ผู้จัดการรายวัน – รายชื่อ 5 คณะกรรมการบอร์ดใหม่ของ อสมท ยังวุ่น ผู้ถือหุ้นรายย่อยยังกังขา แต่พร้อมร่วมลงมติผ่านการเห็นชอบ ในการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 ของอสมท วานนี้ ด้าน “วสันต์” เผย ระยะอันใกล้ ไม่ปรับราคาโฆษณา แม้แนวโน้มครึ่งปีหลังยังไม่สดใส มุ่งปรับผังรายการหวังผู้ชมเกาะหน้าทีวีมากขึ้น
วานนี้ (11 มิ.ย.) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2551 ขึ้น ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ณ ห้องส่ง 1 อสมท การประชุมครั้งนี้ มีจำนวนคณะกรรมการบอร์ด อสมท เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 7 ท่าน ประกอบด้วย 1.นายนัที เปรมรัศมี ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม 2.นางดนุชา ยินดีพิธ 3.นายอนุสรณ์ ธรรมใจ 4.นายพงษ์ชัย อมตานนท์ 5.นายสมบูรณ์ ม่วงกร่ำ 6.นายวิทยาธร ท่อแก้ว และ 7.นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ขณะที่จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้าร่วมประมาณ 200 ราย คิดเป็นจำนวน 587,376,641 หุ้น
วาระการประชุมครั้งนี้มีทั้งหมด 5 วาระ คือ วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ, วาระที่2 พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เมษายน 2551, วาระที่3 รับทราบการแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 1 คน, วาระที่4 รับทราบกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระและพิจารณาเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 5 ท่าน และวาระที่ 5 เป็นเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
สำหรับบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีการถกเถียงเกี่ยวกับวาระต่างๆอยู่ตลอดเวลา โดยมาจากแกนนำกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย 3 ราย คือ นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นายเสกสรร ศุภแสง และนายวีระ สมความคิด ที่มีต่อนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ หนึ่งในคณะกรรมการบอร์ด อสมท ในการถกเถียงและการตั้งข้อสังเกตต่างๆเกือบทุกวาระการประชุม
เริ่มตั้งแต่วาระที่1 มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ถือหุ้นรายย่อย เกี่ยวกับปัญหากรณีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด รวมถึงที่ดิน 50 ไร่ ที่ยังไม่ได้นำมาพัฒนาสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น อยากให้มีการชี้แจง รวมถึงต้องการทราบความคืนหน้า
ขณะที่ข้อถกเถียงกันมากที่สุด คือ วาระที่4 รับทราบกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระและพิจารณาเลือกตั้งกรรมการใหม่ แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 5 ท่าน คือ นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย แทน นายบุญปลูก ชายเกตุ, นายธงทอง จันทรางศุ แทน นายประกิจ ประจนปัจจนึก, นายประสาน หวังรัตนปราณี แทน นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ แทน นางสาวรสนา โตสิตระกูล
โดยรายชื่อทั้ง 5 กรรมการใหม่ที่นำเสนอนี้ ในการประชุมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นตั้งข้อสังเกตว่า รายชื่อทั้ง 5 ที่นำเสนอต่อการประชุมนั้น มีความไม่โปร่งใส เพราะไม่มีรายละเอียดข้อมูลให้ ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเลื่อนวาระการแต่งตั้งครั้งนั้นไป
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และในฐานะหนึ่งในกรรมการบอร์ด อสมท เปิดเผยว่า ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการเห็นชอบต่อ 5 คณะกรรมการใหม่ครั้งนี้ สืบเนื่องจากคราวก่อนของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเลื่อนไป ทั้งนี้ทางคณะกรรมการบอร์ดได้นำเรื่องดังกล่าวขึ้นที่ประชุมบอร์ดไปแล้ว ซึ่งหลังจากได้คณะกรรมการบอร์ดชุดใหม่ 7 ท่านขณะนี้ จึงได้มีความเห็นตรงกันว่า เรื่องดังกล่าวผ่านการประชุมใหญ่แล้ว จึงต้องการให้เป็นอำนาจของประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2551 ครั้งนี้
