xs
xsm
sm
md
lg

สหฯ แถลงซัด "จา" ชอบเบี้ยว - ทำงานช้า ถ้าอยากฉีกสัญญาไปเลี้ยงช้างก็ได้ แต่ห้ามไปทำหนังกับคนอื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เสี่ยเจียง” เคลียร์แล้ว ยันรัก “จา พนม” เหมือนลูก บอกให้อภัยเสมอ พร้อมฉีกสัญญาหากจะกลับไปเลี้ยงช้าง แต่ห้ามทำหนังกับค่ายอื่น ด้านลูกชายเสี่ยเจียง ยันไม่เคยหั่นงบจนหนังล่าช้า แจงเหตุเพราะพระเอกนักบู๊หายตัวและไม่มีการเตรียมงานล่วงหน้า ด้าน “ปรัชญา-พันนา” ประสานเสียงไม่เคยยี้ “จา” แต่ยอมรับการไร้ประสบการณ์ของอีกฝ่ายทำให้เกิดปัญหาเพียบ

เป็นเรื่องเป็นราวตามหาตัว “จา พนม” อยู่หลายเดือน ในที่สุดก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์หัวสียักษ์ใหญ่ ว่าตนไม่ได้หายไปไหน และไม่ได้โกงเงินบริษัท แต่สาเหตุที่ทำหนังล่าช้า เพราะโดนตัดงบ ร้อนจนถึง บังเหียนใหญ่อย่าง “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” ต้องออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนหลังการเปิดเผยตัวครั้งแรกของจา พนม หลังหายตัวนาน 3 เดือน

โดยวันนี้ (25ก.ค.) ช่วงค่ำ “เสี่ยเจียง” นำทีมปรัชญา ปิ่นแก้ว ,พันนา ฤทธิไกร โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่ององค์บาก2 ร่วมด้วยลูกชายเสี่ยเจียง “หนึ่ง อัครพล” ผู้ดูแลการเงินและบัญชีของสหมงคลฟิล์ม เปิดโต๊ะแถลงข่าว ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายแขนง ณ โรงหนังเฮ้าส์ อาร์ซีเอ

โดยสองโปรดิวเซอร์เริ่มเปิดใจก่อน ต่อกรณีดังกล่าวยืนยันว่า “จา พนม” อาจมีปัญหาและความกดดันในความใหม่ของการทำงานหนัง ไร้ประสบการณ์ อีกทั้งหยุดกองถ่ายหลายครั้งจนเกิดความเสียหาย

ปรัชญา : "หลังจากเสร็จต้มยำกุ้ง จา พนมเขาก็อยากทำงานในลักษณะที่เป็นตัวของตัวเอง และอิสระทางความคิดก็เลยคิดจะทำองค์บาก 2 เราก็เลยมีการเปิดบริษัทไอยราฟิล์ม โดยที่มีผมกับพันนาเป็นโปรดิวเซอร์ด้วยกัน และทำหน้าที่ปรึกษามาโดยตลอด"

พันนา : "จริงๆ รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ เพียงแต่ว่าผมได้รับหน้าที่ให้อยู่ไกลกองถ่ายมากและเข้าร่วมประชุมงานใหญ่กับจา ซึ่งปัญหาใหญ่ของจาเท่าที่ทำงานมาร่วมกัน คือจายังใหม่มาก ปกติเขาเป็นพระเอกมาก็อาจจะต่อย เตะ บู๊ แต่ในหนังเรื่องนี้เขาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและเป็นผู้บริหารบริษัทไอยราด้วย ปัญหาเลยเกิดเยอะมาก ประสบการณ์ก็ยังไม่มี แล้วก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง พอสะสมขึ้นเรื่อยๆ มันจะเกิดความเครียดผมรู้สึกอย่างนั้น เวลาคุยกันเขาก็คุยว่าทำไมฉากนี้มันเยอะเกินไป ตัดซีน ลดซีนออกมั้ย พอพูดเรื่องบริษัท ทำไมอันนี้เข้ามา อันนี้หายไปอยู่ตรงไหน ซึ่งจาไม่มีประสบการณ์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับจา"

สองโปรดิวเซอร์ และผู้ปลุกปั้น “ปรัชญา” และ “พันนา” ยันไม่เคยยี้ “จา” หากกลับมาทำหนังก็พร้อม แต่หากยังไม่กลับมาก็ต้องเดินหน้าถ่ายต่อทันที

