“จักรภพ” พร้อมเปิดอกให้สมาคมสื่อท้วงติง โบ้ยการพิจารณา หรือปลดบอร์ดอสมท ไม่ใช่หน้าที่ของ รมต.ไม่หวั่น ส.ส.เข้าชื่อถอดถอน ยันขอชี้แจงในสภาฯเปิดทางฝ่ายค้านใช้ทีวีรัฐสภา แสดงบารมีไม่มีสิทธิพิเศษในการขอเวลาจัดรายการ
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาพันธ์หนังสือพิมพ์ออกแถลงการณ์ ระบุว่า นายจักรภพ ต้องการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อจากเรื่องการพิจารณาปลด นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท ที่บริหารงานขาดทุนว่า ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ท้วงติงเข้ามา และไม่ใช่เรื่องที่ไม่สมควร เพราะการทำหน้าที่ของบอร์ดบริหาร หรือการพิจารณาบุคคลที่จะมาเป็นกรรมการบริหารนั้นไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีในการระบุสเปก หรือคุณสมบัติ ของคนที่จะมาทำหน้าที่โดยตรง แต่ในขณะนี้ถึงช่วงเวลาที่ นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานในการสรรหา
เมื่อถามว่า จะมีการพิจารณากรอบเวลาภายในเดือนพฤษภาคม นายจักรภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นประชุมกันเท่านั้น แล้วคณะกรรมการ อสมท และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่รายงานผลต่อที่ประชุม ซึ่งตนก็จะรอฟังผล ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย และคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.บางคนระบุจะเข้าชื่อถอดถอน รัฐมนตรีโดยระบุว่าเข้าไปแทรกแซงการทำงานภายใน นายจักรภพ กล่าวว่า เมื่อมีข้อสงสัยตนก็ตอบ เหมือนที่ตอบกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในสภาฯ และตนได้ตอบไปว่าหากมีเรื่องที่สงสัยก็ควรใช้ช่องทางนี้ เพราะรัฐบาลให้ความสนับสนุนกระบวนการนิติบัญญัติเต็มที่
เมื่อถามว่า หาก ส.ว.ยังติดใจอยู่ นายจักรภพ กล่าวว่า ตนมีจุดยืนชัดเจน หากถามมาก็ต้องตอบด้วยหลักเกณฑ์ ไม่มีอะไรเป็นการเข้าใจผิด แต่การที่จะเดินหน้าจัดระบบสื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริการประชาชนก็ต้องเดินหน้าต่อไป
นายจักรภพ กล่าวถึงการพิจารณาสถานีโทรทัศน์รัฐสภา ที่ออกอาการผ่านดาวเทียมช่อง เอ็นบีที 15 หลังจากที่มี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้มีโอกาสที่จะชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ว่า ตนจะพิจารณารายการที่ทุกฝ่ายเสนอเข้ามา เพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณานั้นจะต้องดูว่าเป็นการขอเวลาจัดรายการ ไม่ใช่ย่อเรื่องสภาฯมาไว้ในรายการ และทุกคนที่ขอมาทั้งผู้นำฝ่ายค้านหรือใครก็ตามตนจะพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับสาร
นายจักรภพ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า รัฐบาลคงไม่ต้องไปเฝ้าสังเกตการณ์ แต่ในฐานะที่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยก็ต้องเฝ้าระวังความเรียบร้อย ส่วนผู้ที่จะดำเนินการสิ่งใด ที่ทำอย่างเปิดเผยบนดินนั้นรัฐบาลก็สนับสนุนไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ขณะนี้ประชาชนห่วงว่าการเล่นการเมืองหลายกลุ่ม ทำให้บ้านเมืองไปสู่ภาวะคับขันและเกิดปัญหาอีก จึงขอร้องว่าขอให้เห็นใจรัฐบาลว่าต้องนำประเทศไทยไปสู่แผนที่โลก หากสร้างเงื่อนไขในเรื่องที่ดีก็จะช่วยประเทศได้มาก