด้วยกันก็คอยช่วยเหลือ ที่สำคัญ ไม่อยากย้ายมาจากที่พุทธมณฑล เพราะเป็นที่ที่เราเคยอยู่ด้วยกันสามคนพ่อ แม่ ลูก”
“ชีวิตตอนนี้ก็ถือว่าลำบาก เพราะเราต้องสู้คนเดียว ทุกวันนี้ก็ต้องตื่นมาทำงานตี 4 ทุกวัน ไปตลาดซื้อของมาทำน้ำพริก เดินทางมาขายของที่ ม.ราม 9 โมง ถ้าวันไหนของเยอะก็นั่งแท็กซี่เอา บางวันก็นั่งรถเมล์ประหยัด บางทีก็ฝากของไว้ที่ห้าง เพราะถ้านั่งแท็กซี่ทุกวันก็ไม่ไหว”
“รายได้ก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร ขายกระปุกละ 20 บาท ขายส่งกระปุกละ 15 บาท นานๆ ที ก็มีคนมารับไปขาย รายได้ก็ไม่แน่นอน แล้วแต่ช่วงขายดีไม่ดี บางทีไม่มีเงินก็หาเงินมาหมุนซื้อของทำน้ำพริก รายรับน้อยกว่ารายจ่าย เดี๋ยวสติกเกอร์หมด เดี๋ยวกระปุกหมด เงินก็หมุนไม่ทัน บางวันก็ไม่มีเงินจ่ายหนี้เค้าก็ขอผ่อนผันไปก่อน”
“ก็ไม่รู้กันว่าจะไปทำงานอะไร เพราะเราเองก็อายุมากแล้ว และก็ไม่อยากจะรบกวนใคร ไม่กล้าโทร.ไปใคร พี่เหลือเฟือ เขาก็ไม่มีคณะแล้ว เราอยู่คนเดียวก็ไม่รู้จะไปรบกวนพี่เขาอีกทำไม เราเองก็ไม่มีผลงาน ตอนนี้ก็พอหารายได้ก็ไม่อยากจะไปรบกวน”
สอบถามถึงความช่วยเหลือจากสมาคมตลก เจ้าตัวบอกว่า เคยได้รับ 1 หมื่นบาท ตอนลูกเสีย และก็ไม่เห็นให้การช่วยเหลืออีกเลย ทั้งที่สมาคมเองก็รู้ว่า ตนเองมาขายของอยู่ที่นี่
“การช่วยเหลือจากสมาคมยังไม่มีเลย ตอนที่แฟน-ลูกเสีย เขาบอกว่า จะช่วยก็ให้เงินก้อนมา 1 หมื่นบาท ก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะช่วยเหลือเรายังไงต่อ เพราะช่วงนั้นเราก็สับสนยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วเขาเองก็รู้ว่าเราขายของอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีใครแวะมาทักทายบ้างเลย”
“ก็น้อยใจบ้างที่ว่าเราไม่มีผลงานแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจเรา ก็เหมือนทุกคนถ้ามีผลงาน เจ้านายก็รู้จักกันหมด ไม่ว่าศิลปินหรือใครก็ตามแต่ เราก็เหมือนคนโดนทอดทิ้ง”
“ก็ท้อบ้าง บางทีนอนกลางคืนต้องใช้ยานอนหลับ ยาคลายเครียดช่วยให้นอนหลับได้ แต่เราก็ได้กำลังใจเวลาดูรูปแฟน รูปลูกสาว ก็ช่วยได้บ้าง ถ้ามีเงินหรือว่างแล้วไม่เหนื่อยมาก ก็จะตื่นขึ้นมาตักบาตรทำบุญให้เขา คิดถึงเขาสุดๆ อธิษฐานเกิดชาติหน้าฉันท์ใดขอให้อยู่ด้วยกันตลอดในครอบครัวของเรา ชาตินี้ทำบุญมาด้วยกันแค่นี้ เขาหมดกรรมหมดเวรก่อนเราแต่เรายังใช้กรรมอยู่”
“เรามีกำลังใจสู้ อยากให้คนอื่นเขามองตัวเราขนาดนี้ยังสู้ได้ ก็อยากให้คนอื่นสู้เหมือนเราบ้าง อย่าท้อแท้ ซึ่งเราก็ได้รับกำลังจากหลายคนแม้กระทั่งคนที่มาซื้อของเรา เขาก็บอกว่าให้สู้นะ อาชีพตรงไหนที่เราทำได้ก็ทำไปเลย ทำได้หมด แต่ไม่เคยคิดจะไปขอทาน ถึงจะเป็นคนแคระแต่ก็มีศักดิ์ศรี”
สำหรับใครที่ต้องการอุดหนุนช่วยซื้อ น้ำพริกนรก-แมงดา-ตาแดง สามารถติดต่อมาได้ที่ 084-639-4530 (จอห์นสู้ชีวิต) หรือที่สะพานลอยบิ๊กซี รามคำแหง