“แชมป์ พีรพล” ไม่หวั่นผลกระทบร่วมงานศพ “น้องโบว์-สารวัตรจ๊าบ” บอกถ้าคิดเล็กคิดน้อยจะไม่ได้ทำอะไรเลย พร้อมแสดงความศรัทธาที่ทั้งคู่มีความรัก ชาติ กษัตริย์ แม้จะสู้ด้วยมือเปล่า
สร้างความแปลกใจให้กับใครหลายๆ คนไม่น้อยทีเดียวกับการไปปรากฏตัวของดารา-พิธีกรจากช่อง 3 “แชมป์ พีรพล เอื้ออารียกุล” ในงานพระราชทานเพลิงศพของ “สารวัตรจ๊าบ เมธี ชาติมนตรี" ที่วัดโสมนัสฯ เมื่อวันวานที่ผ่านมา (14)
โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า สาเหตุที่มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพครั้งนี้ ก็เพราะรู้สึกชื่นชมและศรัทธาในตัวของสารวัตรจ๊าบ รวมถึง “น้องโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ” ซึ่งเสียชีวิตจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 อย่างโหดเหี้ยม
“ผมเป็นสื่อมวลชน เป็นบุคคลสาธารณะ เป็นผู้ประกาศข่าว ฉะนั้น การที่จะบอกว่าผมอยู่ฝั่งไหนคงไม่สามารถพูดได้ แต่การที่ผมมางานของคุณโบว์ และ สารวัตรจ๊าบ ก็เพราะว่าผมไปในฐานะของคนไทย ไม่ได้ไปในฐานะของดารา หรือผู้ประกาศข่าว หรือคนดัง”
“ทั้งคู่มีความเชื่อความศรัทธาและก็ต่อสู้ด้วยความเชื่อมั่นของตัวเองโดยปราศจาคอาวุธ ผมคิดว่าไม่เฉพาะผมคนเดียวที่เสียใจ คนไทยทั้งประเทศก็เสียใจเช่นกัน ทั้ง คุณโบว์ และ สารวัตรจ๊าบ ก็เป็นคนไทย ผมเสียดายในชีวิตของพวกเขา”
“จึงอยากมาแสดงความเสียใจ มาแสดงความเคารพ ไม่ได้มาในฐานะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ผมมาในฐานะคนไทยคนหนึ่ง”
ไม่กลัวผลกระทบ เพราะเชื่อว่าตนได้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว...“ไม่ครับ ผมไม่กลัว ถ้าผมตอบแบบนี้ คือ ผมก็เป็นกลาง และก่อนที่ผมจะตอบผมก็โทร.ไปถามหลายๆ คนแล้ว แต่ถ้าเกิดสุดท้ายผมไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลยสิ่งที่ผมทำลงไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ผมว่าวินาทีนี้ทุกคนต้องออกมาช่วยกัน ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”
“ผมคิดว่าพี่น้องชาวไทยก็ควรจะรู้เหมือนกันว่าผมคิดอย่างไร ในฐานะที่ผมก็เป็นคนของประชาชน ผมเองก็ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอดเหมือนคนไทยทุกคน ถามว่าผมรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็อยากจะบอกว่า เราต้องย้อนไปดูระบอบประชาธิปไตย ถ้าเกิดว่ามีการเรียกร้องและไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ และจบลงด้วยสันติวิธี ตรงนั้นน่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านการเมืองอย่างหนึ่ง”
“แต่สิ่งที่น่ากลัว ก็คือ การที่หลายๆ ฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน มีการแตกแยก ผมก็หวังเหมือนคนไทยทุกคน คือ ไม่ว่ามันจะมีการพัฒนาไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งคนบางกลุ่มอาจจะชอบ คนบางกลุ่มอาจจะไม่ชอบ แต่สุดท้ายผมอยากจะให้มันจบโดยที่แบบว่า เราเป็นคนไทยก็อยากให้เกิดความสามัคคี และก็ไม่มีเหตุการณ์ที่จะต้องมีการบาดเจ็บล้มตายกันอีก”
“ผมเองก็ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอด ในฐานะที่ผมเองเป็นสื่อมวลชน และเป็นคนที่มีน้องๆ เยาวชนติดตามผลงาน ผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่เราจะต้องแสวงหาความรู้มากกว่าสายบันเทิง หรือ กีฬา ที่เราทำอยู่ ถ้าถามว่าทางออกของการเมืองจะอยู่ที่ตรงไหน แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ซึ่งมันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเห็นตรงกัน”
“แต่ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัวที่ทุกฝ่ายและคนส่วนใหญ่ยอมรับ ก็คือ เป็นไปอย่างสันติวิธี สุดท้ายก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ก็ใช่ว่าทางออกที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นได้เสมอ ผมอยากให้ทุกคนที่ออกมาต่อสู้เพื่อตัวเองและเพื่อชาติถือผลประโยชน์ส่วนรวมหรือของชาติและประชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งมันจะนำไปสู่แนวทางที่ดีกว่าสร้างสรรค์กว่า”