ปรัชญา : “ผมคิดว่าถึงคราวที่ต้องแก้ปัญหาแล้ว วิธีการแก้ปัญหาเราก็วางการทำงานว่าถ้าจาไม่กลับมาเราก็ต้องทำอีกอย่าง ถ้าจากลับมาเราอาจต้องเป็นอีกแบบเพราะผมต้องพร้อมเดินเลยนะ ถ้าเดินแล้วกลับไปกลับมามันเสียหายยิ่งกว่านั้น แล้วอีกอย่างการที่จาเป็นแบบนี้ไม่ใช่แค่เพิ่งเป็น เป็นหลายครั้งแล้ว แล้วก็ในวูบหนึ่งไม่แน่ใจว่าเขาจะกำกับต่อได้หรือไม่ เราก็เลยคิดว่าในฐานะโปรดิวเซอร์เราขอยึดงานทำให้จบเลยดีกว่า แต่ถ้าเกิดว่าเขาจะกลับมาทำให้จบก็โอเคครับ"

พันนา :"เราเตรียมงานในกรณีจาไม่กลับมาเพราะหนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำนานมากและเกิดปัญหามากทั้งในตัวงานและตัวจาเองที่มีปัญหา ถ้าเราเตรียมงานเผื่อจาจะไม่กลับมาเพื่อจะถ่ายหนังให้เสร็จ แล้วก็อีกหนึ่งเตรียมเพื่อจากลับมาแล้วก็หายไปอีกต้องป้องกันไว้ ผมมีความคิดอย่างหนึ่งคิดว่าก่อนที่จะทำหนังองค์บากกับจา เราไม่เห็นปัญหาอะไรเลย เรามุ่งที่งานตอนนี้ผมอยากให้จาคิดแบบนั้น มองที่งานคือมันเป็นชีวิตของเราเรื่องอื่นค่อยว่ากันครับ"

"ผมอยากให้จากลับมาทำเรื่ององค์บากให้จบครับ ผมรู้ว่าเขารักหนังเรื่องนี้มาก ในเรื่องรายละเอียดของหนังมันมีความดึงดูดมาก เรื่องอื่นผมว่าเอาไว้ทีหลังเอาเรื่องงานก่อน เพราะมันหมายถึงตัวจาด้วยครับ"

ก่อนจะชี้แจงกรณีตัวเลขเงินงบประมาณที่เข้าใจไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งยืนยันว่าพระเอกนักบู๊ได้ใช้จ่ายในการถ่ายทำงบประมาณเรื่องนี้หมดไปแล้ว ฝ่ายลูกชายเสี่ยเจียงยันตอนนี้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 200 ล้านบาทไปแล้วไม่ใช่ 117ล้านตามที่ “จา พนม” ให้สัมภาษณ์

ปรัชญา : "ที่จาบอกเงิน 117 ล้านบาท ผมไม่รู้ว่าจาทำไมเข้าใจแบบนั้น ผมคิดว่าจาอาจจะเข้าใจผิด เวลาเราทำงานตัวเลขมันจะมี สองประเภทคือเงินสดที่ต้องใช้หน้ากองสดๆ คือเงินค่าจ้างนักแสดง ตัวประกอบต่างๆ กับตัวเลขหนึ่งเป็นเครดิต เป็นพวกค่าเช่ากล้อง ค่าเช่าไฟ ค่าฟิล์มหรือสตูดิโอ ซึ่งตัวเลขที่โชว์ในกองนั้นจาอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเลขของงบสร้างทั้งหมด แต่จริงๆ แล้วไม่มีทางเป็นได้ ไม่น่าจะเข้าใจผิดได้ถึงขนาดนั้นเพราะเราต้องรู้งบทั้งหมด ต้องรู้ว่าหมดไปกับอะไรบ้างเราต้องรู้ แล้วก็จะมีทางด้านคุณหนึ่ง ฝ่ายบัญชีไปควบคุมเงินทั้งหมด ซึ่งตอนแรกเขาเป็นคนบริหารเงินเอง ก็คือเงินทั้งหมดที่เป็นงบของหนังเรื่องนี้ได้จ่ายไปหมดแล้ว"

หนึ่ง : "ตอนนี้ทางสหมงคลฟิล์มเราจ่ายเงินทั้งหมดตกราวๆ 210-220 ล้านนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกส่วนที่ยังต้องจ่ายเพิ่มเติมจากที่ยังถ่ายไม่เสร็จ ส่วนที่ทางคุณจาเขาแจ้งมาว่าเขาได้รับเงิน 117 ล้าน ผมไม่เข้าใจว่าเขาเห็นงบในส่วนไหน แต่เท่าที่มองดูจะเป็นงบส่วนของหน้ากองเท่านั้นครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่ได้พูดถึงเลย"


