วุ่นไม่จบ ทนายแฉ "จา" บอกอยากเลิกสัญญาทาส โต้ข่าวไม่ได้บ้า โดนมอมยา และไม่มีมาเฟียสาวเกาหลีแน่นอน อ้าง "จา" อยู่นครปฐมแต่โผล่ที่ตึกแกรมมี่ ส่วนกรณีจามีนิมิตรว่าหนังได้ 2 หมื่นล้านนั้น และขอเรียกเงินเพิ่ม 55 ล้านบาทนั้น เลขาเสี่ยเจียงเหน็บหนังยังถ่ายไม่เสร็จอย่าเพิ่งฝัน ลั่น "เสี่ยเจียง" พร้อมเซ็นจ่ายทันทีครึ่งหนึ่งของรายได้หนังหากขายได้จริง ด้านพ่อยันไม่ได้โดนสหฯกดดันแต่มาเพราะอยากเจอลูก
ซัดกันเละเลยทีเดียวกรณีพิพาทระหว่าง "จา พนม ยีรัมย์" กับ "ค่ายสหมงคลฟิล์ม" โดยในวันนี้มีกระแสข่าวว่า จาจะเข้าไปเจรจากับ "เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" ที่บริษัทสหมงคลฟิล์ม ตึกไอบีเอ็ม ย่านสะพานควาย แต่แล้วจากลับส่งทนายความไปยื่นข้อเสนอแทน ทางด้านเสี่ยเจียงจึงไม่ให้เข้าพบ และจะรับข้อเสนอต่อเมื่อ จา เข้ามาพูดคุยด้วยตนเองเท่านั้น
โดยในวันนี้(31/ก.ค/51) ได้มีการเปิดแถลงข่าวระหว่างฝ่ายของสหฯประกอบไปด้วย จารุ หร่ำเดช เลขาส่วนตัวเสี่ยเจียง ,หนึ่ง อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ลูกชายเสี่ยเจียง และมีทนายของเสี่ยเจียงมาด้วย และฝ่ายของจา พนม ส่งทนาย “จารุพล ธีระเดช” มายืนข้อเสนอแทนจา นอกจากนั้นแล้ว "นายทองดี - นางรินทร์ ยีรัมย์" พ่อและแม่พร้อมกับครอบครัวจาพนมก็ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วยเช่นกัน
โดยเบื้องต้นผู้สื่อข่าวรายงาน เสี่ยเจียงจะขอเจรจากับจา พนม เท่านั้นโดยไม่ผ่านบุคคลที่สาม และยังไม่พิจารณาข้อเสนอที่จา พนม ร่างผ่านทนาย ส่วนฝ่ายนายจารุพล ทนายของจาก็แจ้งว่าสาเหตุที่จาไม่อยากมาแถลงข่าวในวันนี้เพราะไม่อยากอยู่ในสภาวะกดดัน ที่ทางต้นสังกัดอย่างสหมงคลฟิล์ม เอาพ่อแม่ตนมาเป็นตัวต่อรอง โดยยืนยันว่าจาพนมไปเยี่ยมญาติที่นครปฐม แต่จาดันไปโผล่ที่ตึกแกรมมี่พร้อมชายอีกคนหนึ่ง โดยทนายความของ จา พนมเริ่มเปิดศึกจวกกันยับทีเดียว
ทนายจา พนม : “จาไปนครปฐม ไปหาญาติผู้ใหญ่ครับคงกลับวันนี้ วันนี้คุณจาคงไม่ได้เข้ามาที่นี่ ผมได้เรียนคุณมนตรี(ทนายเสี่ยเจียง)ไปแล้วว่าวันนี้จาไม่เข้ามาที่นี่ แล้วผมก็ได้บอกทางหนังสือพิมพ์ ทางนักข่าวที่โทรมาถามผมแล้วว่าจาไม่ได้มา”
จารุ :“ตอนนี้เสี่ยก็รออยู่ เสี่ยก็ดีใจที่จาจะมา ก็เดี๋ยวจะได้มาคุยกับพ่อแม่ก็มาแล้วก็พี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนจะได้มาคุยกันทีเดียวเพราะเป็นเรื่องครอบครัวมีอะไรก็มาคุยกัน คือถ้าจา พนม มาผมจะสามารถเรียนเชิญเสี่ยมาได้ทันที แต่ถ้าคุณจาไม่มาอะไรที่เราพอจะรับฟังหรือคุยได้เพื่อให้เรื่องนี้ไปได้ด้วยดีก็เชิญครับ”
