อสมท เชื่อทำงานไม่บกพร่อง แม้สวมหมวก 2 ใบ "วสันต์" แจงไม่กังวลเรื่องการโยกย้ายจากรัฐบาล ที่ชูนโยบายจัดระบบสื่อ เหตุใจตรงกันมุ่งสร้างความสมดุล ครบถ้วนของการเสนอข่าว พร้อมเดินหน้าปรับเพิ่มเวลาช่วงไพร์มไทม์อีก 1 ช.ม. หลังพบมีเรตติ้งดีขึ้น หวังดันรายได้รวมเติบโต 20% จาก 3,956 ล้านบาทในปี 2550
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่เข้ามาดูแลจัดระบบสื่อทั้งหมด เบื้องต้นในส่วนของ อสมท ยังไม่ทราบว่าจะได้รับมอบหมายการทำงานใดจากท่านรัฐมนตรี ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น พบว่า นายจักรภพมีหน้าที่ดูแลสื่อทั้งระบบ โดยจะมองการจัดระบบเชิงภาพรวม มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนมากกว่าปิดกั้นสื่อ โดยเฉพาะเรื่องการนำเสนอข่าว ที่ต้องมีความครบถ้วนและสมดุล พร้อมทั้งผลักดันให้มีผู้ผลิตรายการมากขึ้น
โดยในแง่การนำเสนอข่าวถือว่า เป็นแนวคิดเดียวกันกับทางอสมท ที่มุ่งเน้นให้มีการนำเสนออย่างถูกต้องเป็นกลาง ตรงไปตรงมา และเสนอข่าวแบบรอบด้าน โดยมีการทำงานที่ถูกต้องตาม 2สถานะที่มีอยู่ คือ การเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่ต้องมีการดำเนินงานที่โปร่งใส และการเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องสนองนโยบายภาครัฐ ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลว่าจะมีเรื่องการโยกย้ายเกิดขึ้นภายในอสมทจากรัฐบาลแน่นอน
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานของ อสมท ในปีนี้ เบื้องต้นจะมีการปรับช่วงเวลาไพร์มไทม์เพิ่มขึ้นจากเดิม 18.00-22.00 น. เป็น 16.30-22.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ เนื่องจากพบว่า เวลา 16.30-18.00น. มีเรตติ้งสูงขึ้น 3-5 ดังนั้นเมื่อปรับให้ไพร์มไทม์เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้รายได้โฆษณาช่วงดังกล่าวสูงขึ้นด้วย จากที่ทำได้ 75-80%
สำหรับการลงทุนปีนี้ ยังไม่มีอะไรใหม่ แต่จะเดินหน้าทดลองโครงการโมบายทีวีต่อ ซึ่งหากพบว่ามีแนวโน้มที่ดี ก็จะมีการพิจารณาในการลงทุนต่อไป เพื่อเป็นการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20% จาก 3,956 ล้านบาท โดยโทรทัศน์ยังเป็นสื่อหลักในการสร้างรายได้ประมาณ 57% และวิทยุ เป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 21% และที่เหลืออีก 22% เป็นรายได้ที่มาจากการร่วมดำเนินกิจการ และอื่นๆ
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้รวมในปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลง 9% เทียบจากปี 2549 ที่ทำได้ 4,345 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 2550 มีมูลค่า 1,111 ล้านบาท คิดเป็น 1.62 บาทต่อหุ้นลดลง 26% เทียบจากปี2549 ทั้งนี้เกิดจากธุรกิจกิจโทรทัศน์และวิทยุ มีการชะลอตัวการใช้งบโฆษณาทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งครึ่งปีแรก อสมท ยังอยู่ในภาวการณ์เปลี่ยนแปลงผู้บริหารและนโยบายการบริหารงานด้วย
ทั้งนี้ รายได้โทรทัศน์ปี 2550 ทำได้ 2,269 ล้านบาท ลดลง 19% เทียบจากปี2549 ส่วนวิทยุปีที่ผ่านมา มีรายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 24% ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทีมการตลาดและการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่เข้ามาดูแลจัดระบบสื่อทั้งหมด เบื้องต้นในส่วนของ อสมท ยังไม่ทราบว่าจะได้รับมอบหมายการทำงานใดจากท่านรัฐมนตรี ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น พบว่า นายจักรภพมีหน้าที่ดูแลสื่อทั้งระบบ โดยจะมองการจัดระบบเชิงภาพรวม มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนมากกว่าปิดกั้นสื่อ โดยเฉพาะเรื่องการนำเสนอข่าว ที่ต้องมีความครบถ้วนและสมดุล พร้อมทั้งผลักดันให้มีผู้ผลิตรายการมากขึ้น
โดยในแง่การนำเสนอข่าวถือว่า เป็นแนวคิดเดียวกันกับทางอสมท ที่มุ่งเน้นให้มีการนำเสนออย่างถูกต้องเป็นกลาง ตรงไปตรงมา และเสนอข่าวแบบรอบด้าน โดยมีการทำงานที่ถูกต้องตาม 2สถานะที่มีอยู่ คือ การเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่ต้องมีการดำเนินงานที่โปร่งใส และการเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องสนองนโยบายภาครัฐ ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลว่าจะมีเรื่องการโยกย้ายเกิดขึ้นภายในอสมทจากรัฐบาลแน่นอน
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานของ อสมท ในปีนี้ เบื้องต้นจะมีการปรับช่วงเวลาไพร์มไทม์เพิ่มขึ้นจากเดิม 18.00-22.00 น. เป็น 16.30-22.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ เนื่องจากพบว่า เวลา 16.30-18.00น. มีเรตติ้งสูงขึ้น 3-5 ดังนั้นเมื่อปรับให้ไพร์มไทม์เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้รายได้โฆษณาช่วงดังกล่าวสูงขึ้นด้วย จากที่ทำได้ 75-80%
สำหรับการลงทุนปีนี้ ยังไม่มีอะไรใหม่ แต่จะเดินหน้าทดลองโครงการโมบายทีวีต่อ ซึ่งหากพบว่ามีแนวโน้มที่ดี ก็จะมีการพิจารณาในการลงทุนต่อไป เพื่อเป็นการสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ๆ หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20% จาก 3,956 ล้านบาท โดยโทรทัศน์ยังเป็นสื่อหลักในการสร้างรายได้ประมาณ 57% และวิทยุ เป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 21% และที่เหลืออีก 22% เป็นรายได้ที่มาจากการร่วมดำเนินกิจการ และอื่นๆ
อย่างไรก็ตามสำหรับรายได้รวมในปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลง 9% เทียบจากปี 2549 ที่ทำได้ 4,345 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 2550 มีมูลค่า 1,111 ล้านบาท คิดเป็น 1.62 บาทต่อหุ้นลดลง 26% เทียบจากปี2549 ทั้งนี้เกิดจากธุรกิจกิจโทรทัศน์และวิทยุ มีการชะลอตัวการใช้งบโฆษณาทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งครึ่งปีแรก อสมท ยังอยู่ในภาวการณ์เปลี่ยนแปลงผู้บริหารและนโยบายการบริหารงานด้วย
ทั้งนี้ รายได้โทรทัศน์ปี 2550 ทำได้ 2,269 ล้านบาท ลดลง 19% เทียบจากปี2549 ส่วนวิทยุปีที่ผ่านมา มีรายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 24% ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทีมการตลาดและการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
