"จา" เหวอ "เสี่ยเจียง" ไม่รับข้อเสนอลูกรัก 7 ข้อ เผยปล่อยงบฟรียืมมือ "ปรัชญา-พันนา" เร่งถ่ายให้เสร็จเริ่มพรุ่งนี้ (5) ด้านพระเอกนักบู๊เผยรุดพบ "จงรัก จุฑานนท์" เหตุโดนโทรศัพท์ก่อกวน แจงน้อยใจเสี่ยต่อว่าพูดไม่รู้เรื่องจึงตั้งทนายแทน ส่วนเรื่องเงินยกให้ลูกชายเจ้าของค่ายดูแล ผิดหวังอีกฝ่ายไม่ยอมฉีกสัญญาทาส ก่อนถูกตำรวจใหญ่เหน็บ เรื่องนี้พระเอกตายตอนจบ
ยังไม่จบไม่สิ้นสำหรับปัญหาของพระเอกนักบู๊ "จา พนม ยีรัมย์" ที่หายตัวไปร่วม 3 เดือน และใช้งบประมาณในการสร้างหนังเกินจนต้นสังกัดออกมาแถลงข่าวถึงการสร้างหนังที่มีปัญหามากมายของ "จา พนม" ต่อมา "จา" ออกรายการทีวีชี้แจงว่าตนไม่เคยใช้งบประมาณในการสร้างหนังในทางส่วนตัวและโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ ทุกข้อ
ยืนยันที่หายตัวไปเพียงแค่ตั้งสติและล่าสุดทางทนายเข้าพบ "เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" แทนพระเอกนักบู๊ ยื่นข้อเสนอขอเงิน 55 ล้านบาทจากเสี่ยเจียงเพื่อทำหนังต่อไป หลังเชื่อพระทักรายได้หนังเรื่องนี้จะมีรายได้เป็นหมื่นล้านและระบุให้ยกเลิกสัญญาทาส และมีแนวโน้มว่าจะไม่รับข้อเสนอของจา หากไม่เข้ามาเจรจาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามทางทนายเผยว่าในเวลา 14.00 น.วันนี้(4) "จา พนม" จะเดินทางเข้าพบตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทนายเปิดเผยว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจบวชของจา พนม ยันอุตส่าห์ให้เกียรติเข้าพบเสี่ยเจียง แต่กลับไม่ได้รับคำชี้แจงใดๆ
"จาเขาไม่ได้ไปแจ้งความนะ เขาจะไปพบตำรวจชั้นผู้ใหญ่เฉยๆ เขาอยากปรึกษา กับพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ และผู้ใหญ่หลายๆท่าน ตัวเขาเองเขาคิดจะบวชแล้วนะ ไม่รออะไรแล้ว แต่ทางผู้ใหญ่ก็ขอว่าอย่าเพิ่งเลย กลับมาทำหนังให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาอโหสิกรรมกับทุกคนเพราะการบวชทุกฝ่ายต้องยินยอม"
พอถามว่าจา พนม ไม่คิดเข้าพบเสี่ยเจียงแล้วใช่หรือไม่ ทนายบอกที่เข้าไปหาครั้งล่าสุดก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ลั่นพระเอกนักบู๊คิดบวชอย่างเดียวแล้วในตอนนี้
"คือเราก็ให้เกียรติเข้าพบเสี่ยแล้วนะ แต่เขาก็ไม่ชี้แจงหรือไม่ติดต่ออะไรมาเลย วันนี้เขาจะแถลงก็เรื่องของเขา มันไม่ใช่ว่าเขากับจาหาข้อสรุปต่อกันไม่ได้ อย่าเข้าใจไปทางนั้นเลย แต่ความคิดการบวชเนี่ย จาเขาพูดเขาคิดมานานแล้วว่าเขาอยากจะบวช ส่วนเขาจะเอาอย่างไรก็คงอยู่ที่เสี่ยเจียงแล้ว บอกเลยว่าตัวจาพนมเนี่ยอยากบวชอย่างเดียวเลย เขาไม่อยากได้อะไรแล้ว"
