โดย...อภินันท์ บุญเรืองพะเนา
จากแต่เดิมที่คาดการณ์กันว่า หนังเรื่อง Teeth ไม่น่าจะได้เข้าฉายในเมืองไทย เนื่องมาจากประเด็นอันล่อแหลมที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะส่วนสงวนของคุณผู้หญิง แต่ในที่สุด สายข่าวก็รายงานเข้ามาแล้วว่า ไม่เกินเดือนหน้า คนไทยคงจะได้ดูหนังเรื่องนี้กัน
ไม่ว่าจะอย่างไร จากการเลียบเลาะสำรวจกระแสเกี่ยวกับ Teeth ที่หล่นอยู่ตามเว็บไซต์หลายๆ เว็บ มี “ประเด็นร่วม” เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้อยู่อย่างหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าสนใจมากก็คือ การตั้งชื่อเรื่อง (หรือจะเรียกว่าชื่อบทความข้อเขียนอะไรก็แล้วแต่) ที่แต่ละคนไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์แต่ละแห่งนั้น มันฟังดูชวนขนลุกยังไงชอบกล
ลองอ่านตัวอย่างต่อไปนี้ดูสิครับ...โยนีเขี้ยวสยอง, จิ๋มสยองขวัญ, จิ๊มิพันธุ์ดุรูเขมือบคน, โยนีกระชากหัว, ช่องคลอดสยองขวัญ, โยนีปีศาจ, จิ๋มสยองโลก, จิ๋มมรณะ ฯลฯ เหล่านี้คือ “คำนิยาม” เพียงส่วนหนึ่งที่หลายๆ คนมีให้กับหนัง Teeth เรื่องนี้ (ฟังแล้วรู้สึกเช่นไรบ้าง คุณผู้ชายทั้งหลาย?)
เกิดอะไรขึ้นกับ “มูมู่” ของคุณผู้หญิง?
ทำไมอวัยวะในร่างกายส่วนที่เรียกได้ว่า “บอบบาง” ที่สุด ถึงได้ดูดุร้ายเหมือนปีศาจกินคนซะอย่างงั้น?
โดยพล็อตเรื่อง Teeth เกี่ยวข้องกับเด็กสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่งที่ชื่อ “ดอว์น” ซึ่งดูจากรูปร่างหน้าตา เธอก็เหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไปที่นิสัยดีและน่ารัก แต่สิ่งที่ทำให้ดอว์นพิเศษออกไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ ก็คือ ภายในช่องคลอดของเธอนั้นมี “ฟัน” ที่พร้อมจะกัดทุกสิ่งทุกอย่างที่แปลกปลอมเข้ามา (คงไม่ต้องบอกนะครับว่า มีอะไรบ้างที่จะ “สัญจร” ผ่านเข้าไปใน “เส้นทาง” นี้ ?!)
ครับ, ไอเดียหนังที่ประหลาดพิสดารสุดๆ เรื่องนี้เกิดมาจากก้อนสมองของผู้กำกับ “มิทเชล ลิชเทนสเตียน” (Mitchell Lichtenstien) ซึ่งเขาบอกว่า เขาได้ไอเดียนี้มาจากตำนานบางบทในตำราของมหาวิทยาลัยที่มีการพูดถึงคำว่า Vagina Dentata (เป็นภาษาละติน) หรือพูดให้เข้าใจกันง่ายขึ้นก็คือผู้หญิงซึ่งมี “ฟัน” อยู่ที่ “จิ๋ม”
อย่างไรก็ดี ผมไม่คิดว่า นี่เป็นหนังที่จะมาเล่นอุบาทว์ลามกอะไรกับอวัยวะเพศของผู้หญิง เพราะท่ามกลางเรื่องราวที่แปลกประหลาดอย่างเหลือล้นนั้น สิ่งที่ Teeth พูดกับคนดูก็มีประเด็นให้ขบคิดอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันล้มเหลวภายในครอบครัว, ความเข้าอกเข้าใจในเรื่องทางเพศและเซ็กซ์ ไปจนถึงคติสอนใจผู้ชายเจ้าชู้ที่ชอบมองเห็นผู้หญิงเป็นเพียง “ของเล่นชั่วคราว”
จากพล็อตของหนัง หรือแม้กระทั่งจาก “คำนิยาม” ทั้งหลายแหล่ที่ผมยกมาข้างต้น อาจทำให้หลายคนพานคิดไปถึงความโหดเหี้ยมอันตรายของ “น้องจิ๋ม” ของดอว์นที่คงเที่ยวไล่งับคนนั้นทีคนนี้ทีตลอดทั้งเรื่อง แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรแบบนั้นเลย (ผิดหวังใช่ไหมล่ะ?)
เพราะนอกจากหนังจะไม่มีฉากน้องจิ๋มกัดอะไรๆ ให้เห็นกันแบบจะๆ แล้ว ฉากที่รุนแรงที่สุดในหนังก็เป็นเพียงภาพของเศษ “จู๋” ของผู้ชายที่ขาดตกลงบนพื้น ชักแหง็กๆ สิ้นพิษสง หรือโหดร้ายกว่านั้นหน่อยก็คือ มีหมาตัวหนึ่งวิ่งไปงับ “เจี๊ยวขาดๆ” ชิ้นนั้นขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆ ต่อหน้าเจ้าของที่กำลังร้องโอดโอยอยู่นั่นแหละ!
มากไปกว่านั้นแล้ว ใช่ว่า “น้องสาว” ของสาวดอว์นจะเที่ยวไป “งับ” ใครสุ่มสี่สุ่มห้าก็หาไม่ เพราะจริงๆ แล้ว คนที่ถูกเธองับส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นคนที่ “รุกล้ำ” ไม่ให้เกียรติ และข่มขืนบังคับโดยที่เธอไม่เต็มใจแทบทั้งสิ้น และหนังก็แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ถ้าหากเธอเต็มใจหรือรู้สึกดีที่จะมีอะไรกับผู้ชายคนไหนแล้ว “น้องจิ๋ม” ของเธอจะเลิกดุร้ายไปอย่างสิ้นเชิง (ตรงจุดนี้ก็เป็นอนุสติให้กับผู้ชายได้ระดับหนึ่งว่า ต้องสุภาพกับผู้หญิง และอย่าไปยุ่มย่ามกับพวกเธอเป็นเด็ดขาด หากพวกเธอไม่มี “อารมณ์ร่วม”)
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางอารมณ์ที่หลากหลายของหนัง ซึ่งมีทั้งตลกร้ายแบบเพี้ยนๆ รวมไปจนถึงระทึกใจ และออกแนวดราม่าน่าเศร้าใจอยู่บ้างในบางช่วงนั้น ผมว่าประเด็นที่ Teeth จับต้องได้มั่นคงที่สุด น่าจะเป็นประเด็นของความเหลื่อมล้ำทางเพศระหว่างชายกับหญิง รวมทั้งสิ่งที่ผู้ชายกระทำต่อสตรีอย่างปราศจากความเคารพ
หลายๆ ครั้ง หนังเล่าให้เราได้เห็นว่า ขณะที่ผู้หญิง (ซึ่งก็คือดอว์น) ต้องการคำปลอบใจ ความเข้าอกเข้าใจ ตลอดจนความเห็นอกเห็นใจจากผู้ชาย (ไม่ว่าจะเป็นแฟนหนุ่มที่ชื่อโทบี้ หรือพี่ชายขาร็อกของเธอ หรือแม้กระทั่งชายชราเจ้าของแววตาหื่นกระหายในรถคันนั้น) แต่สิ่งที่เธอได้รับจากผู้ชายเหล่านั้น กลับเป็นการ “ซ้ำเติม” หัวใจที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ให้ทรุดหนักลงไปอีกมากกว่า ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ดอว์นจะใช้ “ของแปลก” ซึ่งมีอยู่ในตัวเองจัดการกับผู้ชายเลวๆ สักคน
ฉากสำคัญของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ห้องเรียนในชั่วโมงวิชาเพศศึกษา ซึ่งหลังจากนักเรียนได้ทำความรู้จักกับอวัยวะเพศของผู้ชายอย่างโจ่งแจ้งทุกซอกทุกมุมแล้ว ผ่านรูปประกอบที่เป็นรูปสเก็ตช์ในหนังสือเรียน แต่พอถึงบทที่ว่าด้วยเรื่องของอวัยวะเพศหญิงบ้าง ภาพประกอบของ “โจเด๊ะ” กลับถูกปิดทับบดบังด้วยสติ๊กเกอร์ไปเสียนี่
ซึ่งถ้ามองจากมุมนี้ คงมิอาจตีความเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกเสียจากว่า ขณะที่โลกของผู้ชายดูจะเปิดกว้างไปมากมายแล้ว แต่ “โลก” ของผู้หญิงกลับถูกปกปิดให้เป็นความลึกลับมืดดำ (เราคงไม่ปฏิเสธกันใช่ไหมว่า นี่ก็คือผลพวงแบบหนึ่งในโลกที่ “ผู้ชายเป็นใหญ่”)
พูดง่ายๆ ก็คือว่า ขณะที่พวกผู้ชายคุยกันถึงเรื่องเพศอย่างเปิดเผย แต่ผู้หญิงกลับต้องนิ่งเงียบ ไม่มี “สิทธิ” แม้แต่จะศึกษารายละเอียดของ “เครื่องเพศ” ของตัวเอง (จะเป็นเพราะ “ค่านิยม” ของสังคมที่เห็นว่า เรื่องเพศเป็นเรื่องสกปรกลามก หรือเพราะเหตุผลอื่นใดก็ตามที)
อย่างไรก็ดี Teeth ไม่ได้ปลุกระดมว่า ผู้หญิงควรลุกขึ้นมาสนทนาเรื่องเพศกันให้เอิกเกริก แต่พยายามเล่าว่า การ “ปิดกั้น” และ “ไม่ตรงไปตรงมา” แบบนี้มันส่งผลกระทบยังไงบ้างต่อ “การมองโลก” ของเด็กสาวคนหนึ่ง (ซึ่งก็เป็น “ตัวแทน” ของผู้หญิงอีกหลายล้านคนบนโลกนี้)
ขณะเดียวกัน การที่มิทเชลสร้างตัวละครแบบดอว์นซึ่งมีฟันอยู่ที่อวัยวะเพศซึ่งสามารถกัดจู๋ของผู้ชายให้ขาดได้ มันดูโอเว่อร์แน่นอน แต่ถ้าไม่ยึดติดอยู่แค่ว่า “จริง” หรือ “ไม่จริง” ผมว่า เรื่องอย่างนี้ ก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องการ “เอาคืน” รูปแบบหนึ่งซึ่งผู้หญิงใช้โต้ตอบผู้ชายเลวๆ ที่หยาบคายต่อพวกเธอได้เหมือนกัน
ถามว่า แล้วทำไมต้องเจาะจงเป็นเรื่อง “จิ๋ม” กัด “จู๋” ?
หรืออีกอย่าง ทำไมดอว์นไม่เอาปืนไปไล่ยิงผู้ชายชั่วๆ เหมือนผู้หญิงในหนังเรื่อง Baise-Moi ?
เหตุผลนั้นเรียบง่ายมากเลยครับ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ผู้ชายเกือบทั้งหมดมักเชื่อว่า “จู๋” ของพวกเขาคือ “เจ้าโลก” ที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้น การเล่นงาน “ของรักของหวง” ของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายพวกเขาทั้งชีวิต
แต่เอาเถอะ ในโลกของความเป็นจริง ผู้หญิงแบบ Vagina Dentata อาจไม่มีอยู่ในโลก แต่ผู้ชายทั้งหลายก็โปรดอย่าได้วางใจ เพราะถึงแม้ผู้หญิงทั่วไปจะไม่มี “ฟันล่าง” เหมือนกับดอว์น แต่ก็อย่าลืมว่า ในโลกนี้ยังมี “อุปกรณ์” อื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนที่พร้อมจะพราก “น้องชาย” สุดที่รักของคุณไปจากคุณได้เช่นกัน
ขอได้รับความห่วงใย...