“ในฐานะที่เป็นดารา หรือนักแสดงหลายๆ คนรู้สึกว่าผมจะต้องระมัดระวังตัวมากน้อยแค่ไหน ผมอยากจะบอกว่า สุดท้ายดารา พิธีกร ผู้ประกาศข่าว ก็เป็นประชาชนเหมือนคนอื่น ฉะนั้นผมมองทางการเมืองมันมีหลายมุม ความเป็นจริงจะบอกว่าความวุ่นวายเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการมันก็ถูก แต่ในความเป็นจริงในระบอบประชาธิปไตยการพัฒนาการของแต่ละประเทศย่อมไม่เหมือนกัน”
“ความวุ่นวายอาจเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการ แต่ถ้าความวุ่นวายมันไม่มีความบาดเจ็บล้มตายและการเมืองพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ก็อาจเป็นความต้องการของหลายๆ คนก็ได้ ฉะนั้นการเมืองไม่ใช่ขาวดำ การเมืองมันคือสีเทา การเมืองไม่สามารถที่จะหาความเห็นที่ตรงกันได้ ต่างคนก็ต่างมีมุมของตัวเอง”
“แต่ละคนก็ต้องหาวิธีแก้ไขและพบกันในจุดที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชนโดยสันติวิธี และพยายามหาจุดที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับได้ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป อันนี้คือไอเดียและสิ่งที่เกิดจากหัวใจผม และทำไมผมถึงได้ออกไปร่วมงานศพของคุณโบว์และสารวัตรจ๊าบ”
ไม่ขอออกความเห็นกรณีการแถลงการณ์ของตำรวจที่ยืนยันว่า ไม่มีการใช้ “ระเบิด” ในการสลายม็อบ
“เรื่องระเบิดที่ตำรวจบอกว่าไม่มี ตรงนี้ผมไม่อยากจะออกความเห็น แต่ที่ผมออกมาพูดวันนี้ไม่ใช่ฐานะแชมป์ พีระพล หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ผมไปในฐานะของคนไทยที่เสียใจ คนไทยทั้งประเทศก็คงจะเสียใจที่สองบุคคลที่มีความเชื่อความศรัทธา ที่ต่อสู้ด้วยจิตใจเพื่อประเทศจะต้องมาเสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็คงจะพูดได้แค่นี้ คิดว่าทุกคนก็คงจะเห็นด้วยกับผม”
“ส่วนกระบวนการอย่างอื่นก็คงจะเป็นเรื่องของการสอบสวนไป ผมเองก็ไม่ได้อยู่วงในก็คงจะตอบอะไรไม่ได้ แต่บอกได้อย่างเดียว คือ ทุกคนเสียใจเหมือนกันหมด”
แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมีความเห็นตรงกัน แต่เจ้าตัวก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะจบลงอย่าง “สันติวิธี”
“คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกคนมีความเห็นตรงกัน แต่จุดที่ลงตัวและหัวใจสำคัญคือสังคมส่วนใหญ่ 60-70 ล้านคนเห็นยังไง และสิ่งที่จะทำต่อไปก็คือจะต้องทำอย่างสันติวิธี แต่อย่างที่บอกเราอยู่ในโลกแห่งความจริง ทางออกที่ดีที่สุดอาจจะเป็นได้หรือไม่ได้ก็ไม่ทราบ แต่พี่น้องชาวไทยทุกคนต้องถือประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และมันจะนำไปสู่แนวทางที่ดีกว่า และสร้างสรรค์กว่าสำหรับสังคม”
ไม่หวั่นหากการเปิดตัวในสถานการณ์ตรงนี้จะทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าอยู่ฝั่งพันธมิตรฯ
“ตรงนี้สุดท้ายในชีวิตถ้าเกิดเราคิดเล็กคิดน้อยไปซะหมด เราอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเองมีผู้ใหญ่ที่เคารพและเราก็ทำอะไรอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา แต่ในการที่ผมจะทำอะไรจะไปร่วมงานศพคุณโบว์และสารวัตรจ๊าบก็ไปเพราะเป็นคนไทยคนหนึ่งที่เสียใจ”
“บอกตรงๆ ว่าถ้าผมเป็นบุคคลธรรมดาผมคงพูดอะไรได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมต้องรักษาสถานะความเป็นกลางในฐานะที่เป็นสื่อ มันเป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนจริงๆ แต่การที่ผมเสียใจและไปแสดงความเคารพให้กับคนสองคนที่เขามีความเชื่อเพื่อชาติมันก็เป็นสิ่งที่ควรทำ”
“เราต้องแยกชีวิตจริงกับเรื่องส่วนตัว ผมเองก็อยู่ช่อง 3 ผมก็อ่านข่าวกีฬาบันเทิง แต่นอกจากตรงนั้นไอ้เส้นผ่าตรงกลางที่มันลางเลือนที่ผมรู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของเขา มันก็เป็นสิ่งที่ควรแสดงออก การที่ผมมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ก็เพราะพี่น้องประชาชนชาวไทยเหมือนกัน”
“ฉะนั้น ทุกคน 60 ล้านคนมีความสำคัญกับตัวผมทั้งนั้น และเมื่อมีคนมาเสียชีวิตจากการความเชื่อความศรัทธาและความต่อสู้ปราศจากอาวุธตรงนี้มันคือหัวใจที่ทำให้ผมต้องออกมาแสดงความเสียใจ ผมไม่ได้มาในฐานะ แชมป์ พีรพล ผมไปในฐานะของคนไทยคนหนึ่งครับ”