ด้าน “หนึ่ง อัครพล” โต้กรณี “จา พนม” บอกว่างานล่าช้า เพราะโดนตัดงบตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ลูกชายเสี่ยเจียงเผยอีกฝ่ายหายตัวตลอด และสาเหตุที่ล่าช้าเพราะการบริหารงานในกองมากกว่า

หนึ่ง : "ปกติผมจะเอาเงินจากคุณพ่อแล้วโอนเข้าบัญชีคุณจา แล้วเป็นเช็คออกมาจากบัญชีครับจะเป็นลักษณะนี้ อันนี้จ่ายเป็นเงินสด เฉพาะเงินหน้ากองนะครับ"

"เรื่องช้าไม่มีนะครับ จริงๆ เป็นเรื่องของการเตรียมงานต่างหาก เงินจะต้องผ่านเข้ามาทางผมก่อน ผมก็จะทราบอยู่แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง ส่วนใหญ่เวลาเราออกกองเงินไม่พอจะขอเพิ่มจากที่ตกลงกันไว้จะมีการพูดคุยกันต่อลองกันตรงนั้นเลย ถ้าโอเคให้ฝ่ายบัญชีก็จะจ่ายมา หมายถึงถ้าขอมาเยอะเราก็ต้องต่อรองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว"

"ตัวจาเขาหายตัวไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนะครับ ตามหลักปกติเราทำงานเราควรจะคุยกันต่อหน้าทางบริษัทไอยรามันเป็นส่วนของคุณจาที่ต้องดูแล เพราะฉะนั้นการที่เขาหายตัวไปแล้วผมจะติดต่อได้ยังไงในเรื่องของการจ่ายเงิน ผมเลยต้องชะลอไว้ก่อน"

พันนา : "เดือน มิ.ย. จาหายตัวไปช่วงหนึ่ง แล้วก็ต่างฝ่ายต่างติดต่อไม่ได้ ผมก็ขึ้นไปคุยกับจาที่เขาใหญ่ เขาไปสงบจิตที่เขาใหญ่ ก็ไปคุยกันแล้วเรียกมาคุยกับเสี่ย สรุปว่าให้มาถ่ายต่อ 11 มิ.ย.ถ่ายวันเดียวครับ วันต่อมาก็หายไป ซึ่งก่อนหน้าเดือน ก.ค.รู้สึกว่าจะถ่ายที่เขาใหญ่เขาก็สั่งงด ทีมงานเตรียมจะถ่ายแล้ว แต่จาไม่พร้อมก็หยุดถ่ายไป แล้วก็เรียกเข้ามาคุยกับเสี่ย 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายคือเดือนก.ค.ก็มาคุยกัน แต่สุดท้ายก็ถ่ายต่อแล้วเขาก็หายไปอีกคราวนี้ติดต่อไม่ได้เลยครับ คือเตรียมกองจะถ่ายแล้ว ที่จริงถ่ายครั้งสุดท้ายจริงๆ 29 เม.ย. ที่ระยอง ปกติแล้วผู้กำกับจะต้องไปเตรียมงานด้วย วึ่งลักษณะการทำงานทีมจะเล่าว่าจาไม่ค่อยไปเตรียมการทำงานเท่าไหร่ มาถ่ายเลย แล้วพอถึงวันที่จะต้องถ่ายจาก็บอกไม่พร้อม”

“ ซึ่งทีมงานไปเตรียมตัวแล้วที่เขาใหญ่แล้วคุณจาก็หายไป นั่นเป็นครั้งแรกที่หาย จนมาถ่ายอีกทีวันที่ 11 มิ.ย. ที่บอก เขาก็บอกว่าไม่พร้อมอีกแล้วก็หายไปเลย ก็สรุปว่า ถ่ายวันที่ 29 เม.ย. แล้วถ่ายอีกทีวันที่ 11 มิ.ย. แค่นั้นแล้วก็หายไปเลย แต่คุณจาไปบอกทางไทยรัฐว่าถ่ายวันที่ 11-12 ก.ค.ไม่ไทยรัฐฟังผิดก็จาพูดผิด"

ด้าน “เสี่ยเจียง” ยันพระเอกนักบู๊ขอเงินเท่าไหร่ไม่เคยว่า แต่อาจมีการเข้าใจผิดเรื่องเงินในการถ่ายทำ ซึ่งจา พนม ไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ส่วนกรณีจา พนม ให้สัมภาษณ์ว่าเอาเงินทุนส่วนตัวสร้างหนังจนต้องโดนยึดบ้านนั้น เสี่ยเจียงโต้ไม่รู้เอาเงินส่วนไหนมา แต่ตนมากกว่าที่กู้ธนาคารมา 150 ล้าน เพื่อหนังเรื่องนี้