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงไปดักรอพบตัวพระเอกนักบู๊ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงเวลา 13.30 น. โดยมี "จา พนม ยีรัมย์" และทนายเดินทางเข้าพบกับ พล.ต.อ.จงรัก และขอพูดคุยเป็นการส่วนตัวก่อนที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดย "จา" เผยถึงสาเหตุที่เข้าพบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หวั่นความไม่ปลอดภัยเมื่อได้รับโทรศัพท์ก่วนกวนตลอดเวลา
"ที่มาเพื่อให้ท่านจงรักเป็นเหมือนตัวกลาง มาปรึกษาเพื่อยุติเรื่องทั้งหมดรวมถึงความปลอดภัยของตัวผมด้วย ส่วนเรื่องมาเฟียและโทรศัพท์ก่อกวนเบอร์แปลกเบอร์นึงไม่รับโทรศัพท์ไม่รู้ด้วยว่าเป็นใครเลยต้องป้องกันตัวไว้ก่อน คือเหตุผลที่ผมหายตัวไปไม่รับข่าวสาร ไม่รับโทรศัพท์"
ส่วนเรื่องที่พระเอกนักบู๊มีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลจัดการเงินในบัญชีให้ เจ้าตัวบอกเป็นเพื่อนและไม่ใช่ผู้ที่ทำให้พระเอกนักบู๊เปลี่ยนไป พร้อมแจงสาเหตุที่ไม่รับสายผู้เป็นพ่อเพราะคุยกันคนละภาษา
"ไม่ใช่ จริงๆ จากแต่ก่อนอยู่กับพี่เขยแต่เปลี่ยนไปอยู่กับทีมผู้จัดการและทนายเป็นเพื่อนกัน ผมไม่มีที่ปรึกษาทางธุรกิจ พ่อแม่ไห้ความปรึกษาไม่ได้ให้ได้แค่ความห่วงและกำลังใจ เรื่องธุรกิจไม่มีใครช่วยได้ก็ต้องพึ่งผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรกับพี่เขย"
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ผมต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมสงสารพ่อแม่เป็นเพราะชื่อเสียงของผมทำให้เกิดผลกระทบเกิดขึ้นเหมือนดาบสองคม เอาไว้เสร็จงานนี้จะกลับไปที่บ้านแต่ตอนที่มีปัญหาตอนที่พ่อไปแจ้งความจริงๆ เป็นเรื่องเข้าใจผิด ได้อธิบายให้พ่อกับแม่ฟังแล้วและเขาได้กลับที่สุรินทร์แล้ว อธิบายไปเท่าไรเหมือนไม่เข้าใจก็เลยขาดการติดต่อไปดีกว่า"
เปรยที่ผ่านมาน้อยใจกับคำพูดของบุคคลที่นับถือเป็นพ่อคนที่สอง รวมถึงเรื่องตัดงบเป็นเหตุให้ตั้งทนายมาเจรจาแทน
"ผมน้อยใจเสี่ยเพราะว่าก่อนหน้าที่จะรับทำองค์บาก 2 เสี่ยเคยสัญญาว่าจะดูแลครอบครัว ดูแลทุกอย่างไม่ให้จากังวลให้ทำหนังให้เต็มที่แต่ ณ วันนี้งบก็โดนตัดผมต้องไปขอเงินเสี่ย พองบหมดก็ต้องดินเข้าไปขอใหม่ ทำให้เกิดปัญหาเป็นความรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ ก็เสียใจที่ไม่ทำตามสัญญา น้อยใจครับ แต่เรื่องทุกเรื่องผมไม่มีหลักฐานเหมือนเสี่ยแต่มีความจริงใจและความศรัทธา ผมไม่อยากยุ่งกับธุรกิจและเวลาเข้าไปคุยกับเสี่ย เสี่ยบอกกูพูดกับมึงไม่รู้เรื่อง เนี่ยเป็นเหตุผลที่ผมตั้งทนายขึ้นมาและให้ไปคุยแทนที่สหฯ"
