xs
xsm
sm
md
lg

“เหลือเฟือ” แฉ “จอห์น” ไม่ได้ตกอับ ยันมีบ้านและทุกอย่างครบคนอื่นต้องอิจฉา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เหลือเฟือ” ยัน “จอห์น” ไม่ได้ตกอับ เผยตลกแคระมีบ้าน และทุกอย่างครบแล้ว ชนิดที่หลายๆ คนต้องอิจฉา เผย จอห์นไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนเอง ให้ญาติเป็นคนดูแลบ้าน ยันที่ผ่านมาให้ความช่วยเหลือตลอดไม่ได้ทอดทิ้งเหมือนที่เป็นข่าว

กลายเป็นเรื่องประเด็นใหญ่ขึ้นมาซะแล้ว หลังจาก “จอห์น ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก” หรือ “จอห์น มกจ๊ก”   ตลกแคระเมีย “โจ้ สมชาย จันทรเจือ” ตลกแคระที่ถูกปาก้อนหินตายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ออกมาเปิดใจเผยถึงชีวิตลำบากจากตลกต้องตกอับมาเร่ขายน้ำพริกบนสะพานลอย แถมยังบ่นน้อยใจสมาคมตลกที่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือ แม้กระทั่ง “เหลือเฟือ มกจ๊ก” หรือ “เจมศักดิ์ แจ้งทิพย์นาง” หัวหน้าคณะที่เคยรับปากว่าจะช่วยเหลือก็ไม่เคยติดต่อมา
 
งานนี้หลังถูกกระแสข่าวโจมตี เลยทำให้ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” หัวหน้าคณะตลกของ จอห์น ต้องออกมาเคลียร์พร้อมเปิดเผยถึงเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมดให้ฟังว่า
              
“มีน้องเขาเอาข่าวมาให้ดูผมเห็นแล้วตกใจวูบและงงในข่าวลงว่า จอห์นตกอับมานั่งขายน้ำพริก ซึ่งจริงๆ ผมรู้เรื่องว่า เขาขายน้ำพริกมาตั้งนานแล้ว และผมนี่แหละเป็นคนสอนเขาเองว่า เมื่อเป็นดารามีชื่อเสียงแล้วอย่ามานั่งนิ่งดูดาย ขอตั้งใจทำงานและหาอาชีพสุจริตอย่างอื่นทำเสริมไปด้วย อย่ามาหวังกับเรื่องการแสดงอย่างเดียว และให้จำเอาไว้ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์นั้นมีค่า ยิ่งเงินที่เราได้รับบริจาคมายิ่งต้องรู้จักใช้”

“ที่ผ่านมา ผมช่วยเหลือเขามาตลอด ไม่ได้หายไป หรือไม่ได้ติดต่อกับจอห์นเหมือนที่เขาให้ข่าว แต่พักหลังๆ จอห์นเขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เลยขาดการติดต่อกันมาประมาณ 6-7 เดือนได้ ผมพยายามติดต่อหาเขาตลอดให้ทนายติดต่อเรื่องคดีของ โจ้ (สมชาย จันทรเจือ) แต่เขาไม่เคยติดต่อหาใครเลย จนกระทั่งมีข่าวออกมา มันทำให้เราเสียความรู้สึก”

 “ที่ผ่านมา เราให้ความช่วยเหลือตลอด ตั้งแต่ที่โจ้และเจนนี่ เสียชีวิต เรามาเคลียร์เรื่องบ้าน เรื่องเงินให้ ซึ่งผมกล้าพูดได้เลยว่า ชีวิตจอห์นนั้นมีทุกอย่างพร้อมแล้ว ถ้าไม่นับสามีกับลูกที่เสียไป คนอื่นมาเห็นแล้วต้องอิจฉา เขามีทุกอย่างครบเราทำให้เขาไว้ดีแล้ว”

“ผมจะบอกเขาเสมอเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคมาให้ยกมือไหว้ขอใช้เลยนะ เพราะมันเป็นเงินผี คือ เงินที่ทุกคนเขาช่วยบริจาคทำบุญให้กับโจ้ และเจนนี่ ทุกคนมีบุญคุณกับเราตรงนี้ต้องจำไว้ให้ดี ไม่ใช่เฉพาะแค่จอห์นคนเดียวกับลูกน้องในคณะทุกคน ผมก็จะบอกเสมอว่า เราให้ความช่วยเหลือส่งให้ไปมีความสุขทำให้พวกมึงสบายแล้ว แต่ถ้าวันใดที่ลำบากให้จำเอาไว้ว่า บ้านกูอยู่ที่นี่ และใช้เบอร์โทรนี้ไม่เคยเปลี่ยน มีปัญหาอะไรให้มาคุยกันได้”