เสี่ยเจียง :"จะได้หายข้องใจสักที เรื่องเงินหนังเรื่องนี้ครั้งแรกสุดขอเงินผมถ่ายทำ 198 ล้าน ผมโอเคเซ็นให้ต่อมาถ่ายทำไปสักตอนนั้นผมไม่สบายอยู่โรงพยาบาลก็มาของบเพิ่ม ผมก็ให้ไปอีกเป็น 200 กว่าล้าน แล้วก็ก่อนจะมีเรื่องครั้งนี้ก็มาขอเพิ่มเป็น 210 ล้าน เท่าไหร่ไม่รู้ แต่เท่าไหร่ผมก็ยอม เพราะเราจ่ายเงินไปแล้ว ไม่เคยทำหนังไม่จบ ถ้าบริษัทสร้างหนังออกมาเรื่องไหนถ้าคุณภาพไม่ดีเราจะส่งให้แก้ใหม่ ต้องทำให้ดี เราไม่อยากทำหนังไม่ดีให้ฝรั่งดู พอฝรั่งเขาซื้อไปแต่เราไม่สามารถทำตามสัญญาได้ เราก็คืนเงินเขาไป ถ้าเราไม่คืนเขาเราก็เสียภาพพจน์ของบริษัท”

“ ความจริงหนังเรื่องนี้สร้างมา 3 ปีแล้ว ทุกคนต้องเข้าใจ ตั้งแต่ก่อนผมไม่สบาย นี่ผมอยู่โรงพยาบาลมา 2 ปีแล้ว อย่าพูดถึงงบประมาณเลย หนังเรื่องนี้เท่าไหร่ก็เสียแล้ว เงินถ่ายก็ให้ไปแล้ว 200 กว่าล้าน จาเขาไม่เข้าใจ เขาไม่เคยทำหนังนี่เป็นครั้งแรก เขาไม่รู้ว่าไอ้เงินที่เอาไป 117 ล้านมันเป็นหน้ากอง เครดิตที่ทางบริษัทยึดไว้ ผมจะอธิบายให้ฟังว่ามันต้องใช้ค่าไฟ ค่าซีจี ค่าโปรดักชั่นพวกนี้มันเป็นเงินร้อยกว่าล้านแล้ว ซึ่งจาเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยทำหนัง เขาไม่รู้ว่าส่วนนี้เกิดจากอะไร แต่เรามีหลักฐานทุกอย่างการจะจ้างคนโน่นทำคนนี้ทำ ซึ่งจริงๆ เขาก็บังคับผมให้ไปทำกับคนนั้นคนนี้ที่เขาพอใจ"

"ผมไม่รู้นะว่าเขาจะเอาเงินที่ไหนออกไป รู้แต่ว่าที่กองไม่อยากให้หยุด งานถ่ายหนังมีให้ทำทุกวัน บริษัทถ้าไม่ได้จ่ายเงินไปนะ แสดงว่าไอ้ฝ่ายบัญชีโกง ผมไม่ได้ถือเงินเลย เขาเป็นคนจ่ายเงินตามบัญชี ทุกสตางค์ที่ออกไปมันจะเข้าบัญชีไอ้จา บัญชีพ่อเขา บัญชีส่วนตัว เขาซื้ออะไรทุกอย่างมีหลักฐานหมด เราให้เขาสบายใจเราไม่มีปัญหาอะไร ส่วนนี้เป็นการเข้าใจผิดของเขา”

“ ผมยังพูดกับพันนาเลยว่าถ้าเขาพูดแบบนี้แปลว่าเกิดการเข้าใจผิดในกองถ่าย ไม่เป็นไร พันนาเราลงมือถ่ายหนัง ติดต่อเขา ให้เขามา ให้กองบัญชีเตรียมเงินให้เขา เขาเดิน จะไม่มีเงินถ่ายได้ยังไง หนังถ่ายขนาดนี้แล้ว เฉพาะหนังเรื่องนี้นะผมไปกู้แบงค์นครหลวงต่างหาก เฉพาะองค์บาก 150 ล้าน ไม่เชื่อไปถามที่แบงค์ได้ เราพร้อมอีกอย่างหนังเสร็จแล้วเราต้องดูถ้าไม่ดีก็ต้องถ่ายซ่อม"