จากนั้นไม่นาน ทางด้าน "เสี่ยเจียง" ได้เดินทางมาพร้อมลูกชาย "หนึ่ง อัครพล" และทนาย "มนตรี" หลังได้รับการติดต่อจากทนายของพระเอกนักบู๊เพื่อเจรจาหาทางออกโดยมี พล.ต.อ.จงรัก ร่วมเป็นสักขีพยายาน และเรื่องราวจบลงด้วยดีเมื่อพ่อลูกจับมือร่วมสร้างหนังต่อให้จบดีเดย์พรุ่งนี้เริ่มถ่ายทำวันแรก
เสี่ยเจียง : "ดีใจที่ได้เจอเขา จะได้คุยกัน ก็อยากคุยส่วนตัวกับเขา
พล.ต.อ.จงรัก : "หลังจากที่คุยกันจบแล้วพรุ่งนี้จาจะไปถ่ายหนังต่อ จะไปถ่ายทำต่อให้จบ ส่วนเรื่องที่จาห่วงความไม่ปลอดภัยอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด "
เสี่ยเจียง : "ไมได้คิดจะไปทำร้ายอะไร สร้างหนังมาตั้งสามเรื่อง ทางจาอาจจะไม่สบายใจเรื่องมือที่สามอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ตกลงกันได้แล้ว จะต้องให้งานมันเดินหน้าต่อไป คิดว่าไม่น่ามี ปัญหา เอ๊ะ! พระเอกหนังเรื่องนี้พระเอกตายตอนจบหรือเปล่า "
ทั้งนี้บอสใหญ่ค่ายใบโพธิ์เผยได้ฉีกสัญญา 7 ข้อครั้งที่ให้ทางทนาย "จา" นำมาต่อรองเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
"ไม่ใช่สัญญานั้นพับทิ้ง (มือไม้ปัดมือ) ไม่มี ฉีกทิ้งหมด ตอนนี้ใช้งบไม่รู้จะเท่าไหร่ก็ต้องใช้ หนังจะจบแล้ว เราจะปล่อยหนังออกแบบไม่ดีไม่ได้ บริษัทไม่เคยสร้างหนังส่งออกไม่ดี ถ่ายเสร็จเดือนไหนก็แล้วแต่พันนากับจาเขา แต่เอาจาไปถ่ายหนังให้จบ จบหนังเรื่องนี้แล้วเวลาจะคุยอะไรกันต่อก็คุยต่อหน้าคุณจงรัก เข้าใจนะ ไม่มีอะไร พูดต่อหน้าพี่จงรักที่เป็นตำรวจอย่างน้อยก็มีความยุติธรรม"
"ก็ไม่เป็นไร ก็เรียบร้อยก็ถ่ายหนังแล้วค่อยคุยกัน เราอยากให้เรื่องนี้จบไป ยังมีคนนั่งตั้งตารอคอย เมืองนอกก็รอสัญญาอยู่ก็มาทำหนังให้จบ เพราะผมมีปัญหาเสียหายมาก วันนี้มาบอกกันให้เข้าใจจะได้จบไป มีอะไรมาคุยกัน ถ้าจะเอาอะไรมาพูดกันต่อหน้าคุณจงรัก แฟร์ๆ"
ลั่นหลังจากนี้พระเอกนักบู๊มีหน้าที่กำกับและแสดง "องค์บาก 2" ให้เสร็จโดยมี "ปรัชญา" และ "พันนา" ช่วยด้วย ย้ำยังไม่มีข้อตกลงใดนอกเหนือจากนี้ เผยที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าเจรจา
"ใช่ ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้กำกับและการแสดง ไม่ม่ข้อตกลงนอกเหนือจากนี้ ก็เขาไม่อยากจะคุยกูจะคุยอย่างไร ต่อไปถ้าเกิดมีปัญหาต้องมาคุยต่อหน้าคุณจงรัก ให้คุณจงรักช่วย จะมีการคุยกันเหมือนก่อนไหม ก็ไม่แน่ ถ้าเขาไม่สบายใจก็มาคุยกับพี่จงรักทุกอย่าง อย่างน้อยตำรวจไทยก็เชื่อถือได้ สัญญานักแสดงยังอยู่ก็จบแล้วเราก็นั่งคุยกันต่อหน้าคุณจงรัก จะทำเรื่องต่อไปก็ได้ บริษัทก็จ่ายเงินทุกเดือนให้"