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ ยังกังขาเรื่องดังกล่าว แต่ก็พร้อมลงคะแนนเห็นชอบ ซึ่งทั้ง 5 ท่าน ทั้งหมดผ่านมติ เป็นคณะกรรมการบอร์ด ด้วยคะแนน 98.5% จากจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้าประชุมทั้งหมด จำนวน 587,376,641 หุ้น
อย่างไรก็ตามที่ประชุม มีความเห็นชอบให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย เสนอชื่อผู้สมัครเป็นคณะกรรมการบอร์ดร่วมด้วย แต่ด้านนายเสกสรร ศุภแสง หนึ่งในแกนนำผู้ถือหุ้นรายย่อย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะผิดต่อกฎข้อบังคับ ข้อที่ 42 ของ บมจ. อสมท ที่มีใจความว่า ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงคราวออกตามวาระ คณะกรรมการอาจเลือกตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้เข้าเป็นกรรมการแทน ในตำแหน่งที่ว่างในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไปก็ได้ เว้นแต่วาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน ส่งผลให้ไม่มีการยื่นเสนอชื่อเข้าร่วมสมัครในตำแหน่งคณะกรรมการบอร์ด อสมท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย จากเดิมที่มียื่นประมาณ 1-2 รายชื่อ
ยัน ไม่ปรับราคาโฆษณาในช่วงนี้
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังต้องมองเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจให้ดี เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ค่าน้ำมันได้เพิ่มกว่า 40% รวมถึงเรื่องของเงินเฟ้อ ทางบริษัทฯจะยังคงอัตราค่าโฆษณาในเรตเดิมในระยะอันใกล้นี้ โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของการปรับผังรายการมากกว่า ให้มีความน่าสนใจ และเรียกจำนวนผู้ชมให้มากขึ้นแทน ทั้งในส่วนของไพร์มไทม์ และนอนไพร์มไทม์ ทั้งนี้คาดว่าจากเป้าที่ต้องการเติบโต 15-20% คาดว่าอย่างน้อยน่าจะทำได้ถึง 15%
วานนี้ (11 มิ.ย.) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2551 ขึ้น ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ณ ห้องส่ง 1 อสมท การประชุมครั้งนี้ มีจำนวนคณะกรรมการบอร์ด อสมท เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 7 ท่าน ประกอบด้วย 1.นายนัที เปรมรัศมี ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม 2.นางดนุชา ยินดีพิธ 3.นายอนุสรณ์ ธรรมใจ 4.นายพงษ์ชัย อมตานนท์ 5.นายสมบูรณ์ ม่วงกร่ำ 6.นายวิทยาธร ท่อแก้ว และ 7.นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ขณะที่จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้าร่วมประมาณ 200 ราย คิดเป็นจำนวน 587,376,641 หุ้น
วาระการประชุมครั้งนี้มีทั้งหมด 5 วาระ คือ วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ, วาระที่2 พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เมษายน 2551, วาระที่3 รับทราบการแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 1 คน, วาระที่4 รับทราบกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระและพิจารณาเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 5 ท่าน และวาระที่ 5 เป็นเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
สำหรับบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีการถกเถียงเกี่ยวกับวาระต่างๆอยู่ตลอดเวลา โดยมาจากแกนนำกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย 3 ราย คือ นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นายเสกสรร ศุภแสง และนายวีระ สมความคิด ที่มีต่อนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ หนึ่งในคณะกรรมการบอร์ด อสมท ในการถกเถียงและการตั้งข้อสังเกตต่างๆเกือบทุกวาระการประชุม