“หลังจากที่ข่าวออกมา ผมพยายามติดต่อหาจอห์น อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนี้ผมยังไม่เจอเขา เพราะติดงานอยู่ต่างจังหวัด แต่ให้คนไปสืบหาได้เบอร์มาก็โทร.ไปคุย เขาก็บอกว่าหัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วง เขาสบายดี ไม่ได้ลำบากอะไร ก็เลยถามเขาว่า แล้วทำไมข่าวออกมาแบบนี้ เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน นั่งขายน้ำพริกอยู่ดีๆ ก็มีคนมาถ่ายรูปขอสัมภาษณ์แล้วก็เป็นข่าวออกมา”

“พอคุยกับเขาเสร็จผมก็ยังบอกเขาเหมือนเดิมว่า ผมยังใช้เบอร์เดิม อยู่บ้านหลังเดิม ไม่เคยคิดที่จะทิ้งกัน เดือดร้อนอะไรให้มาหาผมที่นี่มีข้าวกินไม่อดตายมีคนดูแล พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ทุกเรื่อง จอห์นเองก็เคยพูดว่ารักผมเหมือนพ่อ ผมบอกว่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้นไม่ต้องอะไรมากมายแค่เป็นที่พึ่งให้ยามลำบาก และเวลาที่ถูกรังแกก็พอ จอห์นมาอยู่กับผมตั้งแต่มีเสื้อผ้าชุดเดียวแล้วผมจะปล่อยเขากลับไปมีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเหมือนเดิมได้ยังไง”
 
 “ส่วนเรื่องที่บอกว่าทางสมคมตลกไม่ได้มาช่วยเหลือ ผมขอยืนยันตรงนี้ได้เลยว่า ทางสมาคมและตลกทุกๆ คนให้ความช่วยเหลือด้วยดีมาตลอด หลังจากที่โจ้เสียชีวิต ทุกๆ คนต่างก็ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือสมทบทุนกันมากมายจนกระทั่งสามารถหาบ้านให้จอห์นอยู่ได้ บ้านหลังนั้นเราตั้งชื่อไว้ว่า บ้านรวมน้ำใจ เพราะเป็นบ้านที่ทุกคนต่างร่วมใจกันช่วยบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือกันมา ฉะนั้นจะสอนให้เขารำลึกถึงบุญคุณคนที่เขามีน้ำใจทำบุญบริจาคให้อยู่เสมอ”

ยืนยันได้ว่า เขามีบ้าน ส่วนที่บอกว่าต้องไปเช่าห้องอยู่เดือนละ 2,000 นั้น คงไปเช่าห้องอยู่กับเพื่อนๆ หรือเปล่า เพราะจอห์นมันเป็นคนที่จอห์นสมชื่อจะย้ายไปที่โน่นที่นี่ บางครั้งเราก็เป็นห่วงเรื่องการคบเพื่อนไม่รู้ว่ามันไปอยู่กับใครยังไง ส่วนบ้านหลังนั้นเขาให้พี่ชายกับญาติๆ ไปอยู่ดูแลแทน แต่ก็เป็นแค่เหมือนผู้อาศัยอะไรแบบนั้น ส่วนเรื่องเงินผมไม่เคยรู้เรื่องและไม่เคยยุ่ง เมื่อก่อนเคยมีถามๆ เขาบ้าง แต่ก็ไม่อยากที่จะไปจู้จี้จุกจิกกับมันมาก สิ่งที่เราต้องการให้มันทำคือ การใช้เงินให้รู้จักใช้และมีสัมมาคาราวะรู้จักบุญคุณไม่มานั่งงอมือง้อเท้าขอทาน หาทางทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริตด้วยตัวเอง”

 “และเขาก็มาเลือกขายน้ำพริก ฉะนั้น เรื่องที่บอกว่าเขาตกอับ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันมากกว่าการขายน้ำพริกสำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติ ถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งคนอื่นเขาก็ขายกันอย่าง น้ำพริกตาโย่งก็ขายเพียงแต่ว่าที่เป็นเรื่องขึ้นมา เพราะไอ้จอห์นดันมีรูปร่างไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น พอไปนั่งขายอยู่แบบนั้นก็เลยดูน่าสงสารเป็นเรื่องขึ้นมา ถ้าเป็นยายแก่ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักก็คงไม่เป็นแบบนี้”

“อย่างตัวผมเองมีงานแสดงตลก ถ่ายหนัง ถ่ายละคร แต่ทุกวันนี้เวลาที่ผมว่างๆ ผมก็ยังไปนั่งรับจ้างพันลวดทองแดงสายไฟอยู่เลย บางทีก็ขับรถปิกอัพเก่าๆ รับซื้อของเก่า แล้วถ้าไอ้จอห์นไปขายน้ำพริกมันเป็นเรื่องปกติเป็นวิถีการทำมาหากินของคนๆหนึ่ง ใครจะรู้ว่าคนขายน้ำพริกอาจมีรายได้มากกว่าเงินเดือนที่เราได้รับหรืออาจมีเงินฝากเป็นล้านก็ได้”
 

 

กำลังโหลดความคิดเห็น