"เหมือนเดิม หนังเรื่องนี้ มันตกลงกันมาตั้งแต่แรกแล้ว จาเป็นผู้กำกับร่วมกับพันนาต้องเข้าใจตามนี้ ปรัชญาเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ทั้งปรัชญาทั้งพันนา เขาไม่ค่อยอยากจะช่วยเพราะว่าเกรงใจจา แต่วันนี้กูสั่งแล้วสองคนต้องมาช่วย ปรัชญาต้องเป็นโปรดิวเซอร์ เพราะชื่อปรัชญาเป็นโปรดิวเซอร์ขายที่เมืองนอกได้ ปรัชญามีชื่อที่เมืองนอก พันนามาช่วยคิวบู๊ มีชื่อปรัชญา พันนา จา ปมในสัญญาที่เซ็นไม่ได้มีผมคนเดียวให้เข้าใจให้ถูก"
ด้านพระเอกนักบู๊ "จา พนม" รับรู้สึกสบายใจขึ้น ยันจะเร่งถ่ายทำหนังให้เสร็จ ...."ผมก็กลับไปถ่ายหนัง อีก20เปอร์เซ็นต์ให้จบครับ เดี๋ยวผมคงไปปรึกษาอาจารย์พันนาตอนนี้สบายใจครับ ก็สบายใจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น... ก็สบายใจทุกอย่างทั้งเรื่องการถ่ายหนังด้วย ไปด้วยดีครับ ถามว่าเต็มใจไหม กดดันหรือเปล่า (ก้มหน้าตลอดเวลา) ใช่ครับ ถ่ายเสร็จเมื่อไร ผมยังให้คำตอบไม่ได้ (ก้มหน้าเสียงเบาไม่มองหน้า) โล่งอกขึ้นครับ ใช่ครับ"
ต่อข้อถามเรื่องสัญญาการเป็นนักแสดงที่เจ้าตัวยอมฉีกสัญญาทิ้งนั้น ซึ่งทาง "เสี่ยเจียง" ยืนยันว่ายังมีสัญญาอยู่เช่นเดิม เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้พระเอกนักบู๊ถึงกับเหม่อลอยเพราะไม่เป็นไปตามอย่างที่คิด จนผู้สื่อข่าวต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าทำใจยอมรับที่จะเป็นนักแสดงในสังกัดค่ายใบโพธิ์อยู่เช่นเดิมได้หรือยัง เจ้าตัวปิดปาก..."(เหม่อลอย) จบเรื่องนี้มาคุยกันอีกรอบหนึ่ง"
เสี่ยเจียง : "ไอ้อยู่ในสังกัดมันต้องอยู่ สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา ประเทศไทยมีกฎหมายนะ ระบุในสัญญาติดคุกมาแล้ว สัญญาต้องเป็นสัญญา แต่ว่าจะตกลงกันอย่างไร มาตกลงกันต่อหน้า คุณจงรัก"
ในเรื่องของค่าจ้างนักแสดงที่ยังไม่ได้รวมกับงบประมาณที่ทางบริษัทโอนให้ผู้กำกับนักบู๊ก่อนหน้านี้ "เสี่ยเจียง" ลั่นค่าตอบแทนของนักแสดงในเรื่องจ่ายให้ 1 ส่วน 4 ของกำไรทั้งหมด ส่วนเงินที่เบิกต่อหลังจากนี้ลูกชายเจ้าของค่ายยักษ์รับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบแทน และจะไม่โอนผ่านบัญชีของพระเอกนักบู๊อีกแต่จะให้รับรู้ตัวเลขทั้งหมด
หลังจากที่ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เดินทางไปพบ พล.ต.อ. จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เวลาประมาณ 17.00 น. เสี่ยเจียงได้เดินทางไปพบสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงข้อสรุปเกี่ยวกับหนัง “องค์บาก 2” และ “จา พนม” ที่โรงหนัง เฮาท์ อาร์ซีเอ อีกรอบ เผยอีกครั้งไม่มีการฉีกเซ็นสัญญา ตอกกลับนักแสดงนักบู๊เก่งคนเดียวเป็นไปไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ช่วยปั้นจนดัง บ่นดาราคนอื่นไม่เห็นมีปัญหา