เริ่มตั้งแต่วาระที่1 มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ถือหุ้นรายย่อย เกี่ยวกับปัญหากรณีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด รวมถึงที่ดิน 50 ไร่ ที่ยังไม่ได้นำมาพัฒนาสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น อยากให้มีการชี้แจง รวมถึงต้องการทราบความคืนหน้า
ขณะที่ข้อถกเถียงกันมากที่สุด คือ วาระที่4 รับทราบกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระและพิจารณาเลือกตั้งกรรมการใหม่ แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ จำนวน 5 ท่าน คือ นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัย แทน นายบุญปลูก ชายเกตุ, นายธงทอง จันทรางศุ แทน นายประกิจ ประจนปัจจนึก, นายประสาน หวังรัตนปราณี แทน นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ แทน นางสาวรสนา โตสิตระกูล
โดยรายชื่อทั้ง 5 กรรมการใหม่ที่นำเสนอนี้ ในการประชุมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นตั้งข้อสังเกตว่า รายชื่อทั้ง 5 ที่นำเสนอต่อการประชุมนั้น มีความไม่โปร่งใส เพราะไม่มีรายละเอียดข้อมูลให้ ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเลื่อนวาระการแต่งตั้งครั้งนั้นไป
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และในฐานะหนึ่งในกรรมการบอร์ด อสมท เปิดเผยว่า ข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการเห็นชอบต่อ 5 คณะกรรมการใหม่ครั้งนี้ สืบเนื่องจากคราวก่อนของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2551 วันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเลื่อนไป ทั้งนี้ทางคณะกรรมการบอร์ดได้นำเรื่องดังกล่าวขึ้นที่ประชุมบอร์ดไปแล้ว ซึ่งหลังจากได้คณะกรรมการบอร์ดชุดใหม่ 7 ท่านขณะนี้ จึงได้มีความเห็นตรงกันว่า เรื่องดังกล่าวผ่านการประชุมใหญ่แล้ว จึงต้องการให้เป็นอำนาจของประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2551 ครั้งนี้
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ ยังกังขาเรื่องดังกล่าว แต่ก็พร้อมลงคะแนนเห็นชอบ ซึ่งทั้ง 5 ท่าน ทั้งหมดผ่านมติ เป็นคณะกรรมการบอร์ด ด้วยคะแนน 98.5% จากจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้าประชุมทั้งหมด จำนวน 587,376,641 หุ้น
อย่างไรก็ตามที่ประชุม มีความเห็นชอบให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย เสนอชื่อผู้สมัครเป็นคณะกรรมการบอร์ดร่วมด้วย แต่ด้านนายเสกสรร ศุภแสง หนึ่งในแกนนำผู้ถือหุ้นรายย่อย ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะผิดต่อกฎข้อบังคับ ข้อที่ 42 ของ บมจ. อสมท ที่มีใจความว่า ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงคราวออกตามวาระ คณะกรรมการอาจเลือกตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้เข้าเป็นกรรมการแทน ในตำแหน่งที่ว่างในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไปก็ได้ เว้นแต่วาระของกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน ส่งผลให้ไม่มีการยื่นเสนอชื่อเข้าร่วมสมัครในตำแหน่งคณะกรรมการบอร์ด อสมท จากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย จากเดิมที่มียื่นประมาณ 1-2 รายชื่อ
ยัน ไม่ปรับราคาโฆษณาในช่วงนี้
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังต้องมองเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจให้ดี เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ค่าน้ำมันได้เพิ่มกว่า 40% รวมถึงเรื่องของเงินเฟ้อ ทางบริษัทฯจะยังคงอัตราค่าโฆษณาในเรตเดิมในระยะอันใกล้นี้ โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของการปรับผังรายการมากกว่า ให้มีความน่าสนใจ และเรียกจำนวนผู้ชมให้มากขึ้นแทน ทั้งในส่วนของไพร์มไทม์ และนอนไพร์มไทม์ ทั้งนี้คาดว่าจากเป้าที่ต้องการเติบโต 15-20% คาดว่าอย่างน้อยน่าจะทำได้ถึง 15%