ทนายจารุพล เผยรู้จักจาตอนที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อ 2-3 เดือนก่อน เพราะเพื่อนแนะนำให้รู้จัก บอกจา พนมเข้ามาปรึกษาเรื่องสัญญานักแสดงกับทางสหฯ แต่ฝ่ายเลขาเสี่ยเจียงยันเรื่องราวมีปัญหาเพราะเริ่มมีทนายเข้ามายุ่งเกี่ยว
ทนาย จาพนม : “ต้องเรียนก่อนว่าผมเข้ามาได้อย่างไร คือที่ผมเข้ามาเนี่ยเนื่องจากเพื่อนผมคนหนึ่งรู้จักกับจา นานพอสมควรเขาพบกันที่วัดพระธาตุพนมก็เลยไปทำบุญ นั่งสมาธิด้วยกัน 2-3 เดือนที่ผ่านมารู้สึกว่าจาไม่ค่อยสบายใจก็คุยกับเขา เขามีปัญหาพอมาประมาณสัก 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาก็พามาหาผม มีเรื่องอย่างนี้ ไม่สบายใจ จะสร้างหนังต่อ งบก็ไม่มี ค่าใช้จ่ายทางบ้านก็ดีส่วนตัวก็ดีไม่มี เขาอึดอัดมาก อยู่ๆ ก็ทางบ้านโทรไปบอกมีโนติสต์ไปจากทางสหมงคลฟิล์มโดยทนายมนตรีเป็นผู้รับมอบอำนาจว่ามีความเสียหายให้กลับมาทำตามข้อตกลงเนื่องจากวันนี้ประมาณการค่าเสียหายได้ 200 ล้านแล้วให้กลับมาทำให้จบภายใน 3 วันนับตั้งแต่ได้รับหรือว่าได้รับจดหมายฉบับนี้ เขาก็เลยมาหาผมในเรื่องสัญญาที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2546 สัญญานักแสดง เป็นเรื่องกติกานักแสดง ซึ่งผมคงไม่เปิดเผยรายละเอียดนะครับ”
“แล้วก็มาในเรื่ององค์บาก 2 ที่เกิดเรื่องและเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ทางสหมงคลฟิล์มบอกว่าจะเป็นอย่างไรเอาไว้เจอจาแล้วถามจานะครับ ไม่มีงบแล้ว ไม่มีเงินให้สร้างต่อ จาก็เครียดก็หายไปหลายวันเราก็ติดต่อไม่ได้ ไปนั่งสมาธิอย่างที่เขาบอก แล้วพอออกมาหาผมประมาณ 2 วันก่อนที่ผมจะพาเขาไปที่ช่อง 9 ก็อย่างความเป็นจริงที่เขาเล่ากับที่แถลงให้สื่อฟังตั้งแต่ไปที่ช่อง 9 นะครับเป็นอย่างนั้น แล้วที่มาวันนี้จริงๆ จาก็อยากมาพบเสี่ยเหมือนกัน แล้วก็อยากจะทำหนังเรื่องนี้ให้จบในใจจริง แต่เขามีหลายๆ เรื่องในใจว่าวันนี้ครอบครัวมีปัญหา คุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้องเขามากันหมด ซึ่งจริงๆ เขาอยากให้กลับไปก่อน วันนี้เขารู้ครับ เขาอยากมานะ แต่เขารู้ว่าครอบครัวมาเขาไม่อยากให้มีความกดดันแล้วเกิดปัญหา เขาเลยบอกว่าผมขอโทษที่ผมมาไม่ได้”
“เขาคิดว่าทำไมต้องไปนำครอบครัวเขามากดดันอยู่ตรงนี้ เขาเลยไม่มา”
จารุ :“ผมขอสรุปนิดนึง เดิมเมื่อเขาบอกสัญญาตั้งแต่ 2546 ทุกอย่างก็เรียบร้อยด้วยดีเสมอมาองค์บาก1 ต้มยำกุ้งก็เรียบร้อยดีเสมอมา แล้วเรื่องหนังที่ถ่ายเลยถ่ายเกินเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แต่เป็นเรื่องที่คุยกันได้ แต่ปัจจุบันนี้องค์บาก 2 บางประเทศคืนสัญญาเสียหายเงินไปพอสมควร เราก็บอกไปให้รีบทำมีปัญหาอะไรมาคุยกันเพื่อจะได้คุยกัน สรุปประเด็นก็คือว่าเราครอบครัวอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยไปตลาดโลกเราคุยกันได้ด้วยดีตลอดมา ตั้งแต่มีทนายขึ้นมามันเลยดูแปลกๆ และเปลี่ยนไปหลายคนบอกจาหายไปไหน จึงอยากจะบอกว่าตั้งแต่มีคุณ(ทนายจา)เข้ามามันเลยยุ่ง วันนี้ทันทีที่จามาเสี่ยก็พร้อม เสี่ยรักจาเหมือนลูกชายไปไหนไปด้วยกัน รักจาเหมือนลูกชายตลอด หนังเรื่องนี้คุณมาทีหลังฟังผมก่อน ฉะนั้นก็คือว่าปาร์ตี้เดิมก็คือ คุณจา ปรัชญา พันนา เสี่ยเจียง”
“คุณพ่อจาทราบใช่มั้ยครับ ด้วยความรักก็ให้จากำกับไป พันนากำกับไป ปรัชญาช่วยกันไป แล้วด้วยความรักจากำกับไปเรื่องนี้ เงินทั้งหมดจะใช้ไปเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ประเด็นก็คือว่าตั้งงบกันไว้ประมาณ 200 ล้านอย่าเกินนะเดี๋ยวขาดทุน ข้อตกลงก็คือ จา พันนา กำกับ ปรัชญา โปรดิวเซอร์นี่คือข้อตกลงองค์บาก 2 ต่อมามีเรื่องก็เกิดว่าปรัชญากำกับ แต่จริงๆ แล้วคนที่กำกับคือ พันนา ฤทธิ์ไกร เพื่อจาจะได้เกิดออกสู่ตลาดโลกเป็นฑูตวัฒนธรรมก็ว่าไปก็เกิดโปรดิวซ์ขึ้นมา คุณยังไม่มา แล้วคุณพ่อก็เจอกับเสี่ยกินข้าวด้วยกัน เราก็ช่วยกันเจรจาเป็นสมบัติของเราทุกคน สหมงคลฟิล์มก็เป็นสมบัติของคนไทยทุกคนที่นำหนังไทยไปตลาดโลก แต่เรางงตั้งแต่มีคุณเข้ามามันยุ่งไปหมดเลยเนี่ย แล้วคุณต้องการอะไร”
“เสี่ยเจียงก็พร้อมจะคุย หนัง ประเด็นก็คือว่าเพราะว่าเราอยากให้หนังจบเพราะได้โนติสต์จากเมืองนอกมาว่าภายในสิงหาคมมิฉะนั้นจะเสียหายไปทั้งโลก แค่ 2 ประเทศก็ 7 ล้านเหรียญแล้วนะ ญี่ปุ่นกับอเมริกา ใครจะรับผิดชอบก็ต้องโนติสต์ไปว่ากลับมาทำซะ จะนั่งเทียน จะภาวนาอะไรก็ทำไปแต่ว่าหนังต้องเสร็จ สัญญาต้องชี้แจงได้ แน่นอนอาชีพทนายก็อยากให้มีผลงานมีงานผมเข้าใจ กฎหมายคือกฎหมาย ข้อตกลงคือข้อตกลง พ่อลูกคือพ่อลูก ธุรกิจคือธุรกิจ กฎหมายรับใช้ข้อตกลง ฉะนั้นมันเกิดขึ้นมาแล้วเราอยากจะให้จบแล้วคุยกันในส่วนพ่อลูก คุณหนึ่ง(อัครพล ลูกชายเสี่ย) ก็ดูแลจาอยู่เราทุกคนก็ดูแลจาอยู่ ผมพูดในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง โอเคคุณมาทีหลังเดี๋ยวค่อยพูดนะครับ เชิญคุณพ่อครับ”
ฝ่ายพ่อจายืนยัน สหฯไม่ได้โดนสั่งให้มากดดันลูก แต่มาเพราะอยากเจอหน้าลูกหลังจากร้องไห้ออกทีวี
พ่อจาพนม : “คือวันนี้ที่คุณพ่อมาก็ไม่มีอะไรกับทางสหมงคลฟิล์มหรอกครับ คือได้ยินข่าวออกมาทางทีวีว่าวันนี้คุณจากับท่านทนายจาจะมาให้สัมภาษณ์กับทางสหมงคลฟิล์มแล้วจะมาคุยเรื่องถ่ายทำภาพยนตร์กับท่านเสี่ยเจียงผมก็เลยเลยมาอยากมาเจอลูกด้วยแล้วก็อยากเจอทนายด้วยว่าขณะนี้ลูกอยู่ที่ไหน ผมมาได้ 2 วันแล้วยังไม่เจอลูก ขณะนี้ใครดูแลลูกผม แล้วเขาอยู่ยังไง เขากินยังไง ผมในฐานะเป็นคุณพ่อหัวอกคุณพ่อ ท่านก็เหมือนกันหัวอกคุณพ่อ ลูกท่านเมื่อเวลาเป็นแบบนี้คุณจะคิดยังไง”
“ตอนที่คุณพ่อมาที่นี่ดูข่าวก็รู้สึกว่าไม่สบายใจก็เห็นจาให้สัมภาษณ์แล้วมีการร้องห่มร้องไห้ ก็เลยไม่สบายใจ สาเหตุนี้ที่ทำให้พ่อมาหา อยากจะเห็นหน้าลูกอยากจะคุยกับลูกว่าทำไมถึงได้ร้องไห้ พ่อไม่ได้มากดดัน เพราะเรื่องนี้เกิดก่อนแล้ว พ่อมาทีหลังเห็นว่าลูกร้องไห้พ่อก็เลยต้องมา สำหรับคุณพ่อนะ ไม่ได้มีอะไรกับสหมงคลฟิล์มหรอก”
ก่อนแจงข้อเสนอของ “จา พนม” ซึ่งเรียกเงินจากสหฯอีก 55 ล้านบาท ซึ่งจากเดิมเสี่ยเจียงให้ไว้ที่ 25% ของรายได้หนังเรื่องนี้ แต่จา ทำข้อเสนอใหม่ขอ 50% ด้านทนายยัน ตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นไม่เกี่ยวกับตน
ทนายจา พนม : “จะเรียนให้ทราบก่อนว่าที่ผมมามาในตัวแทนจา แล้วที่ถามผมว่าคุณต้องการอะไร ผมก็จะได้เลิกยุ่งแล้วคุณก็คุยกับจาเอาเอง วันนี้จามอบให้มาแล้วที่ออกสื่อไทยรัฐก็ดี ช่อง 9 ก็ดีผมพยายามขอร้องว่าออกคุยกันให้รู้เรื่องจะได้จบ คุณอยากทำหนังใช่มั้ยครับ ก็ทำให้จบ ชื่อเสียงประเทศไทย ชื่อเสียงคุณออกไป คนไทยทั้งประเทศ ผมพูดกับจาแบบนี้ แต่ที่บอกเอาครอบครัวมากดดันนี่คือคำพูดของจานะครับ ไม่ใช่ผม ผมถ่ายทอดคำพูดจา แล้วเจอจาถามจาได้ ผมมาเป็นทนายให้จา เบื้องหน้าเบื้องหลังผมไม่รู้ทั้งนั้น ไม่ได้ไปยุ่ง ปัญหามันเกิดก่อนที่จะเจอผม แล้วพอผมเข้ามาแล้วมาบอกว่าพอผมเข้ามาแล้วเกิดปัญหามันไม่ถูกนะครับ”
“วันนี้ผมมาพูดแทนจาที่เขา ลายเซ็นต์จาอยู่นี่(โชว์เอกสารข้อเสนอ) สิ่งที่เขาต้องการอยู่นี่หมด เจอเขาถามเขาได้นะครับ ข้อเสนอของ จา พนม ยีรัมย์กับสหมงคลฟิล์มนะครับข้อ1.งบประมาณของงานที่เหลือทั้งหมดในงานโปรดักชั่นขอเหมา 55 ล้าน ไม่รวมงานโพสต์ ค่าตัวดารา ไฟสตูดิโอ โรงถ่าย ฟิล์ม 2.ทีมงานงานโปรดักชั่น จาพยมขอเลือกเองโดยมีอาจารย์พันนา รวมอยู่ด้วย 3.ให้ผู้จัดการส่วนตัวของจา พนมตรวจสอบดูแลบัญชีและค่าใช้จ่าย 4.ระยะการถ่ายทำงานที่เหลือจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในพ.ย. 51 5.ขอรายละเอียดค่าตัว ค่าจ้างและรายละเอียดเรื่องนี้ 6.รายได้ของจัดการภาพยนตร์ทั้งหมดขอเหมา 50 ล้านบาท7.ยกเลิกสัญญาจ้างนักแสดง ลงวันที่ 25 ก.ค.2546 แล้วก็ ลงชื่อ จา พนม ยีรัมย์”
“ส่วนเงินเหมา 50 ล้าน คืออะไร ข้อเท็จจริงผมไม่ทราบนะครับ แต่จาบอกว่ามีการตกลงว่าหนังเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์และฉายทั่วโลก รายได้จากตรงนั้นเสี่ยจะแบ่งให้ 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นข้อตกลง แต่จาขอเหมา 50 เปอร์เซ็นต์อย่างนี้เลยจบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผม จาเป็นคนเสนอทั้งหมดนี้”
“ผมก็ไม่ทราบครับว่าทำไมเขาไม่ขอตอนแรก ทีแรกเสี่ยให้ทีแรก 25 คุณว่ามันเยอะกว่ามั้ยล่ะ เดี๋ยวต้องถามจา”
ในข้อสัญญาระบุว่า “จา พนม” อยากยกเลิกสัญญาทั้งที่มีข้อผูกมัด ทนายจา พนม บอกตนไม่สามารถตอบแทนได้ เพียงแค่นำมาเสนอ “เสี่ยเจียง” เท่านั้น
“ผมคงไม่ได้ตั้งคำถามแบบท่านผู้สื่อข่าวนะครับ ต้องถามจา รู้สึกผมจะส่งทางนี้(สหฯ)ไปแล้วทำไมถึงเลิก อยากจะเก็บไว้ก่อน ส่วนเขาจะมาเมื่อไหร่ วันนี้ดูว่าผลการเจรจาที่มาเป็นอย่างไร อย่างที่บอกเมื่ออกช่อง 9 ไปก็ยังไม่อยากให้รายละเอียดสัมภาษณ์ใดๆ ที่จะกระทบหนังเรื่องนี้ ตัวจาเมื่อไหร่จะมาเจอเสี่ยก็รอผลวันนี้ เขารออยู่ อันนี้ผมก็แค่นำมาเสนอเสี่ย”
มาถึงตอนนี้เลขาเสี่ยเจียงนาย “จารุ หร่ำเดช” บอกให้ทนายต่อสายหา จา พนม มาคุยดีกว่า อย่ากักตัวไว้ ฝ่ายทนายปฏิเสธบอกไม่รู้เรื่องและไม่ได้กักตัวไว้แต่อย่างใด
จารุ :“คุณบอกไม่ทราบเรื่องอะไรมาก่อน เพราะฉะนั้นถ้าพูดไปก็ต้องไปถามจา เพราะฉะนั้นเชิญจามาตรงนี้เลยแล้วผมจะไปเชิญเสี่ยมาตรงนี้เลย เพราะทุกคนก็รักและเป็นห่วงจาเพราะว่าคุณพ่อก็ห่วง คุณพ่อคุณแม่อยู่นี่ อย่าเก็บเอาไว้ต่อรองเลย โฟนอินตรงนี้เลย เพราะจาก็คงรู้จักผมนะครับ เสี่ยก็บอกว่ารักเหมือนลูก จาก็นับถือเหมือนคุณพ่อ เพราะฉะนั้นมาคุยกันตรงนี้เลยดีกว่า อย่าคุยผ่านล่าม ผ่านทนาย ทนายอยู่ด้วยไม่เป็นไร แต่มาคุยกันเถอะ เพราะประเทศชาติจะได้หายงง นักข่าวก็งง เมื่อเมืองนอกโนติสต์มามันเป็นธุรกิจต้องเข้าใจ ระหว่างศิลปิน งานโปรดักชั่นมันคนละเรื่องกัน บอกว่าคนเสียหายน่ะ สหมงคลฟิล์มนะ เงินทั้งหมดชื่อเสียงและเกียรติยศนี่มันของประเทศไทยนะ”
ทนายจา พนม : “ผมไม่ได้เก็บนะฮะ วันนั้นจาคุยกับคุณพ่ออยู่ครึ่งชั่วโมง”
ต่อข้อซักถามที่ว่าหากทางสหฯ ไม่ทำตามข้อตกลงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ ทนาย จา พนมย้อนถามกลับไปทางสหฯอีกครั้ง เลขาเสี่ยเจียง จึงแฉกลับว่า จา พนมเคยถูกพระดูดวงให้ว่ารายได้จากหนังเรื่องนี้จะได้ถึง 2 หมื่นล้านบาทจึงทำงบเกิน แต่อย่างไรเสียหากได้แค่ 2 พันบ้านบาท เสี่ยเจียงใจป้ำเซ็นสัญญาให้จาไปแล้วด้วยว่าจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด
จารุ : "รับข้อเสนอได้มั้ย ก็ต้องให้จาเป็นคนเสนอ แล้วก็เอาตัวเป็นๆ มาเสนอแล้วก็จะเรียนเชิญเสี่ยมาทันที มันมีเรื่องเล่าอย่างนี้จาบอกว่าได้มีโอกาสมีพระดูมาแล้วหนังเรื่องนี้ก็ได้ประมาณ 2 หมื่นล้าน เสี่ยบอกว่าเอางี้งบบานอะไรไม่เป็นไร เดิมทีหนังจะเข้าสิงหานะ รีบทำให้จบ เสี่ยบอกเอางี้เดี๋ยวจะให้เคลียร์แล้วกัน เงินที่จะใช้จะคืนต่างๆ เดือนธันวาคมเดี๋ยวจะรีบเคลียร์ให้ ในขณะเดียวกันเสี่ยเขียนด้วยลายมือให้เลยว่าไม่ต้อง 2 หมื่น แค่ 2 พันก็พอ 1 พันล้านยกให้ไปเลย ถ้าได้ 1 พันล้าน ให้ไปด้วยลายมือ หลักฐานอยู่ที่จาเอาไปเลยถ้าได้ 2 พันล้าน เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่พูด 50 เลย 1 พันยังให้ได้เลย ถึงบอกว่าเอาเถอะมีคนที่ 3 มันก็เว่อร์ไปเยอะ เอาเป็นว่ามาคุยกันพ่อลูกเถอะ หลายคนถามผมผมว่าเป็นเรื่องในครอบครัว มาคุยกันเถอะคุณพ่อก็อยู่คุณแม่ก็อยู่มาคุยกันเถอะนะครับ หลายๆ อย่างก็รออยู่"
ทนายจา พนม: “ก็ไม่มีอะไรครับ จาก็อาจจะหายตัวไปเลยจบ ผมไม่ทราบนะครับ คือไม่เกี่ยวกับผม เขาบอกว่าอยากจะไปบวช แต่อยากจะทำหนังเรื่องนี้ให้จบ เขาบอกอีก 2 วันจะกลับสุรินทร์เขาไปแจ้งความเมื่อวานซืน คุยกับคุณพ่อตั้ง 2 ชม.กว่า เขาก็ไม่ได้อยู่กับผมทุกวัน
ด้านพ่อยันลูกชายยังไม่กลับสุรินทร์
พ่อจา พนม: ก็บอกมันไม่ใช่ 2 วันหรอกครับ มันหลายวันมาแล้ว ผมอยากให้มาคุยกันที่บ้านมากกว่า
ทนายจาพนม : เอาไว้ได้เจอจาค่อยคุยข้อเท็จจริงดีกว่าเรื่องนี้ผมแค่เอาข้อตกลงมาให้เรื่องบอดี้การ์ด ไม่ใช่บอดี้การ์ดนั่นคือสิ่งที่จาต้องการซึ่งเวลาผู้สื่อข่าวมารุมเอาไมค์จ่อแล้วก็ถามเป็นความต้องการของจา ให้คนมาคอยดูคอยกันไม่ใช่ลงรถออกมาก็มาล้อมกันเต็มหมด เมื่อก่อนเขาเป็นอย่างไร ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
พ่อจา พนม : แล้วเมื่อไหร่จาจะคุยกับพ่อได้?
ทนายจาพนม : มีโทรศัพท์ก็ลองโทรถามจาได้
จากนั้นทุกคนในที่แถลงข่าวอยากให้ทนายต่อสายตรงถึงจา ทนายอึกอักแต่ก็ยอมโทรไปหา เนื่องจากมีคนเห็นจาอยู่ที่ตึกแกรมมี่ เดินทางมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่ทนายอ้างว่าจา พนม ไม่รับสาย นักข่าวจึงเบี่ยงมาถาม กรณ๊พี่เขยจา ที่โดนทนายด่าและกีดกันไม่ให้อยู่กับจา โดยพี่เขยจายืนยันต่อหน้าสื่อว่าทนายด่าตนจริงว่าเกาะพ่อตากิน ด้านทนายเดือดตอกกลับทันทีเช่นกัน
พี่เขยจา : “ก็เขาย้ายจาออกจากห้อง จะให้ผมพูดมากไปก็กลัวเป็นอันตรายเหมือนกัน เพราะผมโดนด่ามาแล้ว ทนายแหละด่า บอกเกาะพ่อตากิน”
ทนายจา พนม : เอาตรงไหนมาพูดครับ
พี่เขยจา : เอาตรงวันที่ผมไปแจ้งความนี่แหละ บอกไปเกาะพ่อตากิน ก็มันไม่มีหลักฐานไง ก็ปฏิเสธได้ตลอด คนขับรถผมไง ทนายคนนี้ดีมาก
ด้านทางสหฯยันไม่ใช่แผนโปรโมทภาพยนตร์แน่นอน และจะไม่มีการพิจารณาข้อเสนอของจา พนม หากเจ้าตัวไม่เข้ามาเจรจาด้วยตนเอง
จารุ : “เราทุกคนพยายามจะไม่พูดอะไรเลยจนกว่าจะได้คุยพร้อมๆ กันนะครับ เพราะถามสงสัยยังไง อันนี้ไม่ใช่แผนโปรโมทหนังนะ ทางเราอยากให้หนังเสร็จจริงๆ เรื่องทั้งหมดนี้ขอให้จามาพูดกับเสี่ยเจียงต่อหน้าทุกๆ คนแล้วคุยตกลงกัน โดยทางบริษัทมีความตั้งใจไว้ว่า ขอให้จา พนมของพวกเราทุกคน มากำกับหนังเริ่มทำหนังให้จบหนังองค์บาก 2 ต้องจบภายในสิงหาคมนี้ให้ได้ ภายใต้การช่วยกำกับของคุณพันนา ฤทธิไกร ปาร์ตี้ทุกอย่างเหมือนเดิม มีคุณปรัชญา ปิ่นแก้วเป็นผู้อำนวยการสร้าง ตลอดจนบัญชีและข้อตกลงทุกอย่างขอให้มาคุยกัน โดยที่บริษัทจะจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทุกอย่าง อำนวยความสะดวกทุกอย่างขอให้มาคุยกันแต่หนังต้องเสร็จภายในสิงหาคมนี้ ถ้าไม่มาหนังต้องเสร็จเพราะหนังต้องเสร็จหนังก็คือหนัง เพราะมันเป็นโนติสต์จากทางเมืองนอกมา หนังเหลือนิดเดียวเอง ไม่งั้นมันเสียหายมาก”
“ ถึงบอกให้มาคุยกันไม่อยากให้พูดผ่านล่ามเพราะไม่งั้นจะไม่เข้าใจว่าข้อตกลงคืออะไรแล้วเนื้อหนังเป็นอย่างไร ฉากที่มันบานปลายไม่เป็นไร รับได้คุยกันได้หรือว่างบที่มันเกินไปคือมันเกินได้ ต้องมาคุยกันก่อน ทางเราก็ต้องโนติสต์ไปเพราะได้โนติสต์มาจากเมืองนอกเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมาคุยกัน”
หนึ่ง อัครพล : “ส่วนจาจะกลับมาเล่นอีกมั้ยใน 20% มันยังตอบไม่ได้เลยครับ มันมีเทคนิคในการถ่ายอยู่แล้วยังตอบไม่ได้เลย แต่บริษัทต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง คือทางนี้ก็จะฟ้องอย่างเดียวถ้าไม่ได้อย่างนี้ต้องได้อย่างนี้คือบริษัทก็มีโนติสต์ไป แต่ถ้าเกิดความเสียหายก็ต้องว่ากันไป พ่อลูกกันคุยกันได้ ก็รู้ว่าเสี่ยรักเหมือนลูกเพราะฉะนั้นตัวเลขมันก็เป็นเรื่องปกติ”
“จะไม่รับข้อเสนอจนกว่าจาจะมาคุยกัน แต่ตอนนี้เรามีข้อที่จะเรียนสื่อมวลชน ผู้แทนและคุณพ่อ ว่าหนังต้องเสร็จภายในสิงหาคม ใน 3 วันนี้ให้โอกาสพักผ่อนให้สบายใจ แล้วก็เริ่มทำงานตามปกติจะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือ”
“คือถ้าเขาไม่ตอบรับ อันนี้คงต้องปรึกษากันก่อน ใน 3 วันนี้น่าจะเรียบร้อยแล้ว เพราะคุณทนายก็บอกไม่รู้เรื่อง คุณพ่อก็รออยู่ เรื่องยอมรับข้อเสนอคงไม่ยอมรับ คงต้องมีการต่อรองกัน คือถ้าผมให้คำตอบไปทนายก็ต้องไปถามจา แล้วก็ต้องเข้ามาบอกผมอีก ผมว่าก็เรียกจามาคุยเองก็น่าจะจบ”
ก่อนที่ทนายจะย้ำอีกครั้งว่าจา พนม ยังไม่อยากพูดกับใครตอนนี้ และไม่เคยคิดฟ้งอร้องต้นสังกัด แต่ลั่นอยากยกเลิกสัญญากับสหฯจริง และไม่ตอบว่าผู้จัดการส่วนตัวของจา พนมคือใครกันแน่
ทนายจาพนม : “เขาบอกว่าไม่ควรจะโทรหาเขาแล้วอีกเรื่องหนึ่งที่คุณจารุพูดว่าทางนี้จะฟ้องอย่างเดียว จาไม่ฟ้องครับ ขณะที่อยู่ตรงนี้เขาจะไม่คุยครับ เรื่องที่หลายคนกลัวจาจะหายไปเป็นความคิดของเขาเองไม่ใช่ของผม เขาบอกเขาจะเข้าป่า”
“ผู้จัดการส่วนตัวเขา ผมเคยถามเขาทำไมเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น บัญชีก็หละหลวมทำไมงบมันบานปลาย ผมถามผู้จัดการส่วนตัวไปไหน ชื่ออะไร เขาบอกไม่อยากให้มายุ่ง เขาไม่เปิดเผย เขามีผู้จัดการส่วนตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่ทราบ”
“เรื่องยกเลิกสัญญาเขาบอกเองเขาอยากอิสระ อ้าวทางนี้บอกไม่ได้รับ ก็ฉบับวันที่ 16 ก.ค. ที่ทางสหมงคลฟิล์มส่งไปนะครับ ที่เสียหายประมาณ 200 ล้าน”
ภายหลังการแถลงข่าวทนายของฝ่ายพ่อจา พนม และฝ่ายจา ได้มีการพูดคุยกัน โดยทนายของจา พนมยืนยันว่าจาปลอดภัยดี ไม่มีใครปองร้าย และเผยว่าที่คล้องเหรียญร.5 เพราะต้องการเลิกทาส
ทนาย จา พนม : พ่อแม่เขารักเขาเป็นห่วง เขาร้องไห้แต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องทุกข์ไปด้วย เขาบอกเขาอยากเลิกทาส เขาแขวนร.5 เขาบอกเขาอยากเลิกทาส พ่อคงเข้าใจนะว่าคำว่าเลิกทาสคืออะไร เขาอยากเจอพ่อกับแม่มาก แต่ต้องมีแค่พ่อกับแม่นะ”
“ผมขออนุญาตเรียนนะครับว่ามีสื่อบางรายที่เข้าไปรู้ไปเห็นว่าเขาอยู่ดีมีสุขและอยู่ได้ด้วยตัวเขาเองไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวไม่มีเรื่องผู้มีอิทธิพลครับ”
ก่อนทิ้งท้ายแจง “จา พนม” เลือกไปออกสื่อแต่ละที่ด้วยตนเอง ตนไม่เกี่ยว
“การออกมาเจอสื่อให้สัมภาษณ์จาเป็นคนตัดสินใจผมไม่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น แต่เรื่องที่เขาเลือกใครบ้างผมไม่ทราบแต่คนที่ติดต่อเขาบอกสิ่งที่จะลงให้ ถ้าไม่เกี่ยวกับหนังไม่เกี่ยวกับข้อขัดแย้งได้ แต่ถ้าเกี่ยวกับหนังไม่ให้สัมภาษณ์”
ในส่วนของการแถลงข่าวก็ยังดำเนินไป ส่วน “จา พนม” เดินทางไปให้สัมภาษณ์กับรายการ “ดาวกระจาย” ไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยยืนยันว่า ที่ไม่เข้าพบเสี่ยเจียง เนื่องอยากให้ผู้มีความรู้เข้าพบแทน พร้อมขอบคุณเสี่ยเจียงที่ให้โอกาส แต่ตนอยากเคลียร์ปัญหาทีละเรื่อง และทิ้งท้ายว่า ตนเกิดมาจากดิน มาจากความว่างเปล่าก็กลับไปเจอความว่างเปล่าได้อยู่แล้ว
***
“ปรัชญา” ยัน “จา” โดนอุ้ม สหฯไม่มีเอี่ยว พร้อมเปิดโปง มีคนจ้องหากินกับชื่อเสียงจาเพียบ
ลูกกูอยู่ไหน! “พ่อ” โร่แจ้งความ “จา” โดนอุ้ม เชื่อสาวเกาหลีนิรนามอยู่เบื้องหลัง
“จา” ร่ำไห้แจงโดนสหฯตัดงบ ยันไม่ได้เพี้ยน ลั่นพร้อมเคลียร์ “เสี่ยเจียง”
“นิรุตติ์” แฉ “จา” คลั่งศาสนา ทำตัวเป็นฤๅษีจริง แต่ยันไม่ทิ้งงาน
สหฯ แถลงซัด "จา" ชอบเบี้ยว - ทำงานช้า ถ้าอยากฉีกสัญญาไปเลี้ยงช้างก็ได้ แต่ห้ามไปทำหนังกับคนอื่น
"พันนา" ไม่เชื่อ "จา" ควักเงินส่วนตัวทำหนัง หลังอีกฝ่ายโผล่ให้สัมภาษณ์
“ปรัชญา” แฉ “จา” ผลาญเงินทำหนังเกินไปกว่า 100 ล้าน แต่ไม่ตอบ อีกฝ่ายเอาเข้ากระเป๋าหรือเปล่า?
"จา พนม" หายตัว "ตั๊ก" เผยสบายดีแค่เข้าป่าบำเพ็ญจิต