“เมื่อกี้ไปเจอกับจาและทนายจาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณจงรักได้โทรมาหาให้ผมเข้าไปพบ ก็เรียบร้อยดี ตกลงไม่มีอะไร ไอ้จาตกลงจะมาทำหนังให้จบแล้วก็เคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่เขาเรียกร้องมา หนังมันจบแล้วเราก็จะคุยกัน สัญญาเป็นสัญญา ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนนี้โอเคเข้าใจได้ แล้วเราก็ให้อภัยกัน ทำไปถึงให้จบ เรื่องมันจะได้จบ จะได้ไม่มีปัญหา เพื่อไม่ให้สัญญากับต่างประเทศ ไม่สิ้นเดือนนี้ก็ต้นปีหน้าคงเสร็จเดี๋ยว ปรัชญา กับพันนาช่วยกันทำด้วย จาแค่เข้ามาร่วมทำตรงนี้ให้เสร็จ”
“จะให้เขาเข้าไปคุยกับพันนา คิดในใจเมื่อก่อนนี้เขาอย่างนี้ คุณเอามาทำจนดัง คุณคิดว่าไอ้จาคนเดียวทำได้เหรอ เขามีพนักงานกินเงินเดือนจ้างอีก 80 คน ผมต้องสร้างโรงถ่ายที่บาแรมยูให้อยู่ การทำงานต้องมีคนร่วม คนเดียวไม่ได้ ยิ่งสตั้นท์แมนยิ่งต้องช่วย เขาไม่ใช่หม่ำ จ๊กมก ออกมาทำหนังจะได้มีคนหัวเราะ คนเราไม่ได้อยู่ได้คนเดียว เขาเป็นนักแสดงบู๊ เขาเก่งเพราะพันนา เขาเอาท่าเฉินหลงกับเจท ลี มาประยุกต์ให้เป็นมวยไทย เมื่อก่อนไม่เข้าใจ เถียงกับปรัชญาเป็นเดือนกว่าจะเซ็นอนุมัติยอมเรื่ององค์บาก คุณรู้มั้ย องค์บาก 1 งบ 30 กว่าล้าน แต่พอรวมทั้งหมดใช้เงินไป 50-60 ล้าน”
“เงินเดือนเขาเนี่ย เดือนละ 5 หมื่น เขาเบิกค่าใช่จ่ายกับบริษัทไปเป็นเงิน 30 กว่าล้าน ไม่สุขอีกเหรอ เมื่อก่อนเราเสือกเองไปจ่ายค่าบ้านให้เขา จ่ายเงินให้พ่อแม่เขา เรามันไม่ดี เพราะเขาสั่ง ต่อไปไม่เอาแล้ว เอาง่ายๆ ให้เขาเข้ามาเบิกเอง โดยไม่จ่ายใคร นี่คือเราช่วยเขาแล้ว เงินเดือนก็ได้ เงินส่วนตัวอยากให้บริษัทช่วยก็มาคุยได้ ไอ้เดี่ยว ชูพงษ์ เราก็ซื้อรถให้ เราก็ช่วย ทำไมไม่เห็นมีปัญหา เราช่วยเราก็ต้องดูคน นี่ถ้าวันนั้น พันนา เสนอจาให้ผมแล้วผมไม่เอา ปรัชญาเสนอไอ้เดี่ยวแล้วผมเอาวันนี้ไอ้เดี่ยวก็เกิด แต่บุญวาสนาคนจะเกิดว่าไม่ได้ บริษัทไม่ได้ทำอะไรเขา เราพร้อมช่วย เราได้เงินมาเราก็ให้ ถ้าเราไม่ให้แล้วเขาจะอยู่ได้ยังไง เมื่อก่อนไม่เคยคิดเรื่องเอาหนังไปต่างประเทศ ไม่เคยฝัน ไม่เคยคิดว่าต่างประเทศจะชอบ”
ก่อนถามถึงสีหน้าของจา พนม ที่ไม่สู้ดีนัก ขณะแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจฯ เสี่ยเจียงบอกอีกฝ่ายอาจไม่ได้กินยามา ก่อนเผยหากจา พนม กลับมาซื้อหนังของตนเองก็พร้อมขายแต่ต้องมาคุยกัน
“ก็แล้วแต่เขาต้องมาคุย ก็เอาสิเราก็อยากขายสัญญา แต่มันต้องแล้วเหตุผลว่าเขาจะซื้อเท่าไหร่แล้วบริษัทจะให้เท่าไหร่ควรไม่ควรแล้วแต่ ถ้าเหตุผลดีเรายอมไม่มีเงื่อนไข ทุกอย่างทำตามสัญญาเป๊ะ ตั้งราคาไว้ในใจก็ พันล้าน พูดเล่น(ยิ้ม) แต่จบหนังเรื่องนี้แล้วยังอยู่ในสัญญาจาต้องเล่นหนังต่อ แต่ต้องคุยกันต่อหน้าพี่จงรัก”
“ปรัชญา” ลั่นหมดสัมพันธ์พี่น้อง “จา” บอกอีกฝ่ายเปลี่ยนไปต้องมีเบื้องหลังแน่นอน