“เสี่ยเจียง” เผยการหายตัวไปของจา และการเป็นผู้กำกับครั้งแรก ทำบริษัทเสียหายมาก แต่ไม่เคยคิดฟ้องร้อง ลั่นรัก “จา” เหมือนลูก แต่การทำหนังก็ต้องดำเนินต่อไป สั่ง “ปรัชญา” ลุยถ่ายต่อจันทร์นี้ทันที และให้ติดต่อ “จา” มาทำให้จบ ให้สมกับที่เอ่ยว่ารักหนังเรื่องนี้

เสี่ยเจียง :"มันเสียหายเยอะ แต่ไม่อยากพูด ผมจะไปฟ้องไอ้จาก็เปล่าประโยชน์ คนอยู่ด้วยกันมา รักมันจะตายห่า แล้วผมจะฟ้องมันทำไมก็แล้วแต่มันอยากทำก็ทำต่อแค่นั้นเราก็ให้ใจคุณตลอดเวลา เราอยากให้เขาทำให้เสร็จสิ้นมันเหลืออีกนิดเดียวซึ่งแล้วแต่เขาจะคิดอยากมาทำเราก็อยากให้เขาทำให้เสร็จ เขาบอกรักหนังเรื่องนี้มาก ผมขอให้จริงเถอะมาทำให้จบ แล้วความเสียหายผมไม่อยากพูดถึง ทั้งอเมริกาทั้งญี่ปุ่นสัญญาถูกยกเลิกมันก็เกิดจากการทำหนังล่าช้า ความจริงต้องฉายไปแล้ว เขาซื้อเราตั้งแต่เราถ่ายทำเขาซื้อไป เมื่อมันเกิดความผิดพลาดตรงนี้เราก็ต้องคืนเงินเขาไป ไม่งั้นบริษัทเราต้องเสียชื่อ ผมไม่อยากให้ประเทศไทยเสียชื่อผมคืนเขาไปเลย ผมเป็นคนนำภาพหนังไทยไปสู่อินเตอร์ผมไม่อยากให้เสียชื่อ"

"ผมสั่งพันนา ให้ทุกคนเป็นพยานวันจันทร์นี้ให้ถ่ายเลย เงินทองทุกอย่างพร้อม ไม่ให้เสีย ผมพร้อมทุกอย่าง ถ้าเขาอยู่พันนาโทรเรียกเขาทีให้มาถ่ายหนังหน่อย"

ต่อคำถามที่ว่าที่ผ่านมา “เสี่ยเจียง” ดูแล “จา พนม” ดีมากน้อยแค่ไหน เสี่ยเอ่ยสั้นๆว่า...”มันเป็นลูกชายกู” บอกแก้วที่ร้าวไปแล้วก็สามารถต่อติด กลับมาคุยกันได้ เพราะตนให้อภัยคนเสมอ ก่อนเผยพระเอกนักบู๊ไม่มีสิทธิ์ทำหนังกับค่ายอื่นเนื่องจากมีสัญญากับสหฯถึง 10ปี แต่ถ้าจะไม่เล่นหนัง แล้วกลับไปเลี้ยงช้างตนตามที่เคยขอก็ยินดี

“ผมเป็นคนให้อภัยคน สบายเรากันเองคุยกันได้ ส่วนกระแสจะออกจากสหฯเป็นไปไม่ได้ เขาเซ็นสัญญากับเรา 10 ปี ทั้งจา จีจ้า (ญานิน) เดี่ยว (ชูพงษ์) เซ็นสัญญาพร้อมกัน คนอื่นไม่มีปัญหา ถ้าเขาบอกผมว่าจบหนังเรื่องนี้เขาจะไปบวชไปเลี้ยงช้างกับพ่อ ผมบอกดี ถ้าไปทำแบบนั้นไปเถอะผมจะส่งเงินไปให้ทุกเดือน ไม่ต้องเล่นหนังไม่ว่า แต่ถ้าจาจะไปสร้างหนังกับคนอื่นไม่ได้ อันนี้บริษัทเสียหาย มันเสียที่เรา"

***
“ปรัชญา” แฉ “จา” ผลาญเงินทำหนังเกินไปกว่า 100 ล้าน แต่ไม่ตอบ อีกฝ่ายเอาเข้ากระเป๋าหรือเปล่า?

"จา พนม" หายตัว "ตั๊ก" เผยสบายดีแค่เข้าป่าบำเพ็ญจิต


เสี่ยเจียง ชี้แจงกรณี จา พนม ลูกรักหายตัวจากกอง


จา พนม
กำลังโหลดความคิดเห็น