"วสันต์" มั่นใจ ผลประเมินครึ่งปีแรกผ่าน ลั่นพร้อมรับมือเงื่อนไขโหดครึ่งปีหลัง

"วสันต์" คาดผลประเมินการทำงานครึ่งปีแรก ก.ค.นี้ผ่านฉลุย ส่วนเงื่อนไขครึ่งปีหลังบอร์ดให้มีการปรับเปลี่ยนสร้างรายได้เพิ่มเข้าช่องมั่นใจไม่เกินความสามารถ เผยดึงรายการเรียลลิตี้เพิ่มอีกสองหวังฟันโฆษณาจากเรตติ้งคนดู ฟุ้งสัญญายูบีซียังไม่หมดเหลืออีก 12 ปี

จากการประชุมบอร์ด อสมท ในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมบอร์ด มีมติเรื่องการสรุปการประเมินการทำงานของ "นายวสันต์ ภัยหลีกลี้" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ไว้ว่า สำหรับการประเมินการทำงานของครึ่งปีแรก ที่จะออกมาในเดือนก.ค.นี้ ทางบอร์ดจะยังคงใช้หลักการและสัดส่วนต่างๆในการประเมินเช่นเดิมอย่างที่เคยประเมินมา

แต่หลังจากนั้น คือการทำงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทางบอร์ด อสมท. ได้มีการนำเสนอขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในการประเมินใหม่ ใน 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ 1.เรื่องของรายได้และกำไรที่จะเข้ามาในอสมท จากเดิมที่มีสัดส่วนคะแนนประมาณ 15% จะเพิ่มเป็น 40% และ2.เรื่องของคุณสมบัติส่วนตัวของนายวสันต์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องภาวะการเป็นผู้นำ ความโปร่งใสในการทำงาน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผอ.ช่อง 9 เผยมีความมั่นใจผลการประเมินว่าสอบผ่าน

"โดยรวมก็มั่นใจว่าในเกณฑ์ที่วัดต่างๆ ที่เคยคุย เคยตกลงกันไว้ก็มั่นใจนะ การประเมินที่ผ่านๆ มามีการประเมินเมื่อประมาณหลังสิ้นสุดเดือน ก.ย.หนหนึ่งและสิ้นสุดเดือน ธ.ค.หนหนึ่ง คราวนี้จะสิ้นสุด มิ.ย. ที่ผ่านมาก็ผ่านไปได้ด้วยดีอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าสูง"

"ครั้งแรกอยู่ที่ 88 เปอร์เซ็นต์ ครั้งที่สองอยู่ที่ 78 เปอร์เซ็นต์ หลังจากมีการปรับเกณฑ์ให้เข้มขึ้นยังผ่านไปได้ด้วยดี ครั้งที่สามรอผลการประเมินอยู่ ก็มั่นใจมากครับ ก็จากการติดตามงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้ บริหารจัดการในแง่ของตัวเลขต่างๆ ที่เป็นตัวชี้วัดก็มีแนวโน้มออกมาในแนวทางที่ดี"

"ซึ่งการประเมินของครึ่งปีหลังก็ต้องมีการตั้งเกณฑ์ของครึ่งปีหลังได้มีการประชุมบอร์ดได้มีการพิจารณาเรื่องเหล่านี้ มีการเสนอว่าอยากให้เพิ่มน้ำหนักกับเรื่องรายได้มากขึ้นแต่ยังเป็นเรื่องของการเจรจากันอยู่"

ต่อข้อถามว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงแต่ทางบอร์ดต้องการให้สร้างรายได้เพิ่มอีก มีความกดดันบ้างหรือไม่ เจ้าตัวลั่นไม่มีความกดดัน

"ของเดิมมีเรื่องของแผนงานเหมือนมีเรื่องการบริหารงานคือให้ความสำคัญเพิ่ม เป็นเรื่องของบอร์ดอาจจะเห็นว่าเรื่องรายได้เป็นเรื่องสำคัญอยากให้เน้นก็แล้วแต่ บอร์ดบางท่าน บางชุดอาจจะบอกว่าโอเครายได้ก็สำคัญแต่ว่าคุณภาพรายการก็สำคัญ หรือว่าการดูแลผู้ชมผู้ฟังในสังคมก็สำคัญก็แล้วแต่ใครให้น้ำหนักกว่ากัน สำหรับเกณฑ์ที่ผ่านมาไม่หนักใจคิดว่าผลประกอบการที่ออกของครึ่งปีน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีและก็น่าจะยังโชว์การเติบโตต่อเนื่อง ส่วนของครึ่งปีหลังก็ยังมั่นใจว่าส่วนของการประกอบการน่าจะยังดี แต่ว่าเกณฑ์การประเมินต้องคุยกันแบบไหนน่าจะลงตัว"

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของรายการจะมีอะไรสอดคล้องกับนโยบายของรัฐหรือไม่ ผู้บริหารโมเดิร์นไนน์ชี้แจงกำลังพยายามเร่งเปลี่ยนแปลง พร้อมชูรายการเรียลลิตี้ขึ้นนำเนื่องจากสร้างเรตติ้งผู้ชมได้ดีและเพิ่มรายได้ได้ไม่ยาก

"ค่อยๆ ปรับกัน ปรับครั้งนี้ก็เป็นการปรับครั้งใหญ่พอสมควร หลักๆ ก็คือต้องการให้รายการนี้ (Superstar ที่สุดแห่งดาว) กลมกล่อมขึ้นและเข้ากับคอนเซ็ปต์สนุกสาระสร้างสรรค์ ภาพรวมเราไม่ได้ปรับคิดว่าภาพรวมทั้งหมดคงไปดูปลายปีแล้วแต่แต่ละรายการจะดูแต่ละรายการไป ถามว่าถ้าปรับขึ้นแสดงว่าสองรายการ (มายาไอดอล-ซุปเปอร์สตาร์) เรตติ้งดี ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาประเมินแล้วน่าจะหาผู้สนับสนุนได้เยอะมีโฆษณาเยอะก็ตั้งราคาไป ปลายปีจะดูอีกทีนึงว่าจะปรับไหมมันขึ้นอยู่กับเรตติ้งด้วย"

"คิดว่ารายการเรียลลิตี้ได้รับการตอบรับดีก็เลยคิดว่าน่าจะดี รายการนี้มีการทุ่มทุนสูง น่าจะได้รับการตอบรับดี ปีนี้จะมีรายการนี้และ มายาไอดอลสองรายการ สองรายการแรกผลตอบรับดีมากโดยเฉพาะเดอะสตาร์ มีผู้ชมสูง ในแง่ของรายได้ก็ดี เอเอฟก็อยู่ในเกณฑ์ดีครับและคิดว่าช่วงท้ายๆ น่าจะแรงขึ้น เทียบกับปีที่แล้ว ปีนี้อาจจะชนกับกระแสหลายอย่าง ทั้งฟุตบอล การเมืองโดยรวมคิดว่าน่าจะดีขึ้น"

ทั้งนี้ยังยืนยันเกี่ยวกับกระแสข่าวการเช่าสัญญาสัมปทานของช่อง ยูบีซี ใกล้จะหมดอีกไม่นานอาจทำให้ขาดรายได้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากยังเหลือสัญญาเช่าอยู่ถึง 12 ปี