ด้าน “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” โปรดิวเซอร์ของหนังองค์บาก 2 ออกมาเผยพร้อมเสี่ยเจียงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเผยความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่ “จา พนม” เปลี่ยนไป ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน พร้อมโต้กรณีจาไมไดค่าตัวตอนไปโชว์ต่างประเทศ บอกตามสัญญาก็ไม่มีการจ่ายค่าตัวให้ พร้อมลั่นความสัมพันธ์แบบนพี่น้องจบไปตั้งแต่มีข่าวเกาเหลากันแล้ว
“เรื่องเงินที่ไม่ได้จากการไปโชว์ตัวต่างประเทศ เขาพูดจริงครับ แต่การไปโปรโมทมันเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว มันไม่มีการจ่ายค่าตัวอยู่แล้ว เพราะว่ามันถือเป็นการโปรโมชั่น อย่างเราติดต่อบริษัทต่างประเทศ แต่ละบริษัทเข้าไปเช็คได้ครับว่าจาไปโปรโมทแล้วเขาให้เงินหรือเปล่า อย่าง เจท ลี, เฉินหลง มาโปรโมทหนังที่บ้านเราเราเขาก็ไม่มีค่าตัว เราแค่จ่ายค่าที่พักและเดินทางให้เขาเฉยๆ อันนี้เป็นธรรมเนียมธรรมชาติ เคยแจ้งจาแล้ว แต่จาไม่เข้าใจครับ”
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ คืออาจจะมีคนที่อยู่เบื้องหลังแต่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับจาแบบพี่น้องคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันหมดไปตั้งแต่ที่มีข่าวว่าผมมีเรื่องกับเขา ตอนนี้เราก็จะคุยกันแค่เรื่องงานครับ”
ส่วนจะปั้น “เดี่ยว ชูพงษ์” เทียบ “จา พนม” หรือไม่ผู้กำกับมือทองเผยว่านักแสดงทุกคนมีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว
“นักแสดงทุกคนมีคุณค่าของตัวเองอยู่แล้ว มีเป้าหมายของตัวเอง อย่าง เดี่ยว จริงๆ แล้วเขาก็มีแนวทางที่ต่างจากจา แต่เรายังทำไม่ได้ถึงตรง เท่าจา”
***
สหฯ มึน ! “จา” เชื่อพระทักองค์บากได้เงิน 2 หมื่นล้าน เรียกเงินเพิ่ม 55 ล้าน ด้าน “ทนาย” ขู่ถ้าไม่รับข้อเสนอพระเอกนักบู๊อาจหายตัวอีก
“ปรัชญา” ยัน “จา” โดนอุ้ม สหฯไม่มีเอี่ยว พร้อมเปิดโปง มีคนจ้องหากินกับชื่อเสียงจาเพียบ
ลูกกูอยู่ไหน! “พ่อ” โร่แจ้งความ “จา” โดนอุ้ม เชื่อสาวเกาหลีนิรนามอยู่เบื้องหลัง
“จา” ร่ำไห้แจงโดนสหฯตัดงบ ยันไม่ได้เพี้ยน ลั่นพร้อมเคลียร์ “เสี่ยเจียง”
“นิรุตติ์” แฉ “จา” คลั่งศาสนา ทำตัวเป็นฤๅษีจริง แต่ยันไม่ทิ้งงาน
สหฯ แถลงซัด "จา" ชอบเบี้ยว - ทำงานช้า ถ้าอยากฉีกสัญญาไปเลี้ยงช้างก็ได้ แต่ห้ามไปทำหนังกับคนอื่น
"พันนา" ไม่เชื่อ "จา" ควักเงินส่วนตัวทำหนัง หลังอีกฝ่ายโผล่ให้สัมภาษณ์
“ปรัชญา” แฉ “จา” ผลาญเงินทำหนังเกินไปกว่า 100 ล้าน แต่ไม่ตอบ อีกฝ่ายเอาเข้ากระเป๋าหรือเปล่า?
"จา พนม" หายตัว "ตั๊ก" เผยสบายดีแค่เข้าป่าบำเพ